อาคิราสะบัดศีรษะไปมา เพื่อไล่ความมึนเมาออกจากร่างกาย แม้หญิงสาวจะจิบเครื่อง
ดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ไม่มากนัก ทว่าการนั่งดื่มเกือบสามชั่วโมง ทำเอาหญิงสาวถึงกับมึนได้เหมือนกัน และนอกจากจะปวดหัวจากเครื่องดื่มที่ดื่มไปแล้ว หญิงสาวยังปวดหัวกับเสียงคุยกัน เสียงหัวเราะของชายและหญิง ที่ต่างก็ส่งเสียงกรีดหวีดร้องดังเซ็งแซ่แข่งกับเสียงเพลงที่เปิดดังกระหึ่มอยู่ภายในผับด้วย
“คิดถูกหรือคิดผิดนะเรา ที่มาหาทางออกของชีวิตในผับที่เสียงดังยังกับป่าช้าแตก”
อาคิราประชดตัวเอง เพราะแทนที่จะไปหาสถานที่สงบๆ ใช้สมาธิได้อย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหา หญิงสาวกลับเลือกมาในผับแห่งนี้แทน และก็ทำให้เธอปวดหัวอย่างหนักกับเสียงสนทนากันที่เธอฟังไม่รู้เรื่องแม้แต่คำเดียว
“พวกเขาเป็นชาวตะวันออกกลางหรือยังไง ใช้ภาษาอะไรพูดกัน ทำไมเราฟังไม่ออกเลย”
อาคิรางึมงำถามตนเอง ขณะเดินผ่านผู้คนเหล่านี้ เพื่อไปเข้าห้องน้ำ และเผอิญได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขา แต่ไม่ว่าจะตั้งคำถามด้วยประโยคใด หญิงสาวก็ไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี
ร่างบางระหงเซเล็กน้อย ขณะเดินตามทางเดินตรงไปยังห้องน้ำ ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่า ทันทีที่เธอลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อทำธุระส่วนตัว เจ้าแห่งทะเลทรายก็ผละออกจากบรรดาสาวๆ และสหายทั้งหลาย เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะจัดการสั่งสอนเธอแล้ว
อาคิราเต็มไปด้วยความงุนงง เมื่อกลับมาจากห้องน้ำแล้วเห็นมีผู้ชายเรือนร่างใหญ่โตมานั่งลงบนเก้าอี้ที่เธอนั่งในก่อนหน้านี้ แต่เธอเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของเขาเท่านั้น เพราะอีกฝ่ายจงใจเลือกนั่งหันหลังให้กับทางเดิน
และเมื่อมีคนมานั่งเก้าอี้ของเธอ มาร่วมวงจิบเหล้าโดยที่เธอไม่ได้เชื้อเชิญ ก็ทำให้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะนาทีนี้เธอไม่มีอารมณ์จะเสวนากับใครทั้งนั้น
“ขอโทษนะคะ คุณกำลังมานั่งที่โต๊ะของฉัน โดยฉันไม่เต็มใจให้มานั่งด้วย”
เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว อาคิราก็ต่อว่าชายหนุ่มผู้นี้ในทันที พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นสบตาให้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆ ถึงกับตกใจ อาการสั่นสะเทิ้มแล่นจู่โจมเข้าสู่ตัวเธอ แค่เพียงจ้องสบตากับดวงตาคมกริบไม่ต่างจากดวงตาของพญาอินทรี
และใช่ว่าจะมีแค่เพียงอาคิรา ที่ตกอยู่ในความตะลึงงัน ชีคอัลมัสเกิดอาการตัวชา มึนงงไปชั่วขณะ ราวกับถูก
น็อคด้วยหมัดหนักๆ เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ยืนด่าพระองค์ฉอดๆ หัวสมองของพระองค์หยุดสั่งการไปชั่วขณะ ไม่นึกว่าหญิงสาวผู้นี้จะสามารถทำให้หัวใจของพระองค์สั่นคลอนได้
ซึ่งไม่ใช่ความงดงามของเธอที่ทำให้พระองค์ตกตะลึง ใจสั่นรัว ตัวชา แทบหยุดหายใจ ทว่าเป็นเพราะมีกระแสบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวเธอ ซึ่งพระองค์ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
แต่ที่แน่ๆ พระองค์รู้ว่าดวงตากลมโตที่กำลังจ้องมองเขม็ง เรียวปากอิ่มแดงระเรื่อที่เจ้าตัวกัดเม้มไว้แน่น ทำให้พระองค์อยากดึงร่างบางระหงให้มาทรุดลงบนตัก แล้วกระหน่ำจูบให้สาแก่ใจ พิสูจน์ว่าเรียวปากอิ่มคู่นี้จะหวานฉ่ำมากปานใด และแค่นึกคิดอยู่ในใจ เลือดอุ่นๆ ในกายของพระองค์ก็เริ่มร้อนระอุขึ้นมาทีละองศาแล้ว
เมื่อบุรุษนัยน์ตาคมยังคงจ้องมองเขม็ง โดยไม่พูดอะไรออกมา อาคิราก็ยิ่งโมโหเค้นเสียงตอกหน้าอีกฝ่ายโดยไม่สนใจว่าชายผู้นี้จะยิ่งใหญ่มาจากไหน
“จะจ้องหน้าฉันอีกนานไหม ฉันจะได้คิดค่ามองหน้าให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย”
น้ำเสียงที่เค้นถามห้วนๆ ฉุดให้ชีคอัลมัสหลุดออกมาจากภวังค์ที่พระองค์ต้องมนต์ไปชั่วขณะ จากนั้นก็ออกคำสั่งกับคนตรงหน้าบ้าง
“นั่งลง เราไม่ชอบให้ใครมายืนค้ำหัวเรา”
มีหรือที่อาคิราจะเชื่อฟังคนแปลกหน้า พอถูกออกคำสั่งเสียงห้วน หญิงสาวก็ปฏิเสธทันควัน
“ไม่! ฉันไม่นั่ง เพราะที่นั่งของฉันถูกคุณยึดไปแล้ว”
ไม่เคยมีหญิงใดกล้าปฏิเสธและท้าทายอำนาจของชีคอัลมัสมาก่อน พอถูกอาคิราปฏิเสธ ความโกรธกริ้วก็แล่นเข้าจู่โจมพระองค์ในทันที
พระหัตถ์ใหญ่คว้าหมับไปตรงข้อมือเล็กกระชากทีเดียวร่างบางระหงก็ถลามานั่งอยู่บนหน้าตักของพระองค์อย่างรวดเร็วเกินกว่าอาคิราจะทันตั้งตัว
อาคิราไม่ทันระวัง อีกทั้งคิดไม่ถึงว่าชายผู้นี้จะหยาบคายกับเธอ พอถูกกระชากข้อมือเต็มแรง ก็เสียหลักร่างบางทรุดไปอยู่บนตักของอีกฝ่าย พร้อมกับหวีดเสียงตะโกนพรุสวาทดังลั่น
“กรี๊ดด!!! ไอ้บ้า ไอ้กักขฬะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
เสียงร้องตะโกนลั่นของอาคิรา สะกดให้ทุกคนในผับหันมามองเธอกับชีคอัลมัส เป็นสายตาเดียวกัน ต่างก็ตกตะลึงไปกับคำด่า ที่หญิงสาวพ่นใส่เจ้าแห่งทะเลทราย
ทางด้านขององครักษ์มาริสส์ พอเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็รีบเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่งเข้ามาหาเจ้าเหนือหัวของตนเอง แต่ไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกมา ก็ถูกตวาดไล่ซะก่อน
“ไม่ต้องมายุ่ง มาริสส์ เราจัดการเองได้”
ตรัสห้ามองครักษ์มาริสส์ไปแล้ว ชีคอัลมัสก็ถลึงดวงเนตรจ้องมองสหายของพระองค์ รวมทั้งบรรดาสาวๆ ที่ต่างก็จ้องมองอาคิราเพราะความอิจฉา ด้วยแววตาเขม็งแข็งกร้าว ทำเอาคนเหล่านี้ต้องรีบสลายตัวอย่างรวดเร็ว
อาคิราไม่รู้ว่าชายผู้นี้คือใคร มีอำนาจมากเพียงใด แต่ที่แน่ๆ เขาสามารถทำให้ทุกคนหวาดกลัว รีบเดินหนี โดยไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งแม้แต่คนเดียว
“ไอ้บ้า! ปล่อยฉัน!”
อาคิราขยับกายดิ้นรนให้เป็นอิสระ พยายามลงจากตักของอีกฝ่ายให้ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เพราะร่างอรชรถูกพันธนาการไว้แน่นด้วยต้นแขนแข็งแกร่ง
ในขณะอาคิราพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการจองจำ ชีคอัลมัสก็ต้องกัดฟันแน่น สูดโอษฐ์เบาๆ เมื่อคลื่นเปลวสวาทแล่นพล่านทั่วกาย ปลุกอารมณ์รักของพระองค์ให้ร้อนฉ่าทุกครั้งที่สะโพกผายมนขยับเสียดสีไปมาอยู่บนหน้าตักของพระองค์ ยิ่งหญิงสาวดิ้นเร้ามากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการปลุกเรือนกายแข็งขึงของพระองค์ให้ประกาศความใหญ่โตมากเท่านั้น