บทที่5.หวั่นไหว...

1637 คำ
     ริมฝีปากแกร่งกระแทกปิดปากอิ่ม ค่อยๆ เลาะเล็มไปตามริมฝีปากบาง กดจูบมุมปากเบาๆ และทาบทับบดเบียดลงไปเต็มที่ นิสาตกใจจนตัวชา นี่เป็นครั้งที่สองที่ถูกเจรามี่จูบ เรี่ยวแรงที่มีก็ถดถอยไปดื้อๆ มือไม่อ่อนแรงไม่สามารถช่วยตัวเองได้เลย เผลอหลงว่ายวนอยู่ในกระแสธารพิศวาส ถึงแม้คิดจะห้ามแต่ก็คิดช้าเกินไป ปลายลิ้นสากๆ สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากตวัดไล้ไปตามแนวฟัน ปลายลิ้นใหญ่พัวพันเรียวลิ้นเล็กๆ หยอกเหย้าและดูดซับความหวาน ชายหนุ่มพรมจุมพิตไปทั่วๆ วงหน้านวลลออ อารมณ์หนุ่มเตลิดไปไกลจนสุดกู่ เจรามี่ซอกซอนปลายจมูกไปตามลำคอเรียวบาง สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินออกมา นิสารู้สึกหวามไหวจนทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้เจรามี่ลูบคลำเนื้อตัว จนหัวใจหญิงสาวเต้นกระหน่ำ ลมหายใจหอบโยนเหมือนกำลังจะเป็นลม มือเรียวเล็กเกาะลำแขนแข็งแรงของเจรามี่ไว้ ทุกผิวสัมผัสที่ๆ ปลายจมูกแกร่งพรมจุมพิตผ่าน เธอร้อนฉ่าแทบหมอดไหม้ และความสยิวลุกลามไปทั่วทั้งตัว ปลายเล็บกลมมนกดจิกลำแขนแข็งแรงด้วยความลืมตัว เขาสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืด กอบกุมเนินอกอิ่มไว้จนเต็มอุ้งมือ ปลายนิ้วร้อนๆ ไล้วนไปรอบๆ ฐานอก ปากหนาหยักก็ยังคงยุ่งวุ่นวายกับการขบเม้มผิวอ่อนบาง ดูดชิมจนหญิงสาวไหวระรัว หลุดเสียงครางกระเส่าออกมา ปากอิ่มย้อยบวมเจ่อเพราะฤทธิ์จูบร้อนๆ เธอปลุกเร้าทั้งด้านล่างและด้านบนพร้อมกัน นิสามึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก ร่างกายอ่อนระทวย ดวงตาไหวระริก เจรามี่กระถดตัวลงมาเบื้องล่าง เขาซุกปลายจมูกกลางหว่างอกอิ่ม ลมหายใจร้อนฉ่าเป่ารดยอดอกแข็งเกร็ง มือหนาอีกข้างก็ยังกอบกุมความอวบอัดไว้ไม่ยอมปล่อย เขาเริ่มต้นเคล้นคลึงความอวบหยุ่น ปลุกกระแสเลือดให้พลุ่งพล่าน ชายหนุ่มอ้าปากงับปลายถันสีระเรื่อ ผ่านผ้ายืดสีตุ่นๆ ดูดดึงจนนิสาครางเสียงแผ่วๆ ออกมา “อื้อ...อูยยยเจ ยะ อย่าค่ะ”            เจรามี่อยากหยุด การกระทำของตัวเองลงเสียแต่ตอนนี้ แต่มือกับสมองไม่ฟังคำสั่ง มือแข็งแรงยังคงเคล้นคลึงอกอิ่มเบาๆ บีบบี้ความแน่นตึงไม่ยอมหยุด ร่างกายเขาเกร็งเครียด ส่วนอ่อนไหวเหยียดขยาย ดันเป้ากางเกงจนโป่งและเริ่มปวดร้าวตลอดหน้าขา เจรามี่ซบอกอิ่มนิ่งๆ เขาพยายามจะสะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านลง นิสาพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น ช่วงจังหวะขยับตัวนั้นอกอิ่มจึงเสียดสีใบหน้าคร้ามคมที่ซบนิ่งอยู่อย่างไม่รู้ตัว เจรามี่จึงครางเสียงแหบ “อยู่นิ่งก่อนนิสา...ผมขอร้อง” เจรามี่กัดฟันพูดเสียงแหบพร่า ร่างกายปวดร้าวไปทั้งตัว จนอยากจะปลดปล่อยสิ่งที่อัดแน่นอยู่ภายในไปกับความหวานละไมตรงหน้า มือใหญ่แหวกคอเสื้อของนิสาให้เปิดกว้างก่อนจะก้มลงไปกดจูบแรงๆ บนเนินอก          เขาผละห่างเรือนกายอวบอุ่นออกมา หยัดกายลุกขึ้นยืนเดินไปนั่งยังโซฟาอีกตัวหนึ่งเงียบๆ นิสากะพริบเปลือกตาปริบๆ ยังคงนั่งเอนตัวระทวยอยู่กลางโซฟาตัวใหญ่ เจรามี่ทอดมองมานิสา แววตาแววเว้าวอนหญิงสาวรีบผุดลุกขึ้นนั่ง มือเล็กๆ สั่นระริกยกขึ้นจัดเสื้อให้เข้าที่ สีหน้าแดงจัด แดงระเรื่อไปทั้งตัวด้วยความอาย                  “เออ...”                  “เออ...” ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน เจรามี่จึงชะงัก ประมาณให้นิสาพูด แต่...สิ่งที่เขาเห็น ทำให้อารมณ์ที่เริ่มนิ่ง พุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงตรงหน้าเซ็กซี่สุดๆ ปากอิ่มบวมเจ่อเพราะฤทธิ์จูบ แววตาพราวฉ่ำ ผิวแก้มแดงปลั่ง!! หญิงสาวอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี                  “ผมกลับก่อนดีกว่าครับ วันนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่อง” เจรามี่เอ่ยลารีบขยับตัวเตรียมกลับ                  “ค่ะ... เดินทางดีๆ นะคะ” นิสากระซิบตอบอย่างเอียงอาย                  เจรามี่ส่ายหน้าแรงๆ แล้วรีบเดินหนี เขาหมุนตัวกลับมามองนิสานิ่งๆ ก่อนจะตัดใจเปิดประตูและเดินออกจากบ้านไป ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดนิดๆ กลิ่นและผิวกายหอมกรุ่นยังติดอยู่ที่ปลายจมูก นิสาวิ่งขึ้นชั้นบนตรงไปยังห้องนอน เธอทิ้งตัวลงบนที่นอนหนา ฉวยหมอนขึ้นมาปิดหน้า แล้วร้องกรี๊ดๆ ทันที ร่างกายยังร้อนฉ่า ระอุอุ่นอยู่ทั้งตัว เธอปล่อยให้เจรามี่ล่วงเกิน จนแทบจะหยุดอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ทั้งคู่ หากชายผู้นั้นไม่หยุด ป่านนี้คงเลยเถิดไปไหนต่อไหน นิสาพลิกกายนอนคว่ำยกมือมาวางใต้คาง ปลายนิ้วค่อยๆ ไล้ไปตามริมฝีปากอิ่ม “จูบเป็นแบบนี้เอง ผู้ใหญ่ถึงได้ห้ามนัก การอยู่สองต่อสองกับผู้ชาย เหมือนน้ำมันกับไฟใกล้กัน”          นิสายกกล่าวเสียงละเมอ มือลูบไล้ไปตามตัว ความร้อนจากการสัมผัสของเจรามี่ยังเหลือร่องรอยอยู่บนตัว เธอสะดุดเข้ากับรอยเปียกชื้นบนอกเสื้อ หญิงสาวกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เธอก้มมองดูรอยเปียกชื้นที่แผ่เป็นวงกว้าง ผิวหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้อกเสื้อเปียกชุ่ม เธอกระโจนลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำ สลัดเสื้อผ้าที่ใส่ออกจากตัวอย่างรวดเร็ว          “ยี้…ตาบ้า!!”            นิสาร้องวี๊ดเสียงสั่น เธอแปลกใจตัวเอง ทำไมไม่ไม่รังเกียจกับสิ่งที่เจรามี่ทำ เธอนอนนิ่งปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ ฝ่ามือเรียวยกขึ้นตบแก้มเบาๆ เรียกสติที่กระเจิดกระเจิงให้กลับคืนมา          “เกือบไปแล้วไหมล่ะยัยบ้า!!” มันเป็นอุบัติเหตุและอารมณ์รุ่มร้อนที่ไม่สามารถควบคุมได้ ยังดีที่เจรามี่ถอยหนีไปเสียก่อน นิสาจึงแอบชื่นชม ไม่คิดว่าคนที่มีข่าวฉาวเป็นประจำ จะมีความเป็นสุภาพบุรุษได้ “หมอนั่นก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ นึกว่าจะหื่นเป็นอย่างเดียวเสียอีก” แก้มใสเห่อร้อนวูบ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไป          “ต่อไปนี้เวลาอยู่ใกล้ๆ เขา ต้องระวังตัวเองให้ดีรู้ใช่ไหมยัยนิสา” นิสาชี้หน้าตัวเองในกระจกเงา พร้อมกับพูดเสียงเคร่ง การประลองครั้งนี้จะจบแบบไหนกัน? นิสานึกเสียใจนิดๆ เธอตอบรับคำท้าทายของเจรามี่ได้ยังไง เมื่อตัวเองเสียเปรียบชัดๆ หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอเริ่มหวั่นไหวไปกับรสสัมผัสหวามไหว กว่าจะจบเกมนี้ เธอต้องเปลืองตัว เปลืองใจอีกเท่าไหร่ กลัวก็แต่ว่าแม้แต่หัวใจตัวเองก็จะไม่เหลือให้เก็บไว้เท่านั้นเอง นิสานั่งเหม่อในขณะทำงาน วันนี้งานดูราบรื่นจนทุกอย่างรอบตัวน่าเบื่อหน่ายไปหมด ทุกๆ คนต่างแยกย้ายกันทำงานตามหน้าที่ ต่างคนต่างทำไม่ได้สนใจกัน นิสาเคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยก็นั่งอยู่เฉยๆ ลูกค้าของโรงแรมที่เคยขวักไขว่วันนี้กลับไม่มีเลยซักคน เธอจึงนั่งมองนั่นนี่ไปทั่วๆ จนมาสะดุดตากับใครบางคนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในบริเวณลอบบี้โรงแรม เขาดูคุ้นตาพิลึก ถึงแม้เขาจะใส่หมวกใบใหญ่ ใส่แว่นตาดำปกปิดเอาไว้ ก็ไม่ได้แตกต่างจากตัวตนที่เขาเป็น          “อีตาบ้านั่นมาทำอะไรที่นี่นะ มานั่งซุ่มอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้” นิสาบ่นพึม พยายามไม่สนใจ แต่ก็คอยแอบชำเลืองมองชายหนุ่มอยู่เป็นระยะ เจรามี่นอนกระสับกระส่ายทั้งคืนจนกระทั่งเช้า ทำยังไงก็นอนไม่หลับความกังวลทำให้เขาหลับไม่ลง ชายหนุ่มเลยฝืนนอนไม่ได้ เขาถ่อสังขารมาปักหลักนั่งอยู่ตรงนี้ร่วม3ชั่วโมง เพื่อแอบมองใครบางคน สีหน้าเรียบเฉยของหล่อน สร้างความกระวนกระวายให้เจรามี่อีกครั้ง หล่อนรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มเดาไม่ถูกจริงๆ เขาเริ่มสังเกตเห็นความไม่เหมาะสม ชุดฟอร์มประชาสัมพัน ทั้งคับและสั้นเต่อ เมื่อคนที่มีสัดส่วนอวบอิ่มสวมใส่ มันจึงรัดแน่น จนเห็นทรวดทรงของหล่อนเด่นชัด เขาพยายามคิดในฐานะผู้นำ พยายามหาข้อแตกต่างซึ่งเจรามี่ก็พบความจริงในข้อนั้นทันที พนักงานคนอื่น สวมชุดไม่แตกต่างจากนิสาซักนิด แต่คนเหล่านั้นกลับดูปกติ แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นนิสาทำไมมันดูยั่วยวนไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว เขาจึงได้แต่นั่งเคี้ยวฟันกรอดๆ เกือบเที่ยงในอีกไม่กี่นาที มีลูกค้าหนุ่มหล่อคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายนิสา ท่าทางกรุ่มกริ่มนั่นทำให้เจรามี่เดือดปุดๆ ไอ้หน้าอ่อนนั่นทิ้งนามบัตรไว้ให้นิสา ลงทุนชวนเธอไปทานอาหารมื้อเย็นด้วย นิสากำลังจะปฏิเสธเหมือนทุกๆ ครั้ง แต่เมื่อชำเลืองมองไปยังที่เจรามี่ เธอเห็นผู้หญิงรูปร่างอวบอัดกำลังยั่วยวนเขาอยู่ หล่อนนั่งบนที่เท้าแขนของเก้าอี้ที่เจรามี่นั่งอยู่ พูดคุยต่อหัวเราะต่อกระสิกกันจนน่าเกลียด เธอเผลอตัวรับปากทานมื้อค่ำกับเขาจนได้ ชายผู้นั้นชื่อ คริสโตเฟอร์ เธอไม่ได้สนใจเขาเลย เพราะกำลังพะวักพะวนกับหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่อยูไม่ใกล้ไม่ไกล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม