ตอนที่ 7

1585 คำ
ทานตะวันเดินตามบรูซมาทันก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นไปบนเรือ หล่อนคว้าแขนล่ำๆ ของเขาเอาไว้ และเงยหน้าถามด้วยความแปลกใจ “พี่บรูซจะขับเรือออกไปในทะเลเหรอคะ” “ใช่ พี่จะขับเรือเล่น เธอกลับไปหาคุณอาเถอะ” “แต่ซันนี่อยากไปด้วยนี่คะ” เด็กสาวรบเร้า เพราะมันเป็นหนทางที่หล่อนจะได้อยู่ใกล้ชิดกับบรูซยามที่ใต้ฝ่าเท้าคือผืนแผ่นน้ำของท้องทะเล “ไม่ได้ มันอันตราย ไม่เหมาะกับเด็ก” “คำก็เด็กสองคำก็เด็ก ถ้าซันนี่เด็กจริงๆ แล้วเมื่อคืนพี่บรูซมาจูบปากซันนี่ทำไมคะ แถมยังดูดคอซันนี่อีก” คำพูดตัดพ้อตรงไปตรงมาของทานตะวันทำเอาบรูซพูดไม่ออก “แบบนี้ซันนี่ไปเล่าให้แม่ฟังดีกว่า” เด็กสาวเห็นว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าจึงสะบัดแขนและเดินกลับเข้าฝั่ง บรูซรีบกระโดดลงจากเรือและวิ่งตามมา ความจริงเขาไม่ได้กลัวหรอก แต่ทานตะวันเองต่างหากที่จะเสียหาย “ซันนี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” บรูซคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ และกระชากให้หยุดเดิน ทานตะวันซ่อนยิ้มแห่งชัยชนะเอาไว้ พลางเชิดหน้าสูงอย่างอวดดี “ไปขับเรือเล่นสิคะ มายุ่งกับซันนี่ทำไม” “ปากดี” “ค่ะ ซันนี่ปากดี ไม่อย่างนั้นพี่บรูซคงไม่จูบซันนี่หรอกค่ะ” “ซันนี่...” ชายหนุ่มดุเสียงไม่พอใจ จากนั้นก็ระงับอารมณ์ให้เย็นลง และยอมที่จะทำตามความต้องการของเด็กสาว “จะไปกับพี่ก็ได้ แต่ห้ามพูดมากนะ พี่รำคาญ” “จริงเหรอคะพี่บรูซ” ทานตะวันกระโดดจนตัวลอย บรูซไม่ตอบ ปล่อยมือจากหล่อน และหมุนตัวเดินจากไปทันที ทานตะวันอมยิ้มอย่างดีใจ รีบวิ่งตามไป แต่แล้ว... “คุณบรูซคะ คุณบรูซ...” เสียงผู้หญิงร้องตะโกนเรียกบรูซ คาร์ตัน ซึ่งเป็นผู้ชายของหล่อน ทานตะวันหยุดเดิน และหันไปมอง ก่อนจะจำผู้หญิงที่วิ่งกระหืดกระหอบผ่านหน้าของหล่อนไปหาบรูซได้ทันที “ยายคนที่เดินชนกับเราเมื่อคืนนี่ รู้จักพี่บรูซได้ยังไงกัน” ทานตะวันไม่หยุดคิดให้เสียเวลา หล่อนรีบวิ่งไปหาบรูซที่แม่นั่นวิ่งนำหน้าไปหาก่อนแล้วทันที จากนั้นก็รีบสอดแขนคล้องกับท่อนแขนกำยำของบรูซแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที เมธาวีเห็นก็โกรธจัดแต่ก็เก็บอารมณ์นั้นเอาไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม “มีอะไรกับผมหรือครับคุณเม” “คุณเม...?” ทานตะวันทวนคำพูดของบรูซ พร้อมกับมองหน้าของชายหนุ่มกับยายผู้หญิงนิรนามคนนั้นสลับกันไปมา งงว่าไปรู้จักกันตอนไหน “นี่พี่บรูซไปรู้จักผู้หญิงคนนี้ที่ไหนคะ รู้จักได้ยังไง และทำไมถึงไม่เคยเล่าให้ซันนี่ฟัง พี่บรูซทำอย่างนี้ได้ยังไง...” ทานตะวันถามรัวเป็นชุดและนั่นก็ทำให้บรูซไม่พอใจ “หุบปากซันนี่ พี่จำเป็นต้องรายงานเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” “ก็ตั้งแต่ที่เราสัญญากันว่าจะแต่งงานกันนั่นแหละค่ะ” เด็กสาวเถียง และแนบหน้ากับต้นแขนของชายหนุ่ม พลางหันไปพูดกับเมธาวีด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นที่สุด “รู้ไว้ซะด้วยว่าผู้ชายคนนี้คือว่าที่เจ้าบ่าวของฉัน” “แค่ว่าที่หรือคะ” “นี่เธอ...” ทานตะวันเข่นเขี้ยวอยากจะตบผู้หญิงตรงหน้านัก เพราะมองก็รู้แล้วล่ะว่ามีจุดประสงค์อะไรกับการปรากฏตัวในครั้งนี้ แต่บรูซสิ ทำไมเขาถึงไม่รู้อะไรเลย “อย่าไปสนใจซันนี่เลยครับ เธอยังเด็ก ว่าแต่คุณเมมีธุระอะไรกับผมหรือครับ” เมธาวียิ้มหวานให้กับบรูซ พลางขยับเข้ามาใกล้ แต่ทานตะวันก็เดินไปขวางหน้าเอาไว้เสียก่อน บรูซรู้สึกอึดอัดจนจับร่างของหล่อนไปไว้ด้านหลัง “เมเข้าใจค่ะ เด็กสาวก็แบบนี้แหละค่ะ หวงไปเรื่อย ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความรักคืออะไร” “ทำไมฉันจะไม่รู้ยะ ฉันรู้ทุกอย่างนั้นแหละ” “หุบปากซันนี่” เมื่อถูกดุทานตะวันก็จำต้องสงบปากสงบคำ และทำได้แค่ลอบมองสองคนคุยกันเท่านั้น “คือ... ที่เมมานี่ก็เพราะ... เมเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนค่ะ เมซักแล้วนะคะ” นั่นไง นึกแล้วว่าคุ้นๆ ตา ที่แท้ก็เป็นอย่างที่หล่อนคิดเอาไว้จริงๆ และเมื่อคืนที่เดินชนกันก็คงเป็นเพราะแม่นี่มาอ่อยพี่บรูซถึงห้องสินะ “ขอบคุณครับ แต่ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่รับคืน ผมมีหลายผืน” “แต่ว่าเมตั้งใจซัก และเอามาคืนจริงๆ นะคะ” เมธาวียังคงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อยู่แบบนั้น แต่บรูซก็ยังไม่รับคืน ทานตะวันที่อยู่ด้านหลังจึงโผล่มากระชากไปถือเอาไว้แทน “ซันนี่...” บรูซดุ แต่ทานตะวันไม่สนใจ “ถ้าจะคืนเอามาให้ฉันนี่” แล้วเด็กสาวก็ทิ้งผ้าเช็ดหน้าลงกับพื้นทราย พร้อมกับใช้เท้าขยี้ไปมาด้วยท่าทางของเด็กที่ถูกขัดใจ บรูซมองอย่างเดือดดาล “เด็กนิสัยไม่ดี” คนถูกว่าเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ เขาว่าหล่อนมากมายแค่ไหนหล่อนไม่เคยโกรธ ไม่เคยน้อยใจ แต่ทำไมต้องมาว่าหล่อนต่อหน้านังผู้หญิงคนนี้ด้วย “แล้วเด็กนิสัยดีเป็นยังไงคะ ต้องมาอ่อยพี่บรูซถึงห้อง เหมือนที่นังผู้หญิงคนนี้ทำเมื่อคืนใช่ไหมคะ ใช่ไหมคะ” “ซันนี่ หยุดพูดเดี๋ยวนี้” หยาดน้ำตาที่คลอเบ้าทะลักไหลหล่นลงมาเต็มแก้มนวล หัวใจเจ็บปวดทรมานจนไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ได้อีก “แล้วที่พี่บรูซจูบซันนี่เมื่อคืน ก็คงเป็นเพราะอารมณ์ค้างมาจากนังนี่ล่ะสิ” “ซันนี่! ไปให้พ้นหน้าพี่ ไปเลย!” คนตัวเล็กยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง มองคนใจร้ายอย่างน้อยใจเป็นที่สุด “ไม่ต้องไล่หรอกค่ะ ซันนี่ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอหรอก เชิญ... จะทำอะไรกันก็เชิญ...” แล้วทานตะวันก็วิ่งร้องไห้จากไป มุ่งหน้าตรงไปยังเรือเร็วคันที่บรูซจองไว้ “บ้าชะมัด” บรูซสบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่ก็อดที่จะห่วงใยทานตะวันไม่ได้ “ผมขอโทษด้วยนะครับ ซันนี่ยังเด็ก เอาไว้ถ้าเธออารมณ์เย็นลง ผมจะพาเธอมาขอโทษคุณเมก็แล้วกันนะครับ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เมไม่ถือสาเด็กอยู่แล้ว ว่าแต่คุณบรูซพอมีเวลาว่างไหมคะ” “ต้องขอโทษนะครับ ผมต้องไปตามซันนี่ก่อน” “แต่ว่า...” เมธาวีลืมตัวจึงคว้าแขนของบรูซเอาไว้ ชายหนุ่มแกะออกด้วยท่าทางที่พยายามจะสุภาพที่สุดทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วอยากจะสลัดแรงๆ ด้วยซ้ำ “ผมขอตัวครับ” บรูซพูดแค่นั้นก็รีบวิ่งตามทานตะวันไปยังเรือเร็วที่เจ้าหล่อนกำลังพยายามจะติดเครื่องทันที และก็ตะโกนร้องดังลั่นไปตลอดทาง “ซันนี่ ห้ามสตาร์ทเครื่องเด็ดขาดนะ มันอันตราย ซันนี่!” เมธาวีมองความห่วงใยที่บรูซมีให้ทานตะวันไปด้วยความอิจฉาริษยา เพราะหล่อนมองออกทันทีเลยว่าบรูซคิดยังไงกับยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนั้น “เมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกค่ะ เมจะต้องได้คุณ” เมธาวีคิดอย่างหมายมั่น ก่อนจะกัดฟันเมินหน้าเดินจากไป ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่บรูซสามารถกระโดดขึ้นไปบนเรือได้พอดี “ซันนี่ เธอทำบ้าอะไรของเธอ” “อย่ามายุ่งกับซันนี่ ไปให้พ้นเลย คนหลายใจ” บรูซพยายามจะเข้าไปควบคุมเรือเองแต่เด็กสาวไม่ยอม หล่อนเร่งความเร็วมากขึ้นจนเรือเอนไปเอนมา บรูซจำต้องยืนเกาะราวสแตนเลสเอาไว้แน่น “พี่หลายใจตรงไหน พี่มีใจแค่ดวงเดียว” ทานตะวันหันกลับมามองทั้งน้ำตา ก่อนจะหันกลับไป “มีใจเดียว แต่แบ่งเป็นหลายดวงให้กับผู้หญิงยังไงล่ะคะ เสียแรงที่ซันนี่รักพี่บรูซคนเดียว คนใจร้าย อย่ามายุ่งกับซันนี่อีกเลย” “ซันนี่เธอเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว พี่กับคุณเมไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดนะ” “ไม่ต้องมาแก้ตัว ซันนี่จะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น” “โอเค ไม่ฟังก็ไม่ต้องฟัง ตามใจเธอ” แล้วบรูซก็ทรุดตัวลงนั่งปล่อยให้ทานตะวันควบคุมเรือต่อไป แต่กระนั้นก็ยังไม่ละสายตาจากหล่อนเพราะถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นเขาจะได้แก้ไขทัน ตลอดเส้นทางกว่าสี่สิบนาทีทานตะวันเป็นคนควบคุมเส้นทางด้วยตัวเอง เด็กสาวไม่รู้หรอกว่าเรือกำลังแล่นไปทางทิศไหน รู้เพียงแต่ว่าอยากจะประชดคนตัวโตที่นั่งเงียบเท่านั้น จนสุดท้ายเรือที่แล่นมาดีตลอดเส้นทางกลับดับสนิทลง ทานตะวันหน้าเสียรีบสตาร์ทเครื่องใหม่อีกครั้ง แต่ผลก็เหมือนเดิม “พี่บรูซ...” หล่อนหันไปหาเขา ซึ่งก็เห็นเขาทำหน้าตาเบื่อหน่ายอยู่ “น้ำมันหมด” “น้ำมันหมด? แล้วเราจะกลับเข้าฝั่งยังไงคะ” คราวนี้ลืมความแง่งอนน้อยใจไปสนิทเลย หล่อนรีบปล่อยพวงมาลัยและเดินไปหาเขา มองเขาด้วยความสำนึกผิด “ซันนี่... ขอโทษ...” “แล้วมันทันไหมล่ะ น้ำมันหมด ลอยอยู่กลางทะเล คงรอดกันล่ะ” “พี่บรูซ...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม