เลอะเลือนเสียแล้ว

1432 คำ
งานเลี้ยงบุปผาหมื่นพิษ สามวันต่อมา หยวนหยวนได้มีโอกาสออกไปงานเลี้ยงองค์หญิงเก้า เหม่ยเหนียง ผู้งามเฉิดฉาย นางเป็นบุตรสาวที่ฮ่องเต้รักมากที่สุด ทั้งยังเป็นน้องสาวร่วมมารดาองค์ชายสาม ผู้ที่หยวนหยวนจะต้องแต่งงานด้วย ซึ่งทั้งองค์หญิงเก้าและองค์ชายสาม ต่างถือกำเนิดจากพระสนมจวงเทียน ผู้ที่บิดานางกุมกำลังทหารไว้เกือบหนึ่งแสนนาย งานเลี้ยงที่ว่านี้เชิญแขกมาไม่มาก กระนั้นจวนสกุลสวี่ ก็มีหยวนหยวนกับพี่สาวอีกสองคนของนางมาด้วย และก็ฮูหยินใหญ่ ซึ่งเดินนำหน้าทุกคนเข้างานก็คือจางเจิ้น หยวนหยวนต้องใช้ความจำอย่างที่สุด เมื่อพบคนแปลกหน้า แต่เซี่ยงอี่ที่อยู่กับนางคอยดูแลสารพัด ทั้งยังกระซิบเตือนเสมอเพื่อให้รู้ว่า คนที่กำลังพบคือผู้ใด ในขณะที่ก้าวเข้ามาในงานเลี้ยงบุปผาที่ตำหนักพระสนมจวงเทียน หยวนหยวนที่แม้จะอยู่ในชุดสีเขียวเข้ากับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับเป็นที่สะดุดตาทุกคน ด้วยผิวนางขาวอมชมพู ดวงตากลมโตและดูสวยฉ่ำบาดใจผู้พบเห็น ยามนางยิ้ม หรือแสดงความตื่นตาตื่นใจต่อสิ่งต่างๆ พลอยให้คนที่ลอบมอง ต่างตกตะลึง สตรีผู้หนึ่งงามล่มเมืองได้เพียงนี้ นับว่าองค์ชายสามได้ของดีไว้ในมือ ! “ลูกสาวข้าคนนี้ เพิ่งฟื้นจากไข้หัวหมู!” จางเจิ้น หรือฮูหยินสวี่เอ่ย แล้วพยายามผลักให้หยวนหยวนแสดงตนอย่างเป็นนางหงส์ ไม่ใช่เด็กสาวขี้อายที่อยู่ข้างหลังผู้อื่น “โอ้ คุณหนูแปด ผ่านเคราะห์ร้ายมาเช่นนี้ ต่อไปย่อมพบแต่สิ่งที่ดี เดือนหน้านางก็จะแต่งเข้าตำหนักองค์ชายสาม อย่างไรย่อมมีแต่เรื่องมงคล” ฮูหยินเจ้ากรมการค้าเอ่ย และมองหยวนหยวนด้วยสายตาเอ็นดู ผิดกับจางเจิ้น ทั้งที่นั่งรถม้ามาด้วยกัน กับมีใบหน้าเรียบเฉย มิยิ้มแย้ม ทั้งยังคอยตำหนิหยวนหยวนอยู่ตลอด ส่วนพี่ห้ากับพี่หก ทั้งคู่เป็นดอกไม้งามปัญญาทึบ ซึ่งไม่ค่อยมีปากมีเสียงสักเท่าไหร่ หยวนหยวนถูกกลุ่มสตรีวัยเดียวกันเรียกไปยังหอชมดอกไม้ ซึ่งเป็นอาคารสูงห้าชั้น มองเห็นลานปลูกดอกไม้กว้างทั่วทุกมุม ด้านบนหอไม้นี้มีโต๊ะนั่งดื่มชา ห้องฟังดนตรี ทั้งมีโรงละครเล็กๆ ให้ชมการแสดง “ไปสิ พวกเจ้าไปเล่นสนุกกันเถิด” จางเจิ้นโบกมือไล่ หยวนหยวนกับคุณหนูห้า ส่วนคุณหนูหกนางเป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโตจึงเกาะฮูหยินสวี่แจ อีกทั้งนางยังสื่อสารได้ไม่ดี ด้วยพูดติดๆ ขัดๆ ให้พบผู้อื่นมากไป ก็รังแต่จะทำเรื่องขายหน้า! เมื่อถูกพามายังหอสูงที่ตบแต่งอย่างสวยงาม หยวนหยวนก็ค่อนข้างเกร็ง ที่นี่นอกจากสาวๆ ในวัยเดียวกัน ยังมีชายหนุ่มที่แต่งตัว แต่งหน้าด้วยสีสันจัดจ้าน พวกเขาดูร้อนแรงทั้งคอยสอดส่องสายตาเจ้าชู้ ชายเหล่านี้คือนักดนตรี และนักแสดงละคร ดังนั้นจึงเปิดเผยเนื้อหนังในเสื้อผ้าบางเบา “น้องแปด เจ้าไม่ชอบที่นี่หรือ” คุณหนูห้าหรือสวี่เอิน เป็นหญิงสาววัยยิบสี่สองแล้ว แต่นางไม่ชอบสุงสิงใคร เรื่องการออกเรือนก็ดูไกลตัว เนื่องจากนางกินจุ ขี้เกียจ ทว่าเป็นคนที่จริงใจมิน้อย “เปล่า ข้าเพียงแต่เห็นว่า มันอึกทึกเกินไป” หยวนหยวนเอ่ยได้เท่านั้น นางต้องรีบเก็บปากเก็บคำ เนื่องจากมีร่างระหง ซึ่งสวมเสื้อผ้าพลิ้ว พร้อมเครื่องประดับบนศีรษะและร่างกาย ก้าวมาปรากฏตัว และทุกคนต่างแสดงความนอบน้อมต่อนาง “โอ๊ะ ข้านึกว่าผู้ใด ที่แท้ ก็ว่าที่อี๋เหนียงคนงามของพี่สาม...” องค์หญิงเก้า ปรายตามองมายังหยวนหยวน ทั้งที่อีกฝ่ายแต่งชุดเรียบๆ ทว่าตั้งแต่นางก้าวเข้ามาในตำหนักแห่งนี้ บ่าวและสาวใช้ ต่างรายงานว่า คุณหนูแปดแห่งตระกูลสวี่ โดดเด่นเกินผู้อื่น! “องค์หญิงเก้า จัดงานได้รื่นเริงยิ่งนัก และยังให้หม่อมฉันกับน้องๆ มาที่นี่” “อีกไม่นาน คุณหนูแปดก็เกี่ยวดองกับข้า เยี่ยงนั้นต้องสร้างความเป็นมิตรไว้” องค์หญิงเก้าว่า และใช้สายตาสำรวจหยวนหยวน นางมองแล้วก็หงุดหงิดไม่ชอบใจ งามหรือ ย่อมต้องเอ่ยเช่นนั้น แต่กิริยาแสร้งทำเป็นอ่อนต่อโลก เห็นแล้วเหม่ยเหนียงก็นึกหมั่นไส้! สวี่เอินจับสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายได้จึงเอ่ยว่า “หม่อนฉันกับน้องสาวกำลังหิว อย่างขอตัวก่อน” คุณหนูห้าเอ่ยจบ ก็จับข้อมือหยวนหยวน เตรียมพาหลบไปทางอื่น “ช้าก่อน ข้าจัดเตรียมอาหารพิเศษไว้แล้ว เชิญพวกเจ้าทั้งสองคนตามมา!” องค์หญิงกล่าวออกคำสั่ง จากนั้นเหล่านางรับใช้ก็แทบจะเข้าไปลากตัวหยวนหยวนกับสวี่เอิน ให้ไปยังห้องรับรอง! หยวนหยวนหายใจหายคอไม่สะดวก เมื่อครู่ด้วยเหตุใดไม่แน่ชัด แต่นางครั่นคร้ามใจเมื่อต้องเผชิญหน้าองค์หญิงเก้า สตรีน้อยนางนี้ดูมีพิษสง ซึ่งแค่นั้นยังไม่พอ นางคล้ายอยากจะเชือดหยวนหยวนต่อนางทุกคน ราวกับมีเรื่องหมางใจกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน สวี่เอินเห็นน้องแปดมีสีหน้าไม่สู้ดี ทั้งท่าทางคล้ายจมอยู่กับความคิดจนดูคล้ายเหม่อเลย จึงเอ่ยว่า “น่ากลัวเสียจริง ข้าไม่รู้ท่านพ่อคิดอย่างไร ถึงให้เจ้าเกี่ยวดอกกับองค์ชายสาม รู้ทั้งรู้ว่า องค์หญิงเก้าเกลียดเจ้าเข้าไส้” เมื่อสวี่เอินเอ่ยเช่นนี้ หยวนหยวนก็พอจับต้นชนปลายได้ นางเป็นอริกับองค์หญิงเก้าเยี่ยงนั้นหรือ แล้วต่อจากนี้จะทำเช่นไร “ข้าควรอยู่ให้ห่างนางมากที่สุด” หยวนหยวนหลุดคำดังกล่าวออกไป นางกลัวอีกฝ่ายหรือ คงเป็นเช่นนั้น เพราะการถอยหนีจากปัญหาคงทำให้นางสงบสุข “เหลวไหลว อย่างไรเจ้าก็ต้องแต่งกับองค์ชายสามเรื่องนี้จะล้อเล่นไม่ได้ แต่อย่างว่านางกับองค์ชายสามสนิทกันมาก อีกอย่างตั้งแต่เล็ก ก็เป็นนางที่เขาเลี้ยงดู อี๋เหนียงทุกคนขององค์ชายสาม ล้วนถูกสตรีผู้นี้กลั่นแกล้ง เจ้าไม่รู้หรือว่าเหตุใด จนป่านนี้ องค์ชายสามถึงยังไร้ทายาท ทั้งหมดล้วนเป็นนางที่สร้างเรื่อง หาทางขัดขวาง ตำแหน่งพระชายาเอกขององค์ชายสามยังว่าง... ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเพราะอะไร?” ได้ฟังคำพูดเหล่านั้น หยวนหยวนก็ครั่มคร้ามใจ องค์หญิงเก้าดูเหมือนอายุคงไม่ได้มากกว่านาง ทว่ากลับเป็นปีศาจในคราบมนุษย์ และสิ่งที่สวี่เอินเอ่ยถึงตำแหน่งพระชายาเอก ก็ชวนให้หยวนหยวนนึกรังเกียจ นางรู้ว่า พี่น้องรักกันมีให้เห็นทั่วไป ทว่าหากรักกันและปรารถนาจะเป็นสามี ภรรยาของอีกฝ่าย เรื่องนี้ช่างน่าขยะแขยง! สวี่เอินมองหยวนหยวนด้วยท่าทางที่แปลกประหลาด ก่อนเอะใจต่อบางสิ่ง “และช้าก่อน เจ้าแค่ป่วยเป็นไข้หัวหมูเท่านั้นจริงๆ หรือ ข้าสังเกตตั้งแต่ฟื้นคืน ดูเหมือนเจ้าลืมเอาสมองกลับมาด้วย อีกอย่างการรับมือองค์หญิงเก้า ข้ากับเจ้าก็เตรียมการไว้มิน้อย ยังต้องกลัวสิ่งใดอีก!” หยวนหยวนหน้าซีดเผือด และเหงื่อชื้นเต็มสองฝ่ามือนาง เรื่องนี้นางไม่รู้จะตามพี่ห้าทันได้อย่างไร “ข้าคงเลอะเลือนเสียแล้ว ทำให้หลายที่เคยเจรจาลืมไปหมดสิ้น” “นั่นสิ ปกติเจ้ารับมือผู้อื่นเก่งกาจ วาจาก็ราวกับมีดอาบยาพิษ หากยามนี้ดูสมองกลวงนัก แต่ด้วยเป็นเพราะเราคือสายเลือดเดียวกัน เมื่อน้องแปด พบเคราะห์กรรม พี่ห้าจะนิ่งนอนใจได้อย่างไร” สวี่เอินเป็นคนเช่นนั้น นางรักน้องแปด ด้วยมารดานางเป็นเพียงสาวใช้ข้างห้องที่เลื่อนขึ้นมาเป็นอี๋เหนียง ส่วนมารดาอีกฝ่าย ก็เสียชีวิตในกองเพลิงเมื่อครั้งไปถือศีลที่วัดบนภูเขาสูง ในขณะที่สวี่หยางซิ่นอายุยังน้อย ในขณะที่ทั้งสองคนปลีกตัวมาอยู่ในมุมเงียบๆ เป็นช่วงเดียวกันที่ร่างสูงเพรียวของบุรุษผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม