ข่าวใหญ่ของวันนี้คงไม่พ้นข่าวของพิ้งค์พลอยดาราสาว เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเธอดังอย่างต่อเนื่อง จนกดรับโทรศัพท์ของบิดาที่โทรมาไม่ได้ พิ้งค์พลอยทำแก้มป่องเมื่อนักข่าวมาออกันที่โรงพยาบาลจนทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้แออัด แต่ยังดีที่เตชินท์พาเธอเข้ามาในห้องทำงานของเขาเสียก่อน
“มองอะไร” พิ้งค์พลอยกลอกตาหนีสายตาคมที่มองลงมา เขานำกล่องทำแผลมาวางไว้ที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ เธอ
“ทำแผลเสร็จแล้วก็กลับ”
“ไม่เอา ไม่อยากกลับ” คุณหมอหนุ่มมองหน้าเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงจัง “ก็ไหนบอกจะไปโรงพักด้วย”
“ใครบอก”
“ก็พี่บอกกับผู้ชายคนนั้นว่าเจอกันที่โรงพัก” เตชินท์ขมวดคิ้ว พิ้งค์พลอยจำรายละเอียดได้แม่น ดูเหมือนว่าเธอจะให้เขาไปด้วยให้ได้
“พี่ต้องทำงาน”
“ก็ฉันรอไงคะ พี่ก็ทำงาน ให้นอนรอจนถึงพรุ่งนี้ก็รอได้” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจผ่านปลายจมูกโด่งคม เขายกมือขึ้นเชยคางของเธอให้หันมามอง ก่อนจะประคบผ้าเย็นลงที่ใบหน้าซีกข้างที่เธอเพิ่งโดนตบมา
“อ๊ะ!...เย็น” พิ้งค์พลอยมองตาของเขาไม่ลดละจนเกรงว่าสันกรามของเขาจะบาดตา กรอบใบหน้าพระเจ้าสรรค์สร้าง จมูกโด่งดั่งสันเขื่อนมันงุ้มปลายรับริมฝีปากหยักได้รูปของเขา พิ้งค์พลอยเผลอเม้มริมฝีปากด้วยความขวยเขินแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ทำอะไร ทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง
“เป็นอะไร...คอเคล็ดด้วยหรือไง อย่าเอียงคอสิ”
“คิก ๆ ...” พิ้งค์พลอยหัวเราะออกมาเบา ๆ เธอเอื้อมมือไปตบไหล่หนาของเขาด้วยความเขินอาย “ทำเป็นดูแลเอาใจใส่”
“_”
“เขินนะเนี่ย” ชายหนุ่มมองเธอด้วยแววตามีคำถามตลอดเวลา ท่าทีของเธอทำเอาคุณหมอหนุ่มต้องส่ายหน้า
“งั้นก็ถือไว้”
“หืม...”
“ผ้าเย็น...ดู รองพื้นเธอ” เขาชูผ้าเย็นผืนเล็กให้เธอดู จากสีขาวตอนนี้กลายเป็นสีครีมอ่อนจากรองพื้นของเธอเสียแล้ว
“โอมายกอช!...หน้าฉัน” เธอยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแต่ก็เผลอกดแรงเกินไป “โอ๊ย...เจ็บชะมัด”
“หึ...” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว ทำให้หญิงสาวหันไปมองทันที เธอชะงักเมื่อเห็นว่าเขาหัวเราะให้เธอ
“พี่...หัวเราะเหรอ” พิ้งค์พลอยพึมพำออกมา เพราะไม่เห็นเขาหัวเราะนานมากตั้งแต่ที่เขากลับจากต่างประเทศ เตชินท์เปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น
“เปล่า...”
“ฉันได้ยินนะ” เตชินท์ไหวไหล่ขึ้น เขาเปิดกล่องอุปกรณ์ทำแผลออกมา เพื่อทำแผลที่หัวเข่าเล็ก
“ทำไมต้องทำเมินด้วยก็ไม่รู้”
“ขยับมานี่”
“_”
“เป็นไร”
“_”
“พลอย...”
“ไม่ได้เป็นไร แค่อยากเป็นของพี่ แต่พี่ไม่สนใจ” หญิงสาวว่าพร้อมกับขยับตัวเข้าหา ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ชายหนุ่มผงะตัวเล็กน้อย
“ให้ความร่วมมือหน่อย...รีบทำจะได้รีบเสร็จพี่มีงานต้องทำ” รู้สึกน้อยใจแค่ไหนก็ต้องให้ความร่วมมือ พิ้งค์พลอยเม้มริมฝีปากเมื่อเข้าชุบสำลีกับน้ำเกลือเพื่อล้างแผลให้เธอ
“อ๊ะ ๆ เจ็บ ๆ” หญิงสาวร้องโอดครวญออกมาเบา ๆ ชายหนุ่มเข้าใจเธอ เพราะมีเศษหินฝังที่บาดแผลบนหัวเข่า เขาก็เลยต้องค่อย ๆ เช็ดออกให้
“เจ็บ อ๊ะ! อย่าทำแรงสิ”
“เบา ๆ เอง อย่าขยับสิ มันผิดท่ารู้ไหม” เตชินท์เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเจ้าหล่อน เขาดุเธอด้วยสายตาจนหญิงสาวเงียบไป
“อย่าดุสิ ก็มันเจ็บนี่น่า”
“อย่าขยับ จะได้เสร็จเร็ว ๆ” เตชินท์ลงมือทำแผลให้กับเธออีกครั้ง เขาค่อย ๆ ใช้สำลีที่ชุบน้ำเกลือเช็ดจนเศษดินและเศษหินออกจากบาดแผลของเธอ พิ้งค์พลอยเม้มริมปากแน่นเมื่อเขากำลังเปลี่ยนไปชุบสำลีกับแอลกอฮอล์
“อื้ออออ ~ มะ ไม่เอา”
“ไม่เจ็บ ขยับมานี่...เอาขามานี่ ถ่างออกแบบนี้” เตชินท์รู้สึกปวดหัวกับเธอ พิ้งค์พลอยดื้อยังไงก็ดื้ออย่างนั้นไม่เปลี่ยนตั้งแต่เด็กจนโต
“พะ พอแล้ว”
“เสร็จแล้วเนี่ย...” ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ เขาปิดผ้าก๊อซให้เธอเรียบร้อย ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลเข้ากล่องพยาบาลดังเดิม
“จะเป็นแผลเป็นหรือเปล่า”
“หมั่นทำแผลบ่อย ๆ ก็ไม่เป็นหรอก” ชายหนุ่มว่าตามหลักการ เขาเก็บกล่องพยาบาลไว้ที่เดิม
“พี่จะมาทำให้ฉันหรือเปล่า”
“ไม่...”
“ตอบไวชะมัด” พิ้งค์พลอยย่นจมูกใส่เขาไปหนึ่งที ท่าทีของเธอทำให้ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนที่ร่างหนาจะเดินไปเปิดประตูเมื่อเข็มนาฬิกาบนฝาผนังบอกว่าถึงเวลาทำงานแล้ว ทว่า
แกร็ก!
“อ๊ะ...เอ่อ ขอโทษค่ะ” พยาบาลสาวรวมถึงหัวหน้าพยาบาลและกลุ่มผู้ช่วยพยาบาลมายืนออกันที่หน้าประตูห้องของคุณหมอหนุ่ม เตชินท์ยกมือขึ้นเสยผมเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าเสียงพูดคุยของเขากับพิ้งค์พลอยอาจทำให้คนได้ยินเข้าใจผิด
“แฮะ ๆ ฉันแค่จะมาบอกว่า เอ่อ...มีนักข่าวเต็มโรงพยาบาลเลยค่ะ เกรงว่ามันจะไม่เป็นส่วนตัวกับคนไข้”
“โอเค คนไข้มายัง”
“มาแล้วค่ะ...ซักประวัติเรียบร้อย”
“เคสเดียวใช่ไหมเช้านี้”
“ค่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เขารู้จักพิ้งค์พลอยเป็นอย่างดี ถ้าเขาไม่ไปด้วย เธอก็จะไม่ยอม
“ผมฝากพลอยด้วย ให้เธอนั่งรอตรงนั้น” เตชินท์พยักพเยิดหน้าไปที่เก้าอี้หลังเสาขนาดใหญ่ไม่ไกลจากห้องตรวจของเขา
“เอ่อ ฉันคิดว่ายังไงนักข่าวก็ต้องเห็น”
“ไม่ต้องห่วง” คุณหมอหนุ่มกลับเข้ามาในห้องทำงานของเขาอีกครั้ง เตชินท์มองพิ้งค์พลอยที่ส่งสายตาน่ากลัวให้เขาอยู่ ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ เธอจะรู้ตัวไหมว่ากำลังทำหน้าอย่างไรอยู่ แล้วมันเหมาะกับคนหน้าบวมอย่างเธอหรือไม่ เตชินท์เปิดเข้าไปในห้องนอนเวรของตน ก่อนจะกลับมาพร้อมกับฮู้ดตัวหนาพร้อมกับแว่นกันแดดสีชา
“เอาไปใส่ แล้วก็รอข้างนอก”
“ตะ แต่...”
“อย่าดื้อ” หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็เอ่ยพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน พิ้งค์พลอยรับเสื้อจากเขา เธอยอมใส่แต่โดยดี
“หอมจัง...” เตชินท์ขมวดคิ้วมุ่น ไม่คิดว่าเธอจะพูดออกมาอีก ส่วนเธอก็ไม่ได้คิดอะไร อยากพูดอะไรก็พูด แต่คนฟังอย่างเขาคิดดีไม่ได้สักเท่าไร
เวลาต่อมา...
จิตแพทย์หนุ่มนั่งอ่านเอกสารประวัติที่พยาบาลได้ซักประวัติมาให้ เขาเงยหน้าขึ้นมองคนไข้สาวที่เดินเข้ามาในห้องทำงาน
“สวัสดีค่ะ...” เธอยิ้มให้กับคุณหมอหนุ่มพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อย เตชินท์ยิ้มรับเป็นมารยาทเช่นกัน
“สวัสดีครับ...ชื่ออะไรครับ”
“อันนา กนกกาญจน์ค่ะ” เขาพยักหน้ารับ
“เห็นในนี้บอกเคยเข้ารักการรักษาแล้วใช่ไหมครับ...”
“ค่ะ เพิ่งขอเปลี่ยนแพทย์” หญิงสาวยิ้มให้กับคุณหมอหนุ่ม เธอยกมือขึ้นทัดผมที่ใบหู ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มไม่ลดละ เตชินท์ที่มองอยู่ก็พอเข้าใจว่าเธอเปลี่ยนแพทย์เพราะอะไร
“ฉันรอคิวคุณหมอนานมากเลยค่ะ แต่พอจะได้ก็ได้แบบงง ๆ” เธอว่าพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับชายหนุ่ม
“ครับ ผมเพิ่งทำวิจัยเสร็จก็เลยพอมีเวลารับอีกเคส”
“อ้อค่ะ พอได้คุณหมอเป็นแพทย์เจ้าของไข้ก็ทำให้ฉันมีความหวังขึ้นมา” เตชินท์เม้มริมฝีปาก เขาเลิกคิ้วมองเธอด้วยความกระอักกระอ่วนในใจ
“แพทย์คนก่อนวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าแบบดิสทีเมีย* นะครับ เดี๋ยวผมจะให้ทำแบบทดสอบแล้วจะจ่ายยาให้อีกที”
“ค่ะ...เอ่อ คุณหมอคะ ผู้หญิงคนเมื่อกี้...ข่าว เอ่อ คือเรื่องจริงเหรอคะ” ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สนใจเรื่องที่เขาพูด เตชินท์ฉีกยิ้มบาง ๆ เขาไม่ควรปฏิเสธคำถามของเธอ เธอกำลังป่วย
“จริงครึ่งไม่จริงครึ่งหนึ่งครับ” เธอคงหมายถึงเรื่องข่าวการคบหากับพิ้งค์พลอย เพราะว่าเธอเคยเคลมเขาออกสื่อมาหลายหน พิ้งค์พลอยให้สัมภาษณ์ว่าเธอมีแฟนแล้ว และแฟนของเธอก็เป็นจิตแพทย์ที่นี่นั่นก็คือเขาเอง แต่ข่าวลือนี้ก็ค่อย ๆ เงียบไปเพราะว่าชายหนุ่มไม่ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวคนไหนเลย
“อ้อค่ะ...แล้วฉันต้องไปที่ไหนต่อคะ”
“ยื่นใบนี้ให้กับพยาบาลด้านหน้าห้องตรวจนะครับ” เขายื่นเอกสารคืนให้กับเธอและใบส่งตัวเข้าห้องทำแบบสอบถาม “แล้วค่อยกลับมาห้องนี้หลังทำแบบทดสอบเสร็จครับ”
“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ” อันนาว่าพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ด้วยท่าทีเหนียมอาย เธอเม้มริมฝีปากเมื่อไม่สามารถหุบยิ้มให้กับจิตแพทย์หนุ่มได้ ร่างบางเดินออกจากห้องตรวจไป เธอมองพิ้งค์พลอยที่หลังหลบอยู่หลังเสา ภาวนาว่าไม่ให้ดาราคนนั้นคบหากับคุณหมอที่เธอเฝ้ารอคอย
“คนไข้คะ เชิญทางนี้ค่ะ” พยาบาลภาพฟ้าผายมือให้กับอันนา เธอเดินนำหน้าหญิงสาวไปที่ห้องทำแบบทดสอบ
“คนไข้สามารถอ่านเองแล้วก็ตอบคำถามเองก่อนนะคะ หลังจากนั้นคุณหมอจะทวนคำถามอีกทีเพื่อวินิจฉัยแล้วจะได้จ่ายยาให้ค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” เธอพยักหน้ารับ ก่อนที่ภาพฟ้าจะแนะนำตัว เพราะคนไข้จิตเวชต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง หากเธอคนนี้เป็นคนไข้ในการดูแลของนายแพทย์เตชินท์แล้ว เธอก็ต้องดูแลในฐานะพยาบาลเจ้าของไข้เช่นกัน
“ฉันชื่อภาพฟ้านะคะ เป็นพยาบาลที่ทำงานกับคุณหมอเตชินท์หากว่ามีปัญหาอะไรสามารถโทรที่เบอร์นี้นะคะ ฉันจะเป็นคนรับสายค่ะ” เธอว่าพร้อมกับชี้หมายเลขโทรศัพท์ที่เขียนอยู่บนเอกสารในมือของอันนา
“แล้ว...ไม่มีเบอร์คุณหมอเหรอคะ”
“หืม...อ้อ มีค่ะ เดี๋ยวจะมีเบอร์ไว้ติดต่อแพทย์ประจำตัวอยู่แล้วนะคะ แต่ว่าโทรมาที่เบอร์นี้ฉันจะเป็นคนโอนสายให้น่ะค่ะ”
“อยากโทรหาคุณหมอเลยน่ะค่ะ”
“หืม...” ภาพฟ้าฉีกยิ้มบาง ๆ เพราะไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ ต้องการเบอร์โทรศัพท์ของคุณหมอเพื่อโทรคุยเรื่องการรักษา หรือว่าโทรเพื่อการอื่น
“ไม่ได้เหรอคะ”
“อันนี้ต้องรบกวนคนไข้ถามคุณหมอเองนะคะ” อันนาพยักหน้ารับ เธอออกตัวเดินไปที่ห้องห้องหนึ่งไม่ไกลจากห้องทำงานของคุณหมอหนุ่ม
ขณะเดียวกันที่การนั่งอยู่เฉย ๆ ทำให้พิ้งค์พลอยเริ่มเบื่อ เธอกดปิดโทรศัพท์เพราะไม่อยากรับข่าวสารอะไรทั้งสิ้น ร่างบางชะเง้อคอมองดูคุณหมอหนุ่มภายในห้องทำงานแต่ก็มองไม่เห็นเพราะไม่สามารถมองทะลุประตูได้ ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ อยากรู้ใจแทบขาดแต่ก็ไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของเขา
ซึ่งตอนนี้เตชินท์กำลังถือสายอยู่กับบิดาของเธอเอง เขาต้องการจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด การมีพิ้งค์พลอยมาวนเวียนในชีวิตเช่นนี้มันไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร
“ฮัลโหลครับ”
[เต...พลอยอยู่ด้วยใช่ไหม] น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของคุณลุงที่ได้ชื่อว่าเป็นแพทย์ประจำตัวเขาดังออกมาจากโทรศัพท์ทันทีที่อีกฝ่ายกดรับสาย
“ครับ เธอรอไปโรงพักกับผม”
[ลุงให้ทนายไปคุยแล้วล่ะ รอให้พลอยไปให้ปากคำเพิ่มเติม]
“ครับ เธอให้ผมพาไปเที่ยงนี้”
[โอเค ลุงฝากด้วยนะ]
“เอ่อ...”
[เตไม่สะดวกใจเหรอ ช่วยใจดีกับน้องหน่อย]
“_”
[นักข่าวกำลังเล่นข่าวของพลอยเลย ลุงเป็นห่วงน้อง...] เตชินท์เม้มริมฝีปาก เขากำลังจะบอกว่าไม่สะดวกไปกับเธอช่วยส่งคนมารับเธอไปที ทว่าพอผู้มีพระคุณพูดเช่นนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มปฏิเสธไม่ลง
“โอเคครับ เดี๋ยวผมดูแลให้” เตชินท์ตอบรับแม้ว่าใจของเขาไม่ได้อยากทำเช่นนั้น
[ไว้มาทานข้าวที่บ้านนะ]
“ครับ”
[ไม่มีอาการอะไรใช่ไหม ไม่ได้กินยาแล้วลุงกลัวว่าเราจะมีปัญหา ไม่มีปัญหาใช่ไหม]
“ไม่มีครับ” เขาโกหก เตชินท์รู้ว่าไม่ควรโกหก แต่เขามีเหตุผลของเขาเอง
[ยังฝันร้ายไหม]
“ไม่มีครับ” ไม่มีได้อย่างไรก็เขาเพิ่งฝันไปเมื่อคืน หรือจะบอกว่าเขายังคงฝันอยู่ทุกค่ำคืน ชายหนุ่มไม่อยากรับการรักษาจากบิดาของพิ้งค์พลอยแล้ว เขาไม่อยากอยู่ใกล้เธอ...