4
“ไปเตรียมรถไว้ที่ตรงประตูทางออกของพนักงาน” แม้จะพูดกับลูกน้องแต่สายตามาคัสยังคงจับจ้องอยู่ที่ประตูห้องอรุณ และเมื่อเห็นร่างบอบบางเดินออกมาเขาก็รีบเดินตามไปอย่างช้าๆ “คิดหรือว่าเธอจะหนีฉันพ้นแม่สาวน้อย เอาเป็นว่าในเมื่อเธอต้องการได้รับความสุขจากฉันเร็วๆ ละก็ได้เลยเด็กดี”
มาคัสเดินตามหญิงสาวไปจนถึงประตูทางออกของพนักงานที่อยู่ด้านหลัง
“ว่าไงสาวน้อยจะรีบหนีไปไหน ไม่แวะคุยกับฉันก่อนล่ะ หืม...” มาคัสทักทายสองมือเท้าคร่อมร่างบอบบางอย่างอารมณ์ดี ยิ้มที่มุมปาก ดวงตาแพรวพราว วางคางบนบ่าเนียนนุ่ม กดจมูกบนใบหูเล็ก
มะลิวัลย์สะดุ้งตกใจปล่อยกระเป๋าใบเล็กที่อยู่ในมือร่วงหล่นกระจาย จะเดินไปข้างหน้าก็ไม่ได้เพราะติดประตูที่จะต้องดึงเข้าด้านในถึงจะเปิดได้ จะถอยไปด้านหลังก็ไม่ได้เพราะติดร่างใหญ่และหนา คงจะทำได้เพียงแค่อย่างเดียวคือส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“กะ...” มือใหญ่ยกขึ้นมาปิดปากที่กำลังจะส่งเสียงร้องอย่างทันท่วงที
“อย่าร้องนะมะลิ ถ้าขืนเธอส่งเสียงร้องไปล่ะก็ฉันไม่แน่ใจว่าจะเล่นหนังสดกับเธอตรงนี้หรือเปล่า” ชายหนุ่มขู่เสียงเข้ม มือที่ว่างก็รัดร่างบางเข้าประชิดตัว และยื่นเท้าไปเคาะประตูสองครั้งก่อนที่จะมีหนุ่มร่างยักษ์สองคนเปิดประตูเข้ามา “แทนเก็บข้าวของที่หล่นให้เรียบร้อยแล้วตามฉันไปที่รถ”
“ครับนาย” แทนไทชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ค้อมตัวลงต่ำ และรีบทำตามคำสั่งนายหนุ่มอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่วายเงยหน้ามองนายหนุ่มกับหญิงร่างเล็กที่ถูกผู้เป็นนายบังคับเอาตัวไปด้วยอย่างสงสัยระคนสนใจ
มาคัสช้อนร่างบางขึ้นและเดินไปยังรถที่มีลูกน้องอีกคนเตรียมรถมารอรับชายหนุ่มอยู่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มวางร่างบอบบางลงเบาะและเบียดตัวเองตามติดเข้าไปติดๆ ทำให้หญิงสาวต้องรีบกระเถิบตัวไปอีกฝั่งของรถ
มะลิวัลย์พยายามถอยหนีมือใหญ่ที่ยื่นเข้ามาหาไปจับขอบประตูรถและรีบผลักออกอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าจะผลักเท่าไหร่มันก็ไม่ขยับเขยื้อนจนต้องหันไปขอร้องชายหนุ่มแทน
“คุณปล่อยหนูไปเถอะนะคะ อย่าทำอะไรหนูเลยหนูกลัวแล้ว”
มือเรียวประนมขึ้นไหว้ขอรอร้องอ้อนวอนชายหนุ่มเสียงสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้ม หัวใจเต้นตึงตังๆ มือเท้าเย็นเฉียบ ในใจก็เฝ้าภาวนาของให้หลุดรอดจากเงื้อมมือชายหนุ่มตรงหน้า แม่จ๋าแม่ช่วยหนูด้วยหนูกลัว
“ขอโทษด้วยนะมะลิพอดีฉันถูกใจเธอมากเป็นพิเศษ เลยทำให้ฉันปล่อยเธอไปไม่ได้” มาคัสบอกพร้อมกับยื่นมือไปคว้าร่างบางที่เบียดซุกอยู่กับขอบประตูรถอีกด้านจนหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบเอวบาง ใบหน้าซุกไซ้ลำคอเนียนนุ่มและวกขึ้นไปจุมพิตเรียวปากหวานก่อนจะถอนออกเพราะกลัวว่าจะระงับสติอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ได้
ชายหนุ่มหันไปพยักหน้าให้สองลูกน้องหนุ่มที่ตอนนี้ขึ้นนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้วให้ออกรถ “เราไปกันดีกว่าสาวน้อย”
มะลิวัลย์พยายามแกะมือใหญ่ออกจากเอวและดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะสนุกกับเกมแมวจับหนูจึงยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่สายตาก็ยังจ้องมองเธอพร้อมด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวกระเถิบไปจนติดด้านข้างประตูรถสองมือลองจับที่เปิดประตูและผลักดันประตูให้เปิดอีกครั้ง แต่นอกจากมันจะไม่ขยับเขยื้อนแล้วเธอกลับได้ยินเสียงหัวเราะหึหึดังมาจากชายหนุ่มอีก เสียงหัวเราะที่ดังเหมือนกับมัจจุราชกำลังล่าดวงวิญญาณคนทำผิดไปรับโทษในขุมนรก
“ถึงเธอจะพยายามแค่ไหนเธอก็เปิดมันไม่ได้หรอกสาวน้อย พอดีว่าประตูรถฉันมัน ล็อกอัตโนมัติจากด้านหน้าใกล้ๆ กับคนขับ และถ้าไม่มีคำสั่งจากฉันสองคนนั้นก็จะไม่เปิด”
มือใหญ่เอื้อมมาดึงร่างบอบบางเข้าประชิดวางหญิงสาวบนตักกว้าง ปลายมือไล้ไปตามลำแขน จมูกก็กดลงบนแก้มเนียนนุ่ม “ไปบ้านริมทะเล” สิ้นเสียงชายหนุ่มรถตู้โฟล์คสวาเกน คาราเวลสีดำสนิทก็แล่นออกจากไนต์คลับใหญ่ใจกลางเมืองทันที
“จริงสิหนูมะลิ เดี๋ยวเราก็จะเป็นคนเดียวกันแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวให้เธอรู้จักเลย” นิ้วมือใหญ่ไล้ไปบนใบหน้าเนียนนุ่ม “ฉันชื่อมาร์ค มาคัส เกลล์ยินดีที่ได้รู้จักน่ะหนูมะลิ” ใบหน้าคมก้มลงมาจนริมฝีปากประทับไปบนเรียวปากนุ่ม ไล้ปลายลิ้นร้อนไปตามเรียวปากอวบอิ่ม
มะลิวัลย์กลัวจนตัวสั่น หัวใจเกือบจะหยุดเต้นร่างกายอ่อนเพลียจากการทำงานและโดนโจมตีด้วยอารมณ์แปลกๆ ที่เธอบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับสัมผัสนั้น มันทั้งนุ่มนวลอ่อนหวานอ่อนโยน และเรียกร้องให้เธอตอบสนองอยู่ ในยามที่เขานาบปากร้อนๆ บนผิวกายก็ทำให้เธอถึงกับร้อนรุ่มป่วนปั่นในช่องท้อง
น้ำตาร้อนๆ ไหลออกมาจากดวงตากลมโตอย่างไม่ขาดสาย แม้ชายหนุ่มจะยื่นมือมาเช็ดให้แล้ว แต่มันก็ยังคงไหลไม่ยอมหยุด มือเล็กยื่นไปจับมือใหญ่ออกจากแก้มและเอว หญิงสาวข่มกลั้นเสียงสะอึกสะอื้น ยกมือไหว้ชายหนุ่มอีกครั้งด้วยความหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
“ปล่อยหนูไปเถอะนะคะคุณมาร์ค”
“ทำไมฉันต้องปล่อยเธอไปด้วย ไหนเธอลองบอกเหตุผลให้ฉันฟังสักข้อซิสาวน้อย” มาคัสจับมือเรียวมาวางบนริมฝีปากและขบเม้มอย่างหยอกล้อ
“เอ่อ...หนู...” มะลิวัลย์ตัวสั่นไม่รู้จะหาคำตอบหรือเหตุผลอะไรให้กับชายหนุ่ม แค่นี้เธอก็กลัวจนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว ยิ่งสัมผัสร้อนที่นาบไปตามมือและลำตัวก็ยิ่งทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก
“ไม่เป็นไร ในเมื่อเธอยังหาเหตุผลให้ฉันไม่ได้ งั้นก็ค่อยๆ คิดไปแล้วกัน เพราะว่า...” มือใหญ่วางบนทรวงอกเต่งตึงเคล้าคลึงเบาๆ ดวงตาคมดุจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโต “เพราะไม่ว่าเธอจะให้เหตุผลกับฉันได้หรือไม่ ฉันก็จะไม่ปล่อยเธอไปหรอกมะลิ”
“ทำไมคะ?” หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่คนสวยและโดดเด่นอะไรเลย เป็นเพียงแค่เด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง รูปร่างเล็กบาง ผิวหยาบกร้านและดำคล้ำ
“คงจะเป็นเพราะว่า เธอปลุกอารมณ์ความต้องการในกายฉันจนมันลุกโพรงได้มั้ง” มือใหญ่สอดเข้าไปใต้เสื้อตัวเล็กที่หญิงสาวสวมใส่ กอบกุมเนินเนื้อหนั่นแน่นที่ติดตาต้องใจเขาตั้งแต่แรกเห็น
คำตอบของชายหนุ่มทำเอามะลิวัลย์ถึงกับขนลุกซู่ หัวใจเต้นแรงแรง ร้อนรุ่มไปทั้งใจและกาย บิดตัวหนีมือใหญ่ที่กำลังเริ่มสำรวจร่างกายตัวเองทั้งที่ยังอยู่บนรถและยังมีคนอีกสองคนนั่งอยู่ด้วย
“ฉันว่านะ ตอนนี้เธอเงียบดีกว่าไหม เพราะถ้าไม่ ฉันอาจจะเป็นคนทำให้เธอเงียบเอง โดยที่เธอคงจะไม่พอใจเท่าไหร่นัก” มาคัสแสร้งก้มหน้าไปหาหญิงสาวช้าๆ แววตาแพรวพราว
มะลิวัลย์อ้าปากค้าง รีบยกมือเรียวขึ้นปิดปากอัตโนมัติเพราะรู้ว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร ก่อนจะรีบหุบปากลงเมื่อเห็นนัยน์ตาแพรวพราวจ้องมองอย่างมีความหมาย ร่างบางรีบถอยห่างจากร่างใหญ่แต่เขากลับไม่ยินยอม แขนแข็งแรงโอบเอวเล็กคอดและดึงเข้าหาตัวอีกครั้งโอบกอดไว้ด้วยแขนแข็งแกร่ง ที่หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นใจอย่างแปลกประหลาด ดวงตากลมโตเงยมองใบหน้าคมที่ก้มลงมาพร้อมกับยิ้มให้
“ฉันดูว่าเธอคงจะเหนื่อยมากแล้ว งั้นก็นอนเอาแรงเสียก่อนดีกว่าไหม”
มือใหญ่จับศีรษะหญิงสาวซบกับบ่ากว้าง ปากหนากดบนหน้าผากแผ่วเบา หลับน่ะมะลิ เดี๋ยวเธอยังต้องเหนื่อยกับฉันอีกเยอะ
แม้จะพยายามถ่างตาข่มกลั้นความง่วงงุนที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรมะลิวัลย์ก็เอาชนะอาการดังกล่าวไม่ได้เลย คงจะเป็นเพราะความเหนื่อยจากงานที่ทำและความหวาดกลัวจากอารมณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นจากมาคัส ทำเอามะลิวัลย์ถึงกับหลับคาอกกว้าง
มือหนาลูบใบหน้าหญิงสาวอย่างอ่อนโยนด้วยความหลงใหล
“แปลกจริงนะทำไมฉันถึงถูกใจเธอมากก็ไม่รู้สิแม่หนูน้อย ทั้งที่ความจริงฐานะอย่างฉันจะหาผู้หญิงที่ยินยอมพร้อมใจสักกี่คนก็ได้ แต่ฉันกลับมาถูกใจเธอซะนี่” ชายหนุ่มรำพึงอย่างแปลกใจตัวเอง ก้มมองใบหน้าหวานในความมืดของราตรีกาล