Ep8 : เหตุร้าย (จบบท)

2260 คำ
(เหตุร้าย) มะเฟืองกลับมานอนร้องห่มร้องไห้เสียอกเสียใจได้เพียงวันเดียวแท้ๆ ทั้งที่ตอนกำลังโมโหปากเธอเอาแต่พูดตัดเป็นตัดตาย จะไม่ขอหลงรักผู้ชายใจดำเยี่ยงพี่ดงอีกแล้ว พออารมณ์สงบความมุ่งมั่นก่อนหน้าก็เปลี่ยน หัวใจมันเอาแต่คอยรู้สึกคิดถึงคำนึงหา อยากจะเห็นหน้าชายที่ตนรักเข้ามาเล่นงานเธอเข้าอย่างจัง ร่างที่เอาแต่นอนเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นฟูกหนาลืมตาโพลง เธอนอนไม่หลับ หัวใจบอบช้ำมันเอาแต่คอยเฝ้าเพ้อละเมอหาเพียงแต่พี่ดง อยากจะไปขอโทษเขากับการที่เธอทำตัวไม่ดี ไปๆมาๆมะเฟืองกลับโทษเป็นความผิดของตัวเองเอาเสียดื้อๆ พี่ดงไม่ผิดเลย เขาไม่ผิดสักนิดเดียว หรือต่อให้เขาจะใจร้ายใจดำกับเธออีกสักเพียงใด มะเฟืองก็ไม่คิดจะหลาบจำ ยังอยากจะไปเห็นหน้าเขาทุกวี่ทุกวันอยู่ดี พอพระอาทิตย์ดวงโตโผล่พ้นขอบฟ้า สาวร่างอ้วนที่วางมือบนหน้าท้องที่มีชั้นเนื้อหนากว่าส่วนอื่นฉีกยิ้มกว้าง เธอรีบกระเด้งตัวขึ้นจากฟูกนอน พับผ้าห่มวางไว้ที่เดิม ตลบมุ้งที่กางไว้ทั้งสี่สายเก็บพับไว้บนตั้งไม้ ซอยเท้าวิ่งออกจากห้องนอนตรงไปยังห้องครัวทำอาหารใส่ปิ่นโตเหมือนเช่นทุกวัน... นางมะยมทยอยเอาปลาเค็มออกมาวางเรียงใส่กระด้งเตรียมเอาออกไปตากกลางลาน ได้ยินเสียงย้ำเท้าโครมครามนางก็ได้แต่ส่ายหัว นึกระอาใจต่อกิริยากระโดกกระเดกของลูกสาวคนเดียว ยังดีอยู่หน่อยตรงเรื่องงานบ้านงานเรือนมะเฟืองมันไม่เคยขาดตกบกพร่องให้ต้องมานั่งบ่นซ้ำๆ ก่อนจะออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ตามประสา มะเฟืองมันต้องตระเตรียมหุงหาอาหารไว้ให้พ่อกับแม่ก่อนเสมอ “แม่...เช้านี้ฉันจะทำผัดพริกหมูป่ากับต้มยำปลาช่อนนะ แม่ไปเด็ดพริกให้ฉันที” มะยมกลอกตามองฟ้า ไอ้ที่บอกรายการอาหารมาปาวๆ หาใช่ของชอบทั้งของตัวนางเองแล้วก็ผัวสักนิด มันของชอบของไอ้หนุ่มผลัดถิ่นที่มีอดีตไม่น่าโสภา เป็นถึงอดีตนักฆ่าที่สองมือเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดแท้ๆ คนเป็นแม่เหนื่อยหน่ายจะห้ามปราม ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยุ ทุกวันนี้จึงทำใจ ปล่อยเลยตามเลย เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย คิดซะว่าเป็นเวรเป็นกรรมที่นังมะเฟืองมันเคยทำร่วมชาติกับไอ้หนุ่มนั่นมาแต่ปางก่อนเพื่อความสบายใจ... มะยมวางชิ้นปลาเดินหน้ามุ่ยไปเก็บพริกหลังเรือนตามคำสั่งของนังลูกบังเกิดเกล้า พลันหูคล้ายได้ยินเสียงพวกชาวบ้านประมาณสองสามคน ร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายมาทางเรือนตาพวง คนมีนิสัยชอบสอดรู้สอดเห็นหูผึ่ง เรื่องเก็บพริกถูกเก็บไว้ในกระเป๋าโดยอัตโนมัติ เนื่องจากตอนนี้มีเรื่องสำคัญยิ่งกว่ารอให้ตัวนางเข้าไปยุ่งอยู่ มะยมต้องรู้ให้ได้ไอ้พวกนั้นมันโวยวายเรื่องอะไร ... สองเท้าจึงก้าวเปลี่ยนทิศเดินมาทางเรือนตาพวง... -------------------------------------- นายบ้านทัพทองนั่งหน้าถมึงทึงอยู่กลางลานกว้าง ร่างสูงสะดุดตาดูองอาจมีอำนาจบารมีรายล้อมน่าเกรงขาม ส่วนโดยรอบนั้นเป็นกลุ่มของพวกชาวบ้านมีสีหน้าวิตกกังวลประดับอยู่ไม่น้อย “คนในกองคาราวานสินค้า...น่าจะถูกโจรดักปล้นมา” มิ่งแก้ววิ่งกระหืดกระหอบยอบตัวลงนั่งใกล้แคร่ไม้ของนายบ้าน พร้อมเปิดปากรายการตามคำสั่ง ข่าวที่เขาไปหามาว่องไวเสมอเพราะมิ่งแก้วมีพรรคพวกต่างถิ่นกระจายตัวอยู่ทั่วทิศหลายสิบคน ล้วนเป็นชายฉกรรจ์มากฝีมือ คบหากันมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มละอ่อนจนถึงปัจจุบัน “เหลือคนในขบวนรอดตายมากี่คนวะ?นอกจากไอ้หนุ่มนั่น...” “เกลี้ยงเลยจ้ะพี่ทัพ ทั้งคนแล้วก็ทรัพย์สินที่ขนกันมาขาย มันจัดการทุกอย่างไม่เหลือหลอ...” เป็นทองก้อนเดินสีหน้าเคร่งขรึมเข้ามาสมทบ ชายหนุ่มรายงานตามที่ตัวเองได้รับมอบหมาย ส่วนดงนั่งขนาบอยู่ไม่ไกลจากนายบ้าน ในมือมีมีดดาบกระชับไว้ไม่ห่างตัว สีหน้าของดงเหี้ยมโหด ไอ้กลุ่มโจรนิรนามช่างน่ากลัวขึ้นทุกวัน จิตใจมันโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ มันดักปล้นทรัพย์สินเงินทองเขายังไม่พอ ยังจะตามไล่ฆ่าเหยื่อทุกรายไม่ให้เหลือลมหายใจ ไอ้หนุ่มที่หนีตายรอดมาจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้านสามโคกได้ ตอนนี้ยังมีอาการเป็นตายเท่ากัน ซึ่งก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำจะมีลมหายใจอยู่ถึงคืนนี้ได้หรือไม่ มีเพียงโชคชะตาเท่านั้นจะกำหนดชีวิตให้กับมัน นายบ้านทัพทองสั่งให้คนแบกร่างสะบักสะบอมชุ่มโชกไปด้วยเลือดของไอ้หนุ่มนิรนามมารักษาตัวบนเรือนตนเอง คิดว่าเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด โดยตอนนี้มีหมอคงหมอฝีมือฉกาจประจำหมู่บ้านสามโคกดูแลรักษา ไหนจะยังมีสาวน้อยฉกาของเขากับสาวๆในหมู่บ้านอีกสองคอยช่วยเป็นลูกมือ ชาวบ้านทุกคนที่ได้ยิน ต่างพากันขนลุกขนพอง หวาดหวั่นต่อภัยจะมาเยือนเรือนตัวเองเข้าในสักวัน “มันโหดเหี้ยมเกินมนุษย์มนา ฆ่าตายหมดไม่สนลูกเด็กเล็กแดง แล้วคราวนี้ขบวนสินค้าที่ถูกดักปล้นก็อยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านเราสักเท่าไหร่ ทีนี้มันจะแวะมาขึ้นเรือนปล้นที่หมู่บ้านเราด้วยหรือเปล่านายบ้าน...ฉันละเป็นห่วงสองแม่ลูกมัน ผู้หญิงกับคนแก่จะเอาอะไรไปช่วยเหลือตัวเอง...” เป็นนายมากพ่อของส้มแป้นเอ่ยร้องถาม เขาต้องถามเพราะในเรือนมีเพียงคนแก่กับหญิงสาว เขาก็อายุมากจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปจับดาบมาต่อสู้กับไอ้พวกโจรจิตใจโหดเหี้ยม “โธ่เอ๊ย!ไอ้คนขี้ขลาด ลองให้พวกมันโผล่หัวมาปล้นเรือนกูดูหน่อยปะไร พ่อจะบั่นคอให้ขาดกระจุย สับๆ แล้วโยนให้หมูหมามันกิน...” ท่าทางพร้อมสีหน้าฮึกเหิม เป็นเพราะตาพวงแกเป็นอดีตนักเลงเก่า มักชอบพูดจาโผงผางอวดศักดาเสมอ ทั้งที่จริงตอนนี้ถ้าให้แกหันไปจับดาบยังไม่แน่ใจนักว่าจะมีแรงด้วยหรือไม่ นายมากเบ้ปากตวัดสายตาขุ่นคลั่กมองไอ้คนขี้โม้อย่างหมั่นไส้ อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าหนาๆของมันสักที โธ่!ไอ้ขี้คุย ใครกันวะที่มันวิ่งสับขาซะจนผ้าขาวม้าเปิดเปิง แหกปากตะโกนเสียงลั่นตอนเจอร่างเต็มไปด้วยเลือดของไอ้หนุ่มนั่น เขาที่เดินสวนมาพอดีทันได้เห็นเหตุการณ์สดๆร้อนๆอยู่หรอก มันคงลืมไปกระมังเป็นเขาเองที่พุ่งตัวไปยังร่างไอ้หนุ่มผู้โชคร้ายก่อนใครเพื่อน ส่วนตัวมันเอาแต่ร้องตะโกนราวกับคนเสียสติ สีหน้าซีดเซียวใกล้จะเป็นลมตอนเห็นเลือดนองเต็มพื้นดิน ... อยู่ต่อหน้านายบ้านทัพทองใครล่ะจะกล้าหาเรื่องใส่ตัว กว่าจะรอดพ้นจากคดีเก่ามาได้ตัวเขาเองก็แทบแย่ ดีที่นายบ้านทัพทองไม่เอาเรื่องเอาความ มีแต่คอยปรามให้เขาคอยกันนังส้มแป้นให้อยู่ห่างๆนังฉกามันเข้าไว้ นายมากจึงทำได้เพียงก่นด่าไอ้คนขี้โม้อยู่ภายในใจ สีหน้าเท่านั้นแสดงออกตามความนึกคิด ส่วนเมียเขานั่งทำท่าถลกผ้านุ่งตวัดค้อนไปยังทิศที่นั่งของไอ้คนเก่งเหลือจะรับประทาน ทำปากขมุบขมิบไม่ออกเสียง คงหนีไม่พ้นคำด่าทอสารพัดนั่นแหละ ใกล้ตัวเขาก็คือลูกสาวนังส้มแป้น มันเอาแต่คอยจะเล่นหูเล่นตาส่งไปให้ชายที่นั่งโดดเด่นอยู่ตรงกลางลานท่าเดียว ไม่สนใจเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาต้องคอยสะกิดห้ามไม่ให้มันทำเช่นนั้น ถ้ายังไม่อยากถูกริบข้าวของมีค่าคืนจนหมดเกลี้ยง นายบ้านทัพทองกวาดสายตาดุดันมองไปทั่วลานกว้าง เขาเห็นแววตาหวาดกลัวจากลูกบ้านทุกคน รู้ดีว่าทุกคนย่อมต้องรู้สึกรักตัวกลัวตายเป็นเรื่องธรรมดา ในความเป็นผู้นำแน่นอนทัพทองไม่คิดหวาดกลัวต่อไอ้กลุ่มโจรชั่วนิรนามพวกนั้นสักนิด จะบุกมาเป็นโขยงเขาก็พร้อมรับมือได้สบาย ถ้าไม่แน่จริงเขาคงไม่ขึ้นเป็นนายบ้านปกครองคนนับร้อยชีวิตให้ใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายด้วยอายุเพียงขึ้นเลขสองหรอกนะ ชายร่างสูงใหญ่ลักษณะกำยำโดยรอบตัวแผ่อำนาจบารมีน่าเกรงขามยืดตัวขึ้นตรง ชูดาบในมือขึ้นสูงเหนือศีรษะ ทำให้ชาวบ้านในที่นั้นต่างพากันเงียบเสียงกริบ สายตาทุกครู่พากันจับจ้องมายังชายผู้เป็นนายเหนือชีวิตเป็นตาเดียว มะเฟืองกะพริบตาปริบๆอุณหภูมิในตัวร้อนผ่าวราวจะจับไข้ มือทั้งสองข้างปล่อยปิ่นโตวางไว้บนพื้นแล้วหันมาคว้าเอาแขนทองสุขไว้แน่น เห็นทีครั้งนี้คงจะเป็นครั้งแรกในชีวิตกระมัง เธอได้สัมผัสถึงมนต์คลังจากตัวของนายบ้าน ชายผู้เป็นทุกอย่างให้กับชาวบ้านสามโคก ในฐานะนายบ้าน ทัพทองรู้ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะสามารถเรียกขวัญและกำลังใจกลับคืนสู่ลูกบ้านทุกหลังคาเรือน คำประกาศจากเขาถือเป็นคำมั่นอันศักดิ์สิทธิ์ “เอาละ...พวกเอ็งทั้งหลายจงฟังข้าให้ดี” น้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง แววตาวาววับด้วยแสงแห่งอำนาจบารมีถูกส่งไปยังลูกบ้านทุกหลังคาเรือน “พวกเอ็งจงเชื่อมั่นในตัวข้า...ข้าจะไม่มีวันยอมปล่อยให้มดหรือแม้กระทั่งปลวกสักตัวรอดผ่านเข้ามาในหมู่บ้านสามโคกของเราได้เป็นอันขาด ข้าจะเพิ่มเวรยามทั้งกลางวันและกลางคืน แล้วจะจัดคนลงสอนเพลงดาบให้กับพวกหนุ่มสาวที่พอจะมีเรี่ยวแรงจับดาบไหว เอาไว้ใช้ป้องกันตัวในยามคับขัน... ” เสียงฮือฮาจากชาวบ้านดังขึ้นทันทีที่นายบ้านประกาศจบ ต่างเห็นด้วยในเรื่องเรียนเพลงดาบ ก็ดีเหมือนกันจะได้มีไว้ปกป้องตัวเองในยามจวนตัว ถ้าคุ้มดีคุ้มร้ายเกิดเหตุไม่คาดคิดจริง อย่างน้อยๆยังสามารถดึงเวลารั้งรอให้คนของนายบ้านบุกเข้าช่วยเหลือ ชาวบ้านสามโคกทุกคนต่างเชื่อมั่นในตัวของผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย รู้ดีว่านายบ้านทัพทองจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกบ้านตาดำๆเกินอันตรายถึงแก่ชีวิต ทุกวันนี้ทุกคนมีอยู่มีกินกันอย่างไม่ลำบาก ก็เพราะได้นายบ้านคนนี้คอยพาชาวบ้านออกหาของป่าขายจนมีเงินมีทองนำมาเลี้ยงครอบครัว ให้กินอิ่ม นอนหลับ... จบจากการประชุมชาวบ้านทั้งหลายต่างพากันเดินกับเรือน หนุ่มสาวทั้งหลายมีสีหน้าจริงจัง ตั้งใจว่าจะต้องมาเรียนเพลงดาบจากเรือนนายบ้าน ทองสุขดึงลูกสาวให้กลับเรือนไปด้วยกัน มะยมเดินไปหากลุ่มช่างเมาประจำหมู่บ้าน มะเฟืองทำสีหน้าบูดบึ้งให้พ่อ ฝืนตัวจะไม่ยอมเดินตามท่าเดียว เธอจะเอาปิ่นโตไปให้พี่ดง พ่อก็พอนะไม่รู้จักเห็นใจลูกสาวคนนี้สักนิด ก็คนมันเป็นห่วง กลัวพี่ดงจะหิวข้าว “เอ๊ะ!นังมะเฟือง พ่อบอกให้เอ็งกลับเรือนกับพ่อเดี๋ยวนี้ไง” “ก็ฉันจะเอาปิ่นโตไปให้พี่ดง...อุตส่าห์ทำแต่ของโปรดไว้เต็มเถา ไม่รู้ป่านนี้จะหิวข้าวจนแสบท้องหรือเปล่า...” “ช่างหัวมันปะไร เอ็งไม่ต้องเอาไปให้มันกินให้เสียของ นู่น...ไม่แหกตาดูบ้างหรือไง มันเดินหนีเอ็งขึ้นเรือนนายบ้านไปนู่นแล้ว” ทั้งเดินหนี ทั้งมองเมิน สองตาของมันไม่เคยแลมาหาลูกสาวเขาสักนิด มีแต่นังมะเฟืองคอยส่งหูส่งตาไปหามันจนเชื่อม เขาเห็นแล้วแทบจะเต้นผาง ผู้ชายเขาแสดงออกไม่เอาถึงขนาดนี้ นังมะเฟืองมันโง่หรือยอมรับความจริงไม่ได้กันแน่วะนายทองสุขรู้สึกอ่อนใจ มะเฟืองก็เห็นตอนดงเดินตัวปลิวตามหลังนายบ้านทัพทองขึ้นไปบนเรือน เขาคงมองไม่เห็นเธอ พ่อจะรู้อะไร... “ฉันแค่จะเอาปิ่นโตไปให้เขา” มะเฟืองยังดื้อดึง “พ่อจะคอยอยู่ตรงนี้ ให้ปิ่นโตมันเสร็จแล้วก็รีบลงมา” นายทองสุขสาวเท้ามานั่งบนขอนไม้ กอดอกท่าทางมั่นเหมาะจะรอลูกสาวไม่ลุกไปไหน มะเฟืองลากเสียงยาว ทำปากยื่น “พ่อจ๋า...ฉันโตแล้วนะ พ่อจะต้องมานั่งรอฉันกลับเรือนด้วยทำไม? พ่อกลับไปก่อนเลย เผื่อฉันจะอยู่ช่วยนายบ้านหยิบจับทำประโยชน์อะไรกับเขาบ้าง...” มะเฟืองทำตาโตใส่พ่อ ชักแม่น้ำทั้งห้าให้พ่อกลับเรือนไปก่อน นายทองสุขทำเป็นหูทวนลม เป็นตายร้ายดียังไงวันนี้เขาจะต้องลากตัวลูกสาวกลับเรือนไปด้วยกัน ไม่ยอมปล่อยให้มันถูกทำร้ายน้ำใจจากไอ้หนุ่มพลัดถิ่นอีกเป็นเด็ดขาด ---------------------------------------
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม