ตอนที่ 5

1397 คำ
“พี่ลินดาแย่แล้ว” เสียงตื่นตระหนกของลูกพี่ลูกน้องดังขึ้นด้านหลัง อลินดารีบยกหลังมือขึ้นป้ายหยาดน้ำตาออกจากแก้ม จนแน่ใจแล้วว่าแห้งเหือดจึงค่อยๆ หมุนตัวไปเผชิญหน้ากับคนเรียก “มีอะไรเหรอส้ม” วิลาวรรณ หรือ ส้ม เป็นลูกสาวคนที่สองของน้าสุนีย์พี่สาวของมารดา และค่อนข้างจะสนิทกับหล่อนมากกว่านารีรัตน์ ยืนหน้าตาตื่นอยู่ด้านหลัง “พี่นารีหายตัวไปจากห้องแต่งตัวจ้ะพี่ลินดา” หล่อนไม่ได้ตกใจกับคำพูดตื่นตระหนกของวิลาวรรณนัก เพราะมั่นใจว่างานแต่งในค่ำคืนนี้จะไม่มีทางขาดเจ้าสาวอย่างแน่นอน ในเมื่อ นารีรัตน์รอคอยวันนี้มาตลอด “พี่นารีคงไปเข้าห้องน้ำ หรือไม่ก็คงออกไปเดินเล่นมั้งส้ม” “แต่พวกเราหาจนทั่วแล้วนะพี่ลินดา” วิลาวรรณยังคงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “แต่ก็หาไม่พบ ไม่รู้เหมือนกันว่าหายตัวไปได้ยังไงจ้ะพี่ลินดา” แม้จะเริ่มรู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่อลินดาก็ยังคงเชื่อมั่นว่าพี่สาวไม่มีทางหายไปไหนแน่นอน “งั้นเดี๋ยวพี่ไปช่วยตามหาก็แล้วกัน” “ไม่ได้พี่ลินดา พี่ต้องไปกับฉันก่อน” แขนเรียวของอลินดาถูกมือของส้มคว้าเอาไว้ “จะให้พี่ไปไหนเหรอ” คิ้วเรียวโก่งสวยตามธรรมชาติเลิกสูง กลีบปากที่มีเพียงลิปสีชมพูบางเบาเคลือบทับเม้มแน่นสนิทเป็นเส้นตรงด้วยความแคลงใจ “ไปห้องแต่งตัวจ้ะพี่ลินดา” “ไปทำไมเหรอ” หล่อนยังคงมึนงง แต่ก็ยอมให้วิลาวรรณลากตรงไปยังห้องแต่งตัวได้ง่ายดาย “เดี๋ยวก็รู้จ้ะพี่ลินดา” ไม่กี่นาทีอลินดาก็ถูกวิลาวรรณพามาถึงห้องแต่งตัวของเจ้าสาว หล่อนก้าวเข้าไปภายใน ก็พบว่านอกจากบิดามารดาของตัวเองแล้วภายในห้องนี้ก็ยังมีญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัวยืนหน้าเคร่งเครียดร่วมอยู่ด้วย “พี่ลินดามาแล้วจ้ะ” วิลาวรรณที่ลากหล่อนเข้ามารีบพูดขึ้น ในขณะที่หล่อนยืนนิ่งและเต็มไปด้วยความมึนงง วินาทีต่อมาสายตาทุกคู่ของทุกคนก็จับจ้องมองมาที่หล่อน และมารดาของแซคคารีย์ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น “จะทำอะไรก็รีบทำกันเถอะค่ะ อีกแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีงานก็จะเริ่มแล้วนะคะ และฉันจะขายหน้าแขกเหรื่อที่อุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาร่วมงานไม่ได้” “งั้นทางออกเดียวในระหว่างที่ยังตามหานารีไม่พบ ก็คงต้องให้ ลินดาแต่งงานแทนไปก่อนนะค่ะ” คือคำพูดของมารดา และแน่นอนว่าญาติพี่น้องของหล่อนแสดงความเห็นด้วยทุกคน ในขณะที่หล่อนทำได้แค่เพียงยืนตื่นตระหนกกับสิ่งที่ได้ยิน “อะไรกันนะคะ” “แกไม่ต้องมาทำหน้าตกอกตกใจหรอกลินดา ก็แค่สวมรอยเป็นพี่สาวของแกในงานเลี้ยงนี้เท่านั้นเอง” ผู้เป็นบิดาตอบออกมาหน้าตาเฉย เหมือนกับว่าสิ่งที่พูดมันคือเรื่องปกติธรรมดา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เลยสักนิด “ให้... ลินดาแต่งงานกับคุณ... แซคเหรอคะ” น้ำเสียงของหล่อนเบาหวิว ดวงตากลมโตเบิกกว้าง และศีรษะทุยสวยก็ส่ายไปมาน้อยๆ “ลินดา... ทำไม่ได้หรอกค่ะ” “แต่แกต้องทำ ไม่อย่างนั้นครอบครัวของคุณแซคคารีย์จะต้องเสียหน้ามาก” มารดาของหล่อนออกคำสั่งเฉียบขาด “เธอไม่ต้องกังวลหรอกนะลินดา เพราะทางเราแค่ไม่ต้องการให้งานแต่งล่มโดยไม่มีเจ้าสาวเท่านั้นเอง เมื่อจบงานเลี้ยงแล้ว เธอก็กลับไปใช้ชีวิตปกติของตัวเองได้เหมือนเดิม” น้ำเสียงของคนพูดที่เป็นมารดาของแซคคารีย์เต็มไปด้วยความห่างเหิน จนหล่อนน้ำตาซึม อลินดาเม้มปากอิ่มเป็นเส้นตรง “ลินดาทราบค่ะคุณป้า แต่ลินดา... ไม่อยากเป็นคนโกหก” หล่อนยังคงยืนกรานปฏิเสธ “และหากคุณแซคทราบเรื่องเข้า ก็คงจะโมโหมาก ดังนั้นอย่าให้ ลินดาเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลยนะคะ” “หนูลินดา ถือว่าลุงขอร้องเถอะนะ งานแต่งในค่ำคืนนี้จะล่มไม่ได้จริงๆ มันมีผลต่อชื่อเสียงของตระกูลของลุงน่ะ” คนๆ เดียวที่ยังคงเมตตาหล่อนเหมือนเดิมนั่นก็คือบิดาของแซคคารีย์ หล่อนเลื่อนสายตาไปสบประสาน ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้เพื่อกล่าวขออภัย “ลินดากราบขอโทษนะคะคุณลุง ลินดา... คงทำไม่ได้...” อลินดาหมุนตัวจะวิ่งหนีออกไปจากห้องแต่งตัวของเจ้าสาว แต่ก็ชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของแซคคารีย์ที่หน้าประตูห้องเสียก่อน ร่างของหล่อนเซถลาล้มลงไปกองกับพื้น ในขณะที่เขายืนค้ำตระหง่านอยู่เหนือร่างของหล่อน “ต้องให้ฉันคุกเข่าขอร้องเธออีกคนหรือเปล่า อลินดา” ดวงตากลมโตที่ฉาบไปด้วยหยาดน้ำตาช้อนขึ้นมองเขา มองผู้ชายที่หล่อเหลาไม่ต่างจากเทพบุตรด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หล่อนกัดฟันลุกขึ้นยืน “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เพราะลินดา... จะไม่ทำเรื่องหลอกลวงแบบนั้นเด็ดขาด ขอโทษนะคะ” หล่อนจะเดินผ่านเขาออกไปนอกประตูห้อง แต่แขนเรียวถูกคว้าเอาไว้ ไอร้อนอบอุ่นจากฝ่ามือกระด้างที่สัมผัสกับท่อนแขน ทำให้หัวใจสาวเต้นโครมคราม “ถ้าเธอไม่ตกลงปลอมตัวเป็นนารีในคืนนี้ ก็เท่ากับว่าครอบครัวของเธอทำผิดคำสัญญา ดังนั้นฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดทั้งหมดคืนได้จริงไหม” อลินดาชะงักค้าง ช้อนตาขึ้นมองผู้ชายตัวโตด้วยความตื่นตกใจ เพราะหล่อนรู้ดีว่าเงินสินสอดที่ทางครอบครัวตัวเองได้รับมามันเหลืออยู่ไม่ครบแล้ว เพราะทั้งแม่ทั้งพี่สาวรวมถึงพ่อด้วยเอาไปใช้กันอย่างสนุกมือ “เอ่อ...” “ตัดสินใจเดี๋ยวนี้” หล่อนหันไปมองมารดา และบิดา ก็เห็นว่าท่านทั้งสองคนหน้าหดเหลือแค่สองนิ้ว นี่หล่อนควรจะทำยังไงดี “การเงียบของเธอคือการปฏิเสธ ดังนั้น...” แซคคารีย์ปล่อยมือจากแขนของหล่อน และถอยออกห่าง “ฉันก็จะออกไปบอกกับแขกเหรื่อทุกคนว่าเจ้าสาวไม่อยู่ แน่นอนว่าฉันต้องเสียชื่อเสียง แต่ฉันจะเรียกคืนความเสียหายนี้จากครอบครัวของเธอทั้งหมด” น้ำเสียงของแซคคารีย์เหี้ยมเกรียมและบอกให้หล่อนรู้ว่าเขาพูดจริงทำจริงแน่นอน อลินดาพยายามคิดทบทวนกับผลได้ผลเสียที่จะกระทบครอบครัวของตัวเอง และสุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากตอบรับทำตามความต้องการของทุกคน “ค่ะ ลินดาจะเข้าพิธีแต่งงานแทนพี่นารี” เสียงถอนใจโล่งอกดังออกจากปากของทุกคนในห้องแต่งตัว ยกเว้นเขาเพียงคนเดียว หล่อนถูกลากให้ไปนั่งบนเก้าอี้หน้ากระจกเงาบานใหญ่ ช่างแต่งหน้าช่างทำผมต่างช่วยกันเร่งมือแต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้าของหล่อนด้วยความรีบร้อนแข่งกับเวลา น้ำตาของหล่อนไหลตกลงไปข้างใน สุดท้ายแล้วหล่อนก็เป็นได้แค่เพียงผู้หญิงคั่นเวลา ผู้หญิงตัวแทน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันมีความหมายว่าไม่ใช่ตัวจริง ทำเพื่อครอบครัว สวมรอยเป็นเจ้าสาว เพื่อรอให้ แซคคารีย์ตามหานารีรัตน์ให้เจอ “อย่าร้องไห้สิคะคุณน้อง เมคอัพเปื้อนหมดแล้วเนี่ย” “ขอ... ขอโทษค่ะ...” ช่างแต่งหน้าดุหล่อนอย่างไม่พอใจ ขณะที่ใช้กระดาษทิชชูซับขอบตาให้ “ที่ร้องไห้นี่เพราะดีใจใช่ไหม ที่ได้เป็นเจ้าสาวแทนพี่สาวของตัวเองน่ะ” “นังแจ๋วไปว่าน้องเขาได้ยังไง น้องเขาไม่ได้อิจฉาพี่สาวของตัวเองสักหน่อย” ช่างทำผมทำเหมือนจะเข้าข้างหล่อน แต่แท้จริงแล้วก็ร่วมมือกับช่างแต่งหน้ากล่าวหาหล่อนอีกคน “อ้าว จริงเหรอ นึกว่าน้องลินดาแอบชอบพี่เขยของตัวเองเสียอีก” หล่อนเดาได้ไม่ยากกับสิ่งที่ได้ยิน ช่างสองคนนี้คงจะฟังมาจาก นารีรัตน์นั่นเอง อลินดาทำได้แค่นั่งเงียบๆ และปล่อยให้โชคชะตาพัดพาตัวเองลงไปสู่นรกอเวจีอย่างไร้ทางดิ้นหนี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม