ก่อนหน้านี้...
-Other-
@The Hospital A
โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ตึกสูงมากกว่าสิบชั้นตั้งเรียงรายบนพื้นที่กว่าหนึ่งร้อยสามสิบห้าไร่ นอกจากตึกผู้ป่วยนอกและในยังมีศูนย์สุขศาสตร์อีกด้วย ซึ่งศูนย์บำบัดผู้ป่วยจิตเวชเป็นหนึ่งในศูนย์สุขศาสตร์ที่มีชื่อเสียง สร้างชื่อเสียงให้กับโรงพยาบาลแห่งนี้เช่นเดียวกับศัลยแพทย์ชื่อดังหลายคน
ร่างสูงโปร่งกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบแปดทำให้เตชินท์ดึงสายตาของผู้พบเห็น เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีครามสวมทับด้วยกางเกงสแล็กส์สีครีมอ่อน ไม่ได้รัดเข็มขัด ชายหนุ่มมีสายคล้องคอระบุตนว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตเวช เขาเดินเข้ามาในตึกโดยในมือมีแก้วกาแฟยี่ห้อดัง ชายหนุ่มเพิ่งกดตัดสายหญิงสาวคนหนึ่งที่โทรหาเขาไป ชายหนุ่มไม่ได้สนใจมากนัก วันนี้เตชินท์ไม่ได้เซทผมเสียด้วยซ้ำแต่ผมที่ปรกลงใบหน้าก็ไม่ได้ปิดบังความหล่อเหลาของเขา ซึ่งชายหนุ่มเข้ามาเป็นจิตแพทย์ที่นี่เพียงแค่สองปีในวัยยี่สิบเก้าปี ทว่าเขาก็เป็นที่รู้จักในโรงพยาบาลนี้ บิดาของเขาเป็นศัลยแพทย์ของที่นี่ ชายหนุ่มเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศก่อนจะกลับมาเป็นแพทย์ประจำบ้านที่นี่พร้อมกับเรียนเฉพาะทางภาควิชาจิตเวชศาสตร์ ชีวิตบนเส้นทางนี้ชายหนุ่มเรียนและเป็นแพทย์เจ้าของไข้ผู้ป่วยหลายราย
ความท้าทายในการทำงานทำให้เขาชอบที่จะมาทำงานด้านนี้ แม้ว่าตัวเองจะป่วยก็ตามแต่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาป่วย ไม่มีใครสามารถสืบประวัติของเขาได้ เพราะชายหนุ่มรับการรักษาจากแพทย์ที่เป็นญาติของแม่เลี้ยงเขา และเป็นบิดาของผู้หญิงคนนั้น
“คุณหมอคะ มาดูนี่สิคะ ไลฟ์สดค่ะ...เหมือนจะเป็นคุณพิ้งค์พลอยนะคะ” เตชินท์กำลังสวมเสื้อกาวย์ยาวทับเพื่อเข้าตรวจผู้ป่วยนอกในเช้าวันนี้ ทว่าเสียงเรียกของพยาบาลก็ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมอง คุณหมอหนุ่มขมวดคิ้วให้กับชื่อที่เขาได้ยิน
“น่าจะมีเรื่องนะคะ อยู่หน้าโรงพยาบาลพอดีเลยค่ะ” ภาพฟ้าเป็นพยาบาลเจ้าของไข้ผู้ป่วยในการดูแลของนายแพทย์เตชินท์ พร้อมกับเป็นสายลับคอยส่งข่าวให้กับคุณหนูพิ้งค์พลอย เธอได้เงินค่าจ้างจากการเป็นผู้ส่งข่าวมากกว่าการเป็นพยาบาลเสียอีก
“แล้ว?” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจมากนัก เจ้าของชื่อนี้ชอบเรียกร้องความสนใจจากเขาเป็นประจำ เขาเอ่ยถามพลางนั่งลงที่เก้าอี้
“คือว่ามีคนไลฟ์สดค่ะ แล้วคุณพิ้งค์พลอยขับรถชนท้ายรถเก๋งคันหนึ่งค่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นมอง ฝ่ามือหนาที่กำลังหยิบปากกานั้นชะงักไป อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากถามว่าเธอบาดเจ็บไหม แต่ริมฝีปากหนาก็ไม่ได้ปริปากพูด
“แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้นสิคะ ดูนี่ค่ะ...เขาเพิ่งทุบกระจกรถของเธอไป น่ากลัวมากค่ะ” เธอว่าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้กับชายหนุ่ม เขามองดูไลฟ์สดที่มีคนดูเพิ่มขึ้นทะลุหลายแสนคน เตชินท์ขมวดคิ้วให้กับการกระทำของเธอ เขาเห็นว่าเธอกำลังต่อล้อต่อเถียงกับชายร่างใหญ่คู่กรณี แทนที่เธอจะโทรแจ้งตำรวจหรือเรียกประกันอุบัติเหตุ
“บ้าชะมัด” พยาบาลสาวเม้มริมฝีปาก เธอไม่เคยเห็นเขาสบถออกมาเช่นนี้ เตชินท์ลุกพรวดขึ้น “เหลือกี่นาที...”
“คนไข้คนแรกนัดเก้าโมงครึ่งค่ะ” คุณหมอหนุ่มยกแขนขึ้นมองนาฬิกาข้อมือทันที
“ยังพอมีเวลา ถ้าผมมาช้าให้ซักประวัติรอได้เลย” เขาว่าพร้อมกับทำท่าทีเหมือนกับจะดึงเสื้อกาวน์ที่สวมอยู่ออก แต่ความร้อนใจทำให้ชายหนุ่มไม่ได้ทำอย่างนั้น เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากห้องทำงานไป โดยไม่ลืมที่จะล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นโทรแจ้งตำรวจ
สถานที่เกิดเหตุไม่ไกลจากโรงพยาบาล เตชินท์มองเห็นคนจำนวนมากล้อมรอบที่เกิดเหตุ ความหัวเสียทำให้เขาผลักคนที่ขวางทางออกด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความโมโห
“ขอทางด้วยครับ!” แม้การกระทำของเขาจะรุนแรงแต่ผู้พบเห็นกลับไม่กล้าต่อว่า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกาวน์ที่เขาสวมใส่อยู่ รวมถึงหน้าตาที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรนี้
สายตาคมมองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่เธอก้าวขาลงจากรถและโดนตบพร้อมกับล้มหน้าคะมำลงพื้น เขาขบกรามแน่น รู้สึกโมโหที่เธอทำอย่างนั้น
“พี่เต...อึก ช่วยด้วย” ชายหนุ่มได้ยินเสียงของเธอ เขาเพียงแค่ปรายสายตามองก่อนจะหันไปสบตาคู่กรณีของเธอ
“ขอโทษด้วยนะครับ ผมแจ้งความแล้ว เดี๋ยวตำรวจก็คงมาไกล่เกลี่ยให้” เขาเอ่ยปากพูด เขาต้องการให้เธอทำอย่างนี้ ไม่ใช่ให้เธอออกมาทำเช่นนี้
“มึงเป็นใครวะ”
“พลเมืองดีคนหนึ่ง...มั้งครับ” เขาตอบพร้อมกับสบตากับเจ้าของใบหน้าสวยนั้น ก่อนจะเลื่อนสายตาหนีเมื่อเห็นว่าก้อนน้ำตาของเธอไหลออกมา
“เสือกอะไรด้วย”
“...ตำรวจมาแล้วครับ” เตชินท์ไม่สนใจคำตอบกลับนั้น เขารู้ว่าตอนนี้ชายร่างใหญ่คนนี้กำลังโมโห ถ้าโมโหกลับก็ยิ่งเหมือนกับราดน้ำมันบนกองเพลิง เขาว่าเมื่อเห็นว่าตำรวจเข้ามา ซึ่งชายร่างใหญ่คนนี้ก็ดูสงบลงทันที อารมณ์โมโหเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงแค่ความวิตกเมื่อเริ่มคิดว่าตัวเองกำลังทำเกินกว่าเหตุ
พิ้งค์พลอยยกมือขึ้นปิดหน้าเมื่อผู้คนเดินเข้าใกล้แม้ว่าตำรวจจะเข้ามาแล้ว เธอไม่พร้อมให้ทุกคนเห็นเธอในสภาพนี้ หญิงสาวต้องสวยสดใสเสมอต่อหน้าผู้คน ใบหน้าเปื้อนน้ำตาแถมมุมปากยังช้ำจากการโดนตบเช่นนี้ เธอไม่อยากให้ใครเห็น ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะรู้ เตชินท์พ่นลมหายใจออกมา เขาถอดเสื้อกาวน์ยาวออกก่อนจะโยนไปคลุมหน้าเธอพร้อมกับเดินเข้าไปช้อนร่างบางขึ้นแนบอก พิ้งค์พลอยมองไม่เห็นการกระทำของเขา เธอไม่ได้ดึงเสื้อของเขาลง เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ประชาชนแล้วที่ถ่ายรูปเธอ ทว่ามีนักข่าวที่มาทำข่าวถ่ายรูปเธออีกด้วย
“ไว้เจอกันที่โรงพักครับ” เตชินท์ว่าพลางอุ้มร่างบางของเธอออกจากฝูงผู้คน ชายหนุ่มพาเธอกลับมาที่โรงพยาบาล ที่สวนดอกไม้หน้าโรงพยาบาลเขาวางเธอลงที่ม้านั่ง ก่อนที่พิ้งค์พลอยจะดึงเสื้อกาวน์ตัวหนานี้ออก
“อึก ฮืออ~ ฉันกลัวมากเลย” เธอร่ำไห้ออกมาทันที รอยช้ำที่มุมปากไม่ได้ทำให้ใบหน้าสวยฉ่ำนี้น่าพิสมัยน้อยลง ทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจ
“ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร น่าจะคุยกันดี ๆ ฉันก็พร้อมจะรับผิดชอบ มาถึงก็ตะคอก ๆ ใครจะกล้าลงจากรถ”
“_”
“ฉันโดนตบด้วย ดูสิ...ล้มจนหัวเข่าถลอก” เธอว่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความตกใจยังไม่เสื่อมคลาย ขณะที่เสียงของเธอก็ไม่ได้เรียกให้เขาสนใจดังเดิม เตชินท์สวมเสื้อกาวน์กลับตามเดิมก่อนที่เขาจะยกโทรศัพท์โทรหาบิดาของเธอแทน ทว่า
หมับ!
“ฉันพูดไม่ได้ยินเหรอ ทำไมพี่ต้องทำเมินด้วย อึก ฉันรู้นะว่าพี่เป็นห่วง แต่ทำไมไม่ช่วยฉัน...” เธอลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ที่เขากำลังแนบหูอยู่ พิ้งค์พลอยทำให้ชายหนุ่มโมโหเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“ทำบ้าอะไรพลอย”
“_”
“อย่าทำตัวสิ้นคิดแบบนี้ได้ไหม” ชายหนุ่มทำหน้าเอือมระอาจนหญิงสาวนิ่งไป เธอเงยหน้าสบตากับเขา
“สิ้นคิด?”
“ใช่ ทำบ้าอะไรรู้ตัวไหม!” เตชินท์เม้มริมฝีปากเมื่อเห็นว่าเธอจะสะดุ้งที่เขาตะคอกเสียงออกมา ใบหน้าหล่อเหลาแทบไม่อยากมองใบหน้าของเธอ
“ฉะ ฉัน ยังไม่ทำอะไรเลย อึก พี่นั่นแหละทำไมต้องตัดสายฉันด้วย ฮืออ~ ถ้าพี่รับสายฉัน ฉันก็ไม่โดนตบแบบนี้หรอก”
“นี่แหละสิ้นคิดของเธอ”
“อึก...”
“เธอควรโทรแจ้งตำรวจ โทรหาประกัน...แล้วลงจากรถทำไม ถ้ามันทำอะไรมากกว่าตบ เธอจะทำยังไง!!”
“ฮึก...” พิ้งค์พลอยแน่นิ่ง เธอยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาพร้อมกับร้องไห้ออกมา เสียใจที่คิดไม่ได้
“อึก ฉัน แค่ ไม่รู้ ฮืออ~ ก็แค่คิดไม่ออก อึก ฉันไม่ได้ฉลาดนี่”
“_”
“แล้วทำไมต้องตะคอกใส่ขนาดนี้ด้วย อึก...ฉัน ไม่ชอบเลย” เตชินท์ยกมือขึ้นเสยผมขึ้น เขาเม้มริมฝีปากเมื่อเห็นว่าเธอร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม
“นั่งลง”
“อึก ฮืออ~”
“ไม่เจ็บหรือไง ขาน่ะ” น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองทันที เธอนั่งลงที่ม้านั่งตามเดิม
“จะโทรให้คุณลุงมารับ เอาโทรศัพท์พี่คืนมา” พิ้งค์พลอยส่ายหน้า เธออยากอยู่กับเขา
“ฉัน อึก อยากอยู่กับพี่”
“พลอย...”
“_”
“ไปโรงพักกับฉันนะ ฉันไม่กล้าไปคนเดียว”
“เดี๋ยวคุณลุงจะมาจัดการให้ ให้ทนายไปแทน” เขาพยายามใจเย็นกับเธอแล้ว แต่พิ้งค์พลอยเอาแต่ใจกับเขามากเกินไป
“แล้ว แล้ว พี่ไม่อยู่กับฉันก่อนเหรอ”
“พี่ต้องทำงานพลอย”
“ฉะ ฉันรอได้ไหม” เธอยังคงดื้อดึงที่จะอยู่ ใบหน้าสวยงอง้ำ แก้มเล็กก็เริ่มแดงขึ้นมา มันเป็นริ้วฝ่ามือขนาดใหญ่
“ไม่ ไม่ได้”
“พี่เต...”
“เอาโทรศัพท์มา” พิ้งค์พลอยไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้กับเขา เล่นเอาชายหนุ่มรู้สึกหัวเสียทันที เขาเดินเข้าไปใกล้เธออีกครั้ง อยากจะเดินหนีและทิ้งเธอไว้ที่นี่ แต่คนสมองน้อยอย่างพิ้งค์พลอยคงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
“ทำไมทำตัวแบบนี้” แม้ปากของเขาจะบ่น แต่เตชินท์ก็ช้อนร่างบางขึ้นแนบอกโดยไม่บอกไม่กล่าว เขาทำให้เธอตกใจ หญิงสาวยกแขนขึ้นคล้องลำคอแกร่ง เขาอุ้มเธอเข้าไปในอาคารจิตเวช พิ้งค์พลอยยิ้มออกมาแต่ก็ต้องชะงักไปเพราะแก้มของเธอช้ำมาก
“เจ็บ เจ็บแก้ม เจ็บหัวเข่าด้วย”
“_”
“พลอยไม่ได้ตั้งใจขับรถชนรถของเขา ไม่ได้ตั้งใจเลยค่ะ” หญิงสาวพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ เธอมองสันกรามของเขาที่มีไรหนวดบาง ๆ อยู่ ทว่า
“เจ็บก็หยุดพูด”
“แต่...”
“หยุดพูด” พิ้งค์พลอยเม้มริมฝีปาก เธอลอบยิ้มในใจ ใครจะไปรู้ดีเท่ากับเธอ หญิงสาวรู้ว่าเขาเป็นห่วง ปากแข็งด่าเธอสารพัด แต่เธอรู้เสมอว่าเขาเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอตกหลุมรักได้อย่างไร
“ขอบคุณนะคะ”
“ยัง ยังไม่หยุดพูดอีก”
“แฮะ ๆ อยากบอกนี่”
“หยุด หยุดพูด”
“ทำไมเหรอ กลัวหวั่นไหวเหรอ” เธอว่าพลางวางมือลงที่หน้าอกแกร่ง พิ้งค์พลอยอยากรู้เหลือเกินว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตนี้หน้าอกของเขาจะแน่นปึกแบบที่เธอสัมผัสไหม
“พลอย...ถ้าไม่หยุดลูบจะทิ้งลงตรงนี้”
“ทิ้งสิ ๆ” ฝ่าเท้าหนาชะงัก เขาก้มหน้ามองเธอ พิ้งค์พลอยกำลังท้าทายเขา เธอกลอกตาหนีสายตาดุ ๆ ของเขาทันที
“_”
“มองอะไร”
“มองคนหน้าช้ำไง หึ ขี้เหร่เลยนะ” เขาว่าเพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบให้พูดว่าเธอไม่สวย
“จริงเหรอ...หน้าฉัน เสียโฉมเหรอ”
“อืม...” ชายหนุ่มก้าวขาเดินอีก เขาโกหกเธอ ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะว่าเธอไม่สนใจเขาแล้ว พิ้งค์พลอยกำลังพะวงอยู่กับใบหน้าของตัวเอง
“ไม่จริง”
“_”
“ทำไงดี ฉันมีถ่ายละครด้วย” เธอพึมพำออกมา อยากส่องกระจกมาก แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ขณะที่การอุ้มดาราสาวของคุณหมอหนุ่มกำลังเป็นที่พูดถึง เขาอุ้มเธอเข้ามาในโรงพยาบาลซึ่งก็มีคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเธอตลอดทางเดิน พิ้งค์พลอยซบหน้าลงที่แผ่นอกแกร่งเพื่อไม่ให้ใครเห็นหน้าอันบอบช้ำ ทำเอาชายหนุ่มต้องก้มมอง
“ทำอะไร”
“อาย...อายคน” เธอพึมพำออกมา แต่ชายหนุ่มไม่คิดอย่างที่เธอพูด เพราะตอนนี้ใบหน้าเล็กของเธอกำลังสูดดมกลิ่นกายของเขา
“หอมจัง”
“พลอย...”
“ใช้น้ำหอมอะไรอ่ะ”
“...ทำไมทำแบบนี้” พิ้งค์พลอยเม้มริมฝีปาก เธอสูดลมหายใจเข้าปอด กลิ่นน้ำหอมของเขาหอมมากจริง ๆ มันผสมกันอย่างลงตัวกับกลิ่นกายของเขา
“ถ้าฉันมีพี่ข้าง ๆ แบบนี้ ยาดมก็ไม่จำเป็นแล้วล่ะ หอมมาก”
“บ้า...”
“บ้าเหรอ ต้องเข้ารักษาไหม” เตชินท์อยากโยนเธอทิ้งเสีย เขาเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มีเขาและเธอแค่สองคน ชายหนุ่มก้มมองใบหน้าของเธออีกครั้ง ก่อนจะพึมพำออกมา
“ยัยบ้า...” พิ้งค์พลอยอมยิ้มให้กับคำพูดของเขาที่ดูแล้วเจ้าตัวไม่อยากจะด่าเธอแล้ว ใบหน้าเล็กซบลงที่หน้าอกแกร่งอีกครั้ง เธอกดจมูกลงที่แผ่นอกของเขา ท่าทีหื่นกามของเธอทำให้ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ ถ้าเธอเจอของจริงจะพูดไม่ออก...