หยาดน้ำตาแห่งความหวาดกลัวของทานตะวันทะลักออกมา บรูซเห็นแล้วก็ใจอ่อนจะดุจะว่าอีกก็กลัวเด็กสาวจะขวัญเสียมากไปกว่านี้ จึงลุกขึ้นและเดินไปที่จุดควบคุมเรือ จากนั้นก็ลองสตาร์ท แต่ผลก็เหมือนเดิม ไม่ติด
“น้ำมันคงหมดจริงๆ”
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะพี่บรูซ... ซันนี่ยังไม่อยากตาย”
“ไม่อยากตาย แต่เรื่องที่ทำแต่ละเรื่องเฉียดตายทั้งนั้น”
คำตำหนิของบรูซทำให้ทานตะวันสะอื้นไห้ เด็กสาวทรุดกายลงนั่งกับพื้นของเรือ ในขณะที่บรูซพยายามคิดหาทางออก แต่แล้วเสียงฟ้าก็คำรามลั่นอยู่เหนือศีรษะ เขาเงยหน้าขึ้นไปมองและก็ถอนใจออกมาอย่างเครียดจัด
“พายุกำลังมา”
“พี่บรูซ... เราจะตายไหมคะ”
บรูซดึงร่างเล็กที่นั่งอยู่ขึ้นมาสวมกอด ก่อนจะพูดปลอบใจ
“พี่ไม่ยอมให้ซันนี่เป็นอะไรไปหรอก เชื่อใจพี่นะ ซันนี่”
ดวงหน้าเปื้อนคราบน้ำตาแนบกับเสื้อเชิ้ตของเขา สองมือกอดร่างกำยำเอาไว้แน่น หัวใจของหล่อนไม่เคยห่างจากเขาเลย บรูซ คาร์ตัน
“ซันนี่เชื่อพี่บรูซเสมอค่ะ”
บรูซอมยิ้ม ยกมือสีแทนขึ้นลูบเส้นผมสีดำขลับแผ่วเบา พลางคิดหาทางออก
“พี่คิดออกแล้ว โทรศัพท์ไง”
ทานตะวันพลางขยับตัวออกห่างอมยิ้มดีใจ แต่ไม่นานก็ทำหน้ายู่
“ซันนี่ไม่ได้เอามา”
“พี่เอามา นี่ไง”
สิ่งที่เห็นในมือของบรูซทำให้ทานตะวันยิ้มกว้าง หล่อนมองเขาอย่างมีความหวัง
“โทรหาคุณพ่อเลยค่ะพี่บรูซ”
บรูซทำในสิ่งที่ทานตะวันพูดทันที แต่ไม่ว่าจะพยายามโทรออกสักเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถโทรติดต่อใครได้เลย
“ไม่มีสัญญาณเลยซันนี่”
“ไม่มีสัญญาณ... แบบนี้ก็แสดงว่า...”
ทานตะวันพูดได้แค่นั้นก็น้ำตาไหลออกมาอย่างผิดหวัง
“ไม่มีใครช่วยเราได้ใช่ไหมคะพี่บรูซ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับน้อยๆ พลางพูดขึ้น “เราต้องช่วยตัวเอง ซันนี่” มือหนาดึงร่างอรชรเข้ามากอดแน่น ปล่อยให้คลื่นทะเลซัดเรือเล็กให้เคลื่อนที่ไปตามยถากรรม
“พี่ส่งข้อความไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าคุณอาจะได้รับเมื่อไหร่”
“แล้วเรายังคงมีความหวังไหมคะ”
“แน่นอน แถวนี้มีเกาะอยู่ ถ้าพี่จำไม่ผิด นั่นไง...”
บรูซชี้ไปที่เกาะขนาดเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากเรือที่หล่อนกับบรูซอยู่นัก เด็กสาวยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง
“คลื่นทะเลจะพัดเรือไปถึงไหมคะพี่บรูซ”
“ถ้ารอคลื่นทะเลคงไม่ถึงหรอก เราต้องว่ายน้ำไปเอง”
“ว่ายน้ำ?”
บรูซพยักหน้ารับ พลางยกมือขึ้นประคองสองแก้มนวลเอาไว้ และก้มหน้าต่ำลงมาหา มองด้วยสายตาห่วงใย
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะพาซันนี่ไปถึงเกาะนั้นให้ได้ ไม่ไกลเลย”
ไม่ไกลเลย... ใครว่าล่ะมันไกลไม่น้อยเลยต่างหาก และคนที่ว่ายน้ำเป็นแบบงูๆ ปลาๆ อย่างหล่อนจะสามารถว่ายระยะทางไกลๆ แบบนี้ได้ยังไง
“พี่บรูซทิ้งซันนี่เอาไว้บนเรือนี้เถอะค่ะ ซันนี่คงว่ายไปไม่ถึง”
“เด็กโง่... พี่จะทิ้งเธอได้ยังไงกันล่ะ”
เด็กสาวน้ำตานองหน้า แต่ก็ยังฝืนยิ้ม
“ไม่มีซันนี่สักคน พี่บรูซคงจะสบายใจขึ้น”
“ใครบอก... ไม่มีซันนี่ พี่ก็คงเหงาหูแย่ ไม่เอาอย่าพูดแบบนี้ เราจะไปด้วยกัน แต่ขอพี่คิดก่อนว่าเราจะไปกันยังไง”
ทานตะวันจ้องหน้าบรูซ... มองเสี้ยวหน้าของเขาที่กำลังขบคิดด้วยสายตาเทิดทูน เพราะบรูซเป็นสุภาพบุรุษแบบนี้ไง หล่อนถึงเลิกรักเขาไม่ได้สักที ทั้งๆ ที่หล่อนเป็นคนก่อเรื่อง แต่เขาก็ยังคงอ่อนโยนและให้กำลังใจเสมอในยามคับขันแบบนี้
“ซันนี่รักพี่บรูซ...”
“มาพูดอะไรตอนนี้... พี่กำลังใช้ความคิดนะ”
บรูซดุไม่จริงจังนัก และหันมามองหล่อน สายตาที่เต็มไปด้วยความภักดีของเด็กสาวทำให้บรูซเหมือนถูกสะกด สิ่งที่คิดอยู่ในหัวตอนนี้หายวับไปหมดสิ้น มีแค่ความรู้สึกที่พยายามซ่อนเร้นเอาไว้เท่านั้นที่ผงาดงันเผยออกมา
“ซันนี่...”
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าไปหา ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายริมฝีปากร้อนจัดก็ครอบครองกลีบปากอิ่มเต็มนั้นเอาไว้ได้อย่างแนบสนิท บรูซขยับปากเคล้าคลึงเนื้อนุ่มด้วยความโหยหา สองมือใหญ่กระชากร่างอรชรเข้ามาใกล้จนร่างเล็กเกยขึ้นมาบนตัก และเขาก็บดปากลงไปหาอย่างดุเดือด หนึ่งจูบเป็นสองจูบและสิบกว่าจูบด้วยความเต็มอกเต็มใจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งแน่นอนว่าคงจะเลยเถิดไปมากกว่านี้หากสายฝนและลมพายุไม่กระหน่ำเข้าใส่เสียก่อน
“พายุมาถึงแล้ว ซันนี่ระวังนะครับ”
ชายหนุ่มกอดร่างเล็กเอาไว้แนบอก มองไปรอบๆ ตัวที่มืดครึ้มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ เมื่อกี้ยังสว่างอยู่เลย ทำไมถึงได้มืดเร็วนัก
“พี่บรูซ... ซันนี่กลัว”
“ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่แล้ว พี่ไม่ยอมให้ซันนี่เป็นอะไรหรอก เชื่อพี่นะ”
สองร่างกอดกันแน่น ลมพายุพัดเข้าใส่เรือจนโคลงเคลงและหวิดจะล่มครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ผ่านมาได้นานหลายสิบนาที จนเรือเล็กเคลื่อนเข้าใกล้เกาะเข้าไปทุกขณะ
“ซุกหน้ากับอกพี่เอาไว้ซันนี่ พี่จะปกป้องเธอเอง”
ทานตะวันทำตามที่บรูซบอก ซึ่งมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด อ้อมแขนของเขา ร่างกายของเขาทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนมีปีกเทพบุตรคอยห่อหุ้มเอาไว้ หล่อนไม่กลัวอะไรแล้ว... ไม่เกรงกลัวอะไรหากได้อยู่กับเขา
“พี่บรูซ... ซันนี่รักพี่บรูซค่ะ”
เขาไม่ตอบ แต่กอดร่างเล็กเอาไว้แน่น ขณะชะเง้อคอมองฝ่าความมืดของลมพายุออกไปเพื่อหาทางรอด แต่ความมืดมิดบดบังทุกอย่างเอาไว้จนหมดสิ้น
เปรี้ยง!!!
“ว๊าย...!”
สิ้นเสียงอุทานของทานตะวันเรือก็คว่ำลง สองร่างร่วงตกลงไปในน้ำทะเลที่เย็นเฉียบ ทานตะวันตะเกียกตะกายและก่อนที่หล่อนจะขาดใจ มือของบรูซก็มาคว้าหล่อนขึ้นมาจากใต้ผิวน้ำ เขารั้งหล่อนเข้ามากอด และพาแหวกว่ายไปข้างหน้าเพื่อหาทางรอด และก็โชคดีนักเพราะจุดที่เรือคว่ำมันใกล้กับเกาะเล็กๆ พอดิบพอดี
บรูซใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบนาทีก็สามารถพาร่างเปียกโชกของทานตะวันขึ้นฝั่งไปได้สำเร็จ ร่างเล็กนอนหอบหายใจอย่างอ่อนแรง โดยมีร่างของบรูซชะโงกอยู่เหนือร่าง มือหนาเย็นเฉียบตบที่แก้มนวลเบาๆ หลายครั้งเพื่อเรียกสติให้กับเด็กสาว
“ซันนี่... ซันนี่เป็นยังไงบ้าง ซันนี่ครับ...”
ทานตะวันค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“พี่บรูซ... ซันนี่ยังไม่ตายใช่ไหมคะ”
“ซันนี่...”
บรูซเห็นทานตะวันฟื้นก็รวบร่างเล็กเข้ามากอดแนบอกอย่างลืมตัว กอดแน่นราวกับว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนอีก
“เธอยังไม่ตายซันนี่... พี่บอกแล้วไงพี่จะไม่ยอมให้เธอตาย”
กลีบปากอิ่มที่ตอนนี้ขาวซีดยิ้มกว้าง
“งั้นพี่บรูซก็เตรียมรำคาญได้เลยค่ะ เพราะซันนี่จะตามติดพี่ บรูซเหมือนเดิม”
“ไม่ต้องมาทำเป็นปากดีเลย หนาวไหมเนี่ย”
เขาลุกขึ้นนั่ง โดยไม่ลืมที่จะดึงร่างเล็กที่สั่นราวกับลูกนกขึ้นมากอดแนบอกด้วย
“ไม่... ไม่หนาวเท่าไหร่หรอกค่ะ”
“อย่ามาทำเป็นอวดเก่งหน่อยเลย ตัวสั่นแบบนี้ไม่เรียกว่าหนาว จะให้เรียกว่าร้อนหรือไง ยายเด็กดื้อ”
“พี่บรูซน่ะ ดุซันนี่อีกแล้ว”
ชายหนุ่มไม่ตอบ ช้อนร่างอรชรขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน พลางพาเดินขึ้นไปบนเกาะ
“พี่บรูซจะพาซันนี่ไปไหนคะ”
“พี่ก็ยังไม่รู้เลย แต่ก็หวังว่าจะเจอที่หลบฝนบ้าง”
ทานตะวันแนบหน้ากับแผงอกของชายหนุ่ม ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย
“หลับคาอกเชียวนะ ยายซันนี่”
บรูซหรี่ตามองเด็กสาวที่สิ้นฤทธิ์ผล็อยหลับไปแล้วด้วยความหมั่นไส้ระคนเอ็นดู ขณะที่สองเท้าก็ยังคงก้าวเดินต่อไปด้วยความยากลำบาก