บทที่5.หวั่นไหว
เจรามี่ตรงกลับไปยังที่พัก เขาไม่เข้าใจตัวเองนัก เกมสนุกๆ ที่น่าจะสร้างความรื่นรม แต่ที่ค้างคาอยู่ในใจนี่ คือความรู้สึกหน่วงๆ เหมือนตนเองกำลังทำผิด
เขาไม่สบายใจเลย เมื่อเห็นน้ำตาของนิสา ใจเขาอ่อนยวบ ยินยอม จนอยากจะล้มเลิกความตั้งใจ ผู้หญิงที่เขาสัมผัสมานั้น ตรงข้ามกับลักษณะภายนอก นิสาไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟัน หล่อนแค่แข็งนอก แต่อ่อนใน ท่าทางไร้เดียงสาจนเขาเริ่มหวั่น
มือแข็งแรกยกขึ้นนวดเบาๆ ข้างขมับ เขาควรทำอย่างไรถึงดีที่สุด จะถอยหนีตอนนี้ก็ไม่น่าเกลียด หากอ้างเรื่องเวลาและสถานที่ อีกไม่นานเขาก็ต้องเดินทางอีกแล้ว นาทีนี้ เจรามี่รู้สึกว่าเขาเข้าใจพี่ชาย โดมินิคคงไม่อยากห่างเมีย เขาเลยเลือกที่จะปล่อยวาง และยกอำนาจที่มีให้คนอื่น
และคน คนนั้นคือเขา...
“ฮ่าๆ...” ชายหนุ่มหัวเราะร่วน เมื่อจู่ๆ สีหน้านิสาก็แว๊บเข้ามาในหัว
ไม่น่าเชื่อเพียงจูบๆ เดียว จะสยบผู้หญิงคนนั้นได้ จากที่สัมผัส หล่อนไม่น่าจะมีประสบการณ์มาก่อน ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ผู้ชายรอบตัวหล่อนคงขี่ลามา ถึงได้ต้วมเตี้ยมเช่นนี้ ส่วนเขาขี่จรวดไอพ่น เลยพาหล่อนทะลุไปถึงไหนต่อไหน มือแกร่งยกขึ้นลูบเรียวปากไปมาด้วยความเหม่อลอย จูบที่ซ่านทรวงแบบนี้ เขาเองก็ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทุกทีเจอแต่สาวใจถึง ร้อนแรง พอมาลองชิมผู้หญิงไม่มีประสบการณ์มันครึ้มใจพิกล
เจรารี่ตัดสินใจขอความเห็นจากพี่ชาย โดมินิคน่าจะมีข้อแนะนำได้ เขารีบกดโทรศัพท์โทร. หาพี่ชายทันที
แต่...เสียงที่ดังผ่านสายโทรศัพท์มา พาให้อารมณ์ร้อนๆ ที่สงบลงแล้ว ปะทุขึ้นมาอีก เขาส่ายหน้า โครงศีรษะแรงๆ
“อื้อ...อูยยยยโดมขา” เสียงครางกระเส่าแทรกผ่านสายโทรศัพท์มาทำให้เจรามี่ชะงักกึก
“ชูว์!!...วราผมขอคุยกับเจแป๊บนึง ไอ้ห่าเจโทร. มาทำไมไม่รู้ โอว์”เสียงกระซิบเบาๆ ทำให้เจรามี่ตะแคงหูฟัง เขาได้ยินเสียงคราง เสียงเสียดสี กิจกรรมรักที่สามี ภรรยากำลังทำร่วมกัน
“มีอะไรวะเจ โอววววอื้ม...ฉันติดธุระอยู่ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญแกถูกเตะแน่”
โดมินิค กัดฟันกรอดๆ พูดเสียงสั่นๆ กับน้องชาย
“เออ...คือ...” เจรามี่กลอกตามองบน เขาจะพูดยังไงล่ะ หากปลายสายยังไม่หยุดทำเสียงแปลกซักที
“ฉันให้เวลาสิบนาที พูดมาได้เลย ไม่อย่างนั้นฉันจะวางสาย กูยุ่ง โอววววว”
เสียงของโดมินิคขาดๆ หายๆ ผสมกับเสียงลมหายใจดังฟื๊ดฟ๊าด
“คือ...”
“ฉันนับหนึ่งแล้วนะโว้ยเจ ถ้ายังไม่เริ่มตอนนี้ ฉันจะวางสายในอีก 9 นาทีข้างหน้า”
โดมินิคขู่ เขากำลังติดพัน...
เจรามี่กลั้นใจถาม “ผมมีเรื่องอยากถาม...พี่น่ะ”
“เรื่องอะไรวะ โอววววว”
“อีกสิบนาทีผมค่อยโทร. หาพี่นะ รีบจัดการธุระให้เสร็จเร็วๆ ล่ะ เสียงร้องของพี่น่ะทำให้ผมคิดอะไรไม่ออก”
เจรามี่ตัดสินใจวางสาย เมื่อเห็นว่าโดมินิคไม่สามารถคุยกับเขาได้ในตอนนี้
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน คว้ากุญแจรถยนต์มาถือไว้ เดินออกจากห้องชุด แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อจุดหมายปลายทางเขาไม่รู้ หากต้องการคุยกับนิสาเป็นการส่วนตัว เขาต้องรู้ที่อยู่ของหล่อนก่อน หนุ่มใจร้อนเป็นไฟเลยค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งที่เดิม ระหว่างรอพี่ชายทำธุระเสร็จ เขาเลยเปิดแล็ปท็อปขึ้นมาศึกษางานต่อ
กิจวัตรที่ต้องทำทุกวัน นับตั้งแต่บิดา มารดาไม่อยู่บ้าน คือการแวะหาซื้ออาหารมื้อค่ำที่ตลาดข้างทางก่อนเข้าบ้านนั่นเอง เมื่อถึงบ้าน นิสาเดินเลยเอาถุงอาหารวางไว้ในครัว เธอเดินเลยขึ้นไปบนห้องนอน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ วันนี้บิดา มารดาและพี่ชายอาจจะกลับ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเช้าวันพรุ่งนี้ แต่คงเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะต้องอยู่คนเดียว
นิสาปรายตามองขวดแก้วใบใหญ่ตรงหน้า มีดอกกุหลาบเหลือๆ อัดแน่นอยู่ในนั้น สายตาเธอเหม่อ เมื่อกำลังคิดฟุ้งซ่านในใจ
กลีบสีแดงนวลเป็นมัน กลิ่นหอมตลบ เหมาะที่เป็นนางพญาของดอกไม้ทั้งปวง เธอเตลิดคิดไปถึงคนให้มา...ผู้ชายคนแรกที่ปล้นจูบแรกไปจากเธอ แต่เขาคงไม่ยี่หระ เมื่อชายผู้นั้น ดูช่ำชองเหลือเกิน
หญิงสาวเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ แอบเบ้ปากใส่เจ้าดอกไม้ไม่มีเจ้าของ
ก่อนจะสะดุ้งจนตัวโยน!! เมื่อจู่ๆ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น
หนิ่งหน่อง...
เธอแง้มผ้าม่านดูด้านนอก ก็เห็นคนตัวใหญ่ยืนหมุนไปมาอยู่หน้าบ้านตนเอง
“ตานั่นจะมาได้ไงหะ สงสัยคงตาฝาด คงเพี้ยนไปแล้วเรา เขาจะมาทำอะไรแถวนี้?”
เธอหมดความสนใจ หันมาดูรายการในโทรทัศน์ต่อ ตัวละครกำลังแสดงอย่างเข้มข้น ละครซีรี่ย์เกาหลีกำลังถึงฉากเข้าพระเข้านางพอดี ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง เมื่อนางเอกกำลังโดนพระเอกจุมพิต เหมือนที่เจรามี่จูบเธอเมื่อกลางวัน ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว ลนลานไปเปิดประตูบ้านเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูด้านนอกดังๆ
นิสาอ้าปากค้าง เมื่อเปิดประตูบ้านออกมาเจอเจรามี่ยืนอยู่ด้านนอก เธอมองชายหนุ่มตรงหน้างงๆ เขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เธอแน่ใจว่าล็อคประตูรั้วแน่นหนาตอนที่กลับมาถึง
เธอมองเลยหัวไหล่คนตรงหน้าไป มองเห็นกระถางต้นไม้ล้มกลิ้ง เขาคงปีนรั้วเข้ามา
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง? มีธุระอะไรกับฉันอีก! หมดเวลางานแล้วค่ะหากอยากแข่งกันต่อ พรุ่งนี้เถอะ วันนี้ฉันขอตัวก่อน”
นิสายกมือขึ้นท้าวสะเอว เธอลืมตัวไปหน่อย เมื่อสภาพของเธอมันไม่น่าดู เสื้อกล้ามคอย้วยๆ กับกางเกงอยู่บ้านที่สั้นเต่อ
“คือ...” ชายหนุ่มเอ่ยตะกุกตะกักไม่เป็นตัวของตัวเอง
“มีอะไรรีบๆ พูดมา มันจะมืดแล้วค่ะ”
“ขอเข้าไปคุยข้างในได้ไหมครับ ผมเองก็ไม่อยากเสียชื่อ”
“เหอะ...”
“ตกลงคุณจะให้ผมยืนคุยกับคุณตรงนี้จริงๆ เหรอครับ?”
เจรามี่ดันลำตัวนิสาที่ยืนขว้างทางอยู่เข้าไปด้านใน มือของเขาร้อนผ่าวจนหญิงสาวสะดุ้ง ไม่ต่างอะไรกับเจรามี่ เมื่อมือของเขาแตะโดนผิวเรียบเนียนที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามตัวใหญ่ออกมา
ในฐานะเจ้าของบ้าน จะไล่แขกกลับก็จะดูเป็นการเสียมารยาทเกินไป หญิงสาวจึงจำใจเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มนั่งบนโซฟา ก่อนเดินไปรินน้ำสะอาดใส่แก้ว ยกมาตั้งไว้ตรงหน้าเขา
เธอทรุดนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้าม เงยหน้ามองโทรทัศน์จอใหญ่กลางบ้าน ก่อนจะสะดุ้งกับภาพที่มองเห็นเต็มตา นิสาลืมไปว่าตัวเองกำลังดูซีรี่ย์เกาหลีอยู่ ฉากที่พระนางกำลังอยู่ในอารมณ์หวิวๆ พอดี เธอลนลานคว้ารีโมทรีบกดเปลี่ยนช่องอย่างรวดเร็ว แล้วจึงหันไปยิ้มแหยๆ กับเจรามี่
ชายหนุ่มมองสบนัยน์ตากลมโต แววตาของเขาฉ่ำเยิ้มแปลกๆ
“มีอะไรจะพูดก็พูดมาค่ะ นิสาง่วงอยากนอนแล้ว”
เจรามี่มองผิวเนียนเรียบอย่างเผลอไผล ‘แต่งตัวไม่กลัวโดนปล้ำเลยแม่คุณ เดี๋ยวจะคุยกันไม่รู้เรื่องหรอก ก็เพราะว่าแต่งตัวแบบนี้แหละ นั่งก็ไม่ระวัง มองเห็นไปถึงไหนต่อไหน หากผมหน้ามืดลงมือปล้ำจะทำไงล่ะ’ ชายหนุ่มคิดในใจมั่นเขี้ยว เมื่อภาพเย้ายวนตรงหน้าสั่นคลอนความคิด
“ผมอยากขอโทษคุณน่ะที่ผมทำตัวไม่ดีเมื่อกลางวัน แต่คุณก็มีส่วนผิดนะที่แกล้งผมก่อน”
“นิสาก็ต้องขอโทษคุณด้วย ที่ล้อคุณเล่นหนักจนเกินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมหายเผ็ดแล้ว” เจรามี่ตอบแล้วมองไปที่ปากอิ่มนิสาแก้มร้อนวูบขึ้นมา คำพูดของเขาฟังกำกวม เธอจึงเผลอตัวยกหมอนอิงขึ้นฟาดไปที่ตัวของเจรามี่
“นี่แน่ๆ...นิสาลืมไปแล้วนะ ยังจะพูดขึ้นมาให้นึกถึงอีกน่ะ”
เหตุการณ์เริ่มจะชุลมุนขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจรามี่ยกแขนขึ้นกั้นหมอนเอาไว้ นิสาจึงโถมกายเข้าใส่ จนเซล้มลงไปบนโซฟาทั้งคู่ ดวงตาสองคู่สบกันด้วยความที่ตกใจ นิสาเกร็งข้อมือจนชาไปหมดทั้งสองแขน เธอจึงค่อยๆ ถอยห่างออกมาช้าๆ อุบัติเหตุมักจะเกิดในเวลาที่ไม่ได้ตั้งใจเสมอ คราวนี้ก็เช่นกัน จู่ๆ แขนทั้งสองข้างของเธอก็หมดแรง จนล้มลงไปทับเจรามี่ที่นอนเอนอยู่ เรียวปากอิ่มไถลแนบริมฝีปากหนา ปลายจมูกเล็กๆ กระแทกจมูกคนตรงหน้า หน้าฝากโขกกันดังกึก! นิสาทำอะไรไม่ถูกเธอชะงักอยู่ในท่านั้น ชายหนุ่มจึงพลิกนิสาลงด้านล่าง ความอดทนขาดผึ่ง!! เมื่อกลิ่นหอมกรุ่นลอยยั่วอยู่ตรงหน้า