ตอนที่ 9

1639 คำ
ธนากรกลับมาจากตกปลาหมึกก็อดที่จะถามหาบุตรสาวจอมซุกซนอย่างทานตะวันกับดวงพรผู้เป็นภรรยาไม่ได้ “ซันนี่ไปไหนเหรอคุณ” ดวงพรที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องพักเงยหน้าขึ้นมองสามี “พ่อบรูซอยู่ไหนซันนี่ก็อยู่นั่นแหละค่ะ” ธนากรส่ายหน้าน้อยๆ อย่างระอาใจ พลางทรุดลงนั่งบนโซฟา “ผมล่ะเกรงใจพ่อบรูซเหลือเกิน ลูกสาวของเราก็ทำตัวไม่น่ารักเลย ตามผู้ชายต้อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว” “ก็ซันนี่เขารักของเขานี่คะคุณ แกรักพ่อบรูซมาตั้งแต่เล็ก” “ถึงจะรักก็น่าจะไว้ตัวบ้าง ผมล่ะไม่รู้จะทำยังไง สอนจนไม่รู้จะสอนยังไงแล้ว” ดวงพรลุกขึ้น และเดินมานั่งข้างๆ สามี “พ่อบรูซก็ไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจอะไรซันนี่สักหน่อย คุณอย่าคิดมากไปเลยค่ะ” แม้ภรรยาจะพูดแบบนี้ แต่ผู้เป็นสามีก็ยังหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นเดิม “ยังห่วงเรื่องอะไรอีกคะคุณ” “ซันนี่เป็นผู้หญิง ผมไม่อยากให้ทำตัวแบบนี้เลย ถ้าสักวันมีอะไรเกินเลยกันไป ทางเราก็จะมีแต่เสียกับเสียนะ” ดวงพรกุมมือสามี พลางพูดขึ้น “ในเมื่อพ่อบรูซรับปากกับเราเอาไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรไม่ดีไม่งามกับซันนี่ก่อนที่ซันนี่จะเรียนจบปริญญาตรี พ่อบรูซก็จะไม่ทำค่ะ ฉันเชื่อแบบนั้น” “แต่น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนนะคุณ แล้วนับประสาอะไรกับผู้ชายอย่างพ่อบรูซที่ซันนี่ไปสนิทสนมด้วยทุกวัน” “เอาน่าคุณธนา... ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ เชื่อฉันนะคะ” แม้จะยังไม่คลายกังวลใจแต่ธนากรก็จำต้องพยักหน้ารับ “งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ ตัวเหนียวมากเลยนี่” “ค่ะ ว่าแต่ทำไมวันนี้กลับเร็วนักล่ะคะ เห็นทุกวันกว่าจะกลับก็บ่ายแก่ๆ นู้น” ธนากรที่กำลังจะเดินไปที่ห้องน้ำชะงักเท้า ก่อนจะหันมาตอบภรรยา “ก็พายุเข้าน่ะสิ ผมก็เลยต้องรีบกลับ ขืนอยู่กลางทะเล มีหวังเรือล่ม” ดวงพรอมยิ้มบางๆ ในขณะที่ผู้เป็นสามีเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ โดยวางโทรศัพท์เอาไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งหน้ากระจก เสียงดังตี๊ดๆๆ เหมือนข้อความเข้า ทำให้ดวงพรต้องเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์อีกรอบ ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ของสามีขึ้นมามอง ข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา “ข้อความจากพ่อบรูซนี่” ดวงพรรีบกดอ่านข้อความที่บรูซส่งมาหาธนากรทันที ก่อนที่จะหน้าซีดเผือด เผลอทำโทรศัพท์ของสามีตกพื้นด้วยความตกใจ “คุณพระคุณเจ้า...” มือขาวสะอาดยกขึ้นทาบอก ก่อนจะนึกถึงข้อความที่บรูซส่งมาให้อีกครั้ง ‘คุณอาครับ เรือของผมกับซันนี่น้ำมันหมดอยู่กลางทะเล ใกล้ๆ กับเกาะเล็กๆ ที่มีรูปเหมือนรองเท้าบู๊ทครับ’ “ซันนี่... ซันนี่ลูกแม่...” ดวงพรลมแทบจับรีบวิ่งไปเคาะประตูห้องน้ำ และตะโกนร้องเรียกชื่อของสามีลั่น “คุณคะ คุณ... คุณคะ...” ธนากรที่ยังไม่ทันได้อาบน้ำเลย เปิดประตูออกมา พร้อมถามด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือคุณ ผมยังไม่ทันได้อาบน้ำเลย” “ซันนี่... ซันนี่ค่ะคุณ...” สภาพหน้าตาที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของภรรยาทำให้ธนากรหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ลางสังหรณ์ระเบิดในอกอย่างรุนแรง “ซันนี่... ซันนี่เป็นอะไรไปคุณ?!” “ซันนี่... ซันนี่กับพ่อบรูซติดอยู่บนเรือค่ะ และเรือก็น้ำมันหมดอยู่กลางทะเล” “กลางทะเล?” ธนากรทวนคำก่อนจะรีบวิ่งไปชะโงกมองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดกังวลใจ “ตอนนี้พายุกำลังเข้า” “แล้วเราจะทำยังไงดีคะคุณ ลูกของเราว่ายน้ำไม่เก่งด้วย” “ใจเย็นๆ คุณ ผมจะโทรหาเจ้าหน้าที่เดี๋ยวนี้” “แค่โทรไม่ได้นะคะ เราต้องออกไปตามลูกด้วย ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” ดวงพรร่ำไห้คร่ำครวญปริ่มจะขาดใจ “ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเอาเรือออกหรอกคุณ พายุคลั่งซะขนาดนี้ ผมทำได้อย่างเดียวคือรอให้พายุสงบก่อนค่อยออกไปตาม” “แต่ลูกของเรา...” “เราก็ต้องภาวนาให้ยายซันนี่กับพ่อบรูซปลอดภัย” ธนากรพูดจบก็เดินหน้าเครียดออกไปจากห้องพัก เพื่อไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ดวงพรทรุดกายลงกับพื้นร้องไห้ด้วยความห่วงใยบุตรสาวยิ่งนัก เสียงฟ้าร้องคำรามสลับกับแสงฟ้าที่ฟาดลงมาบนพื้นดินดังขึ้นเป็นระยะ และนั่นก็ทำให้ขวัญของทานตะวันกระเจิดกระเจิงยิ่งนัก หญิงสาวในสภาพเปียกโชกไปทั้งตัวกอดรัดร่างกำยำของบรูซเอาไว้แน่น เขาคือที่พึ่งเดียวของหล่อนในยามนี้ “พี่บรูซ... ซันนี่กลัว...” หล่อนซุกหน้ากับแผงอกกว้างจนเจ้าของร่างสัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาอุ่นๆ จากสองแก้มนวล ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น พลางก้มลงจูบศีรษะทุยสวยแผ่วเบาอย่างต้องการปลอบโยน แม้ยามนี้เขาจะพาทานตะวันเข้ามาหลบฝนอยู่ภายในถ้ำกลางเกาะร้างได้แล้ว แต่ความหนาวเหน็บและเสียงของพายุที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาก็ยังไม่ยอมลดลง “ซันนี่กลัว...” “ไม่ต้องกลัวนะซันนี่ พี่อยู่นี่แล้ว พี่จะไม่ยอมให้ใครทำอะไรซันนี่ได้หรอก เชื่อพี่นะ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นจากแผงอกกว้าง เพื่อช้อนตาขึ้นมองเขา แม้จะอยู่ในถ้ำที่ค่อนข้างมืดแต่หล่อนก็ยังสามารถมองเห็นความห่วงใยจากสายตาสีน้ำเงินของบรูซได้อย่างชัดเจน เขายิ้มให้หล่อน อ่อนโยนและแสนสุภาพ ซึ่งในยามปกติแล้วเขาไม่เคยมอบมันให้กับหล่อนเลย “ซันนี่... เชื่อพี่บรูซค่ะ ซันนี่... เชื่อพี่บรูซ...” บรูซพยายามควบคุมตัวเองอย่างหนัก เมื่อสายตากลมโตของเด็กสาวในอ้อมแขนทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวจนเกราะที่สร้างเอาไว้ใกล้จะพังทลาย เขาไม่อยากอยู่ใกล้ทานตะวันแบบนี้เลย ไม่ใช่ว่าหล่อนน่ากลัว แต่เป็นความดิบเถื่อนที่เขาพยายามซ่อนเอาไว้ต่างหากที่น่ากลัว ชายหนุ่มถอนใจแรงๆ และดันร่างแน่งน้อยออกห่าง พลางลุกขึ้นยืน ทานตะวันหน้าซีด มองเขาด้วยความน้อยใจ “พี่บรูซจะทิ้งซันนี่ไปไหนคะ” “พี่ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก แค่จะไปหาฟืนมาจุดไฟ เราจะได้ไม่หนาวกันไง” “ให้ซันนี่ไปด้วยนะคะ” เด็กสาวจะลุกขึ้นยืน แต่เสียงห้วนห้าวของบรูซทำให้หล่อนขยับกายไม่ได้ “อย่าออกไปเป็นภาระของพี่เลย ให้พี่ไปคนเดียวสะดวกกว่า” “ซันนี่... แค่อยากช่วย” คนตัวโตหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับหล่อน ความมืดมิดภายในถ้ำที่สะท้อนอยู่รอบกายของเขายิ่งทำให้บรูซ คาร์ตันลึกลับน่าสะพรึงกลัว “ถ้าอยากช่วย... ช่วยอยู่เฉยๆ ได้ไหม” “พี่บรูซ...” ทานตะวันครางออกมาอย่างเสียใจ แต่เขาไม่สนใจ หมุนตัวและเดินออกไปจากถ้ำอย่างรวดเร็ว “พี่บรูซ...” เด็กสาวกอดเข่าน้ำตาไหลพราก ยามที่สายฟ้าฟาดลงมาหล่อนก็สั่นสะเทือนไปทั้งหัวใจ หล่อนชะเง้อคอรอเขานานนับครึ่งชั่วโมง แต่เขาก็ยังไม่มา ความห่วงใยทำให้ทานตะวันเลือกที่จะขัดคำสั่งของบรูซ และออกไปตามหาเขา “พี่บรูซ... ทำไมยังไม่กลับมานะ” หล่อนเดินสะเปะสะปะออกมายังปากถ้ำ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่บรูซในสภาพเปียกปอนกลับมาพอดี เขามองหน้าหล่อนด้วยความไม่พอใจ “พี่บอกแล้วไงว่าให้รออยู่ในถ้ำ ออกมาทำไม” “ซันนี่... เป็นห่วงพี่บรูซ” “เป็นห่วงพี่...? เป็นห่วงทำไม พี่เป็นผู้ชาย แข็งแรงกว่า ตัวโตกว่า พี่ไม่มีทางเป็นอะไรไปง่ายๆ หรอก เธอต่างหากซันนี่ที่จะทำให้พี่ต้องเป็นห่วง กลับเข้าไปในถ้ำได้แล้ว” เขาว่าหล่อนเป็นชุด มองไม่เห็นความห่วงใยที่หล่อนมีต่อเขาเลยสักนิด ทานตะวันน้ำตาคลอ เดินคอตกตามหลังคนตัวโตเข้าไปภายในถ้ำ และก็เดินไปทรุดนั่งลง มองเขาเงียบๆ ไม่กล้าพูดจาเพราะเกรงจะถูกตำหนิเอาอีก “ข้างนอกฝนยังตกไม่หยุด คืนนี้เราคงต้องค้างที่นี่” “ค้างที่นี่เหรอคะ” ตั้งใจจะไม่พูดแล้วนะ แต่ก็อดที่จะถามออกไปด้วยความสงสัยไม่ได้ จนคนที่กำลังก่อกองไฟอยู่ต้องชะงักมือและหันมามองหล่อน ทานตะวันทำหน้าเจื่อนๆ “คือ... ซันนี่แค่... ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้น่ะค่ะ” “พี่ก็ไม่เคยมีเหมือนกัน... แล้วเพราะความเอาแต่ใจของใครล่ะ เราถึงเกือบตายกันแบบนี้” นั่นไง ถูกเขาตำหนิอีกแล้ว ทานตะวันก้มหน้าซ่อนน้ำตาเอาไว้ และเอ่ยขอโทษ ใช่... เพราะหล่อนเอง ถ้าหล่อนไม่หึงหวงจนเลือดขึ้นหน้า บรูซก็คงไม่ต้องมาลำบากแบบนี้ “ซันนี่ขอโทษค่ะ... ขอโทษที่พาพี่บรูซมาลำบาก” เขาหันกลับไป วางฟืนในกองไฟไปเรื่อยๆ พลางพูดขึ้น “ที่พี่พูดนี่ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เราต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่พี่อยากให้เธอมีเหตุผลมากกว่านี้ซันนี่... มีเหตุผลแบบผู้ใหญ่น่ะ เมื่อไหร่จะมีได้สักที” “ซันนี่ขอโทษค่ะ ซันนี่จะพยายามไม่ทำอีก...” บรูซถอนใจออกมาแรงๆ และไม่พูดอะไรออกมาอีก ในขณะที่ทานตะวันนั่งร้องไห้เงียบๆ ลอบมองคนตัวโตที่นั่งหันหลังให้หล่อนด้วยความปวดใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม