บทที่3/2
หมิงอิงได้ยินเช่นนั้นตาก็เบิกกว้าง ที่นางเดาเอาไว้ไม่ผิดเลยสักนิด
“เช่นนั้นข้าไม่ไป”
“ไม่ไปไม่ได้” คนเป็นพ่อรีบบอกเพราะรู้อยู่แล้วว่าบุตรสาวจะต้องตอบเช่นไรเมื่อรู้เรื่อง
“แต่ท่านพ่อ” นางครางเสียงอ่อย
“หมิงอิงฟังพ่อนะ การหลบที่ดีไม่ใช่หนี พ่อเห็นเจ้าไปซื้อตำราพวกนั้นมาก็คิดว่าจะรู้แล้วซะอีก” สิ่งที่บุตรสาวทำยามออกไปนอกจวนล้วนอยู่ในสายตาของเขา
หมิงอิงยิ้มอ้อนบิดา มือทั้งสองเอื้อมไปจับแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นพลางเขย่าเพื่อให้ท่านพ่อของนางยกโทษให้
“ข้าก็แค่อยากรู้ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านพ่อเสียชื่อเสียง” คำแก้ตัวจากบุตรสาวไม่ได้ทำให้ไต้เท้าฉู่ไม่พอใจ
”พ่อไม่ได้ตำหนิเจ้า รู้เขารู้เราเป็นเรื่องที่ควรทำแล้ว แม้ก่อนหน้านี้เจ้าจะชอบเที่ยวเล่น แต่กลับไม่รู้เรื่องในเมืองหลวงมากนัก” รอยยิ้มอบอุ่มถูกส่งมาให้บุตรสาว
“คงเป็นเพราะพ่อเองที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ เจ้าที่ไร้เดียงสาและไม่สนใจอะไร เป็นสิ่งที่พ่อพอใจ แต่หมิงอิงลูกพ่อ บุตรสาวของขุนนางก็เหมือนเครื่องมืออย่างหนึ่ง เจ้าจะเป็นดาบให้กับตระกูลของตน ตระกูลสามี หรือแม้แต่ของราชวงศ์ก็ย่อมได้ทั้งนั้น ยามนี้มีคนมากมายจับตามองเจ้า งานครั้งนี้ไม่ใช่ว่าเพียงต้องไป แต่ต้องไปให้ยิ่งใหญ่ ให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าเป็นใครและเป็นบุตรสาวของใคร”
“เช่นนั้นไม่ใช่ว่ายิ่งจะทำให้ข้าต้องแต่งกับองค์ชายเหล่านั้นเร็วขึ้นหรือท่านพ่อ” คำต่อว่าของหมิงอิงไม่ได้ทำให้เขาโกรธเคือง
“เมื่อเลี่ยงไม่ได้เจ้าก็ต้องเลือกคนที่เจ้าพอใจมากที่สุด ไม่เพียงแค่องค์ชาย แต่บรรดาพระญาติหรือแม่กระทั่งคุณชายจากตระกูลต่าง ๆ นี่เป็นโอกาสที่เจ้าจะได้เป็นคนเลือกเอง ก่อนที่เจ้าอาจจะต้องแต่งกับคนที่ฮ่องเต้เลือกเอาไว้”
หมิงอิงขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ทางที่นางเลือกเสียทีเดียวแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ยิ่งในยามนี้นางรับรู้มาบ้างแล้วว่าภายในเมืองหลวงอะไรเป็นอะไร ผู้ใดมีข่าวคาวเช่นไร
“ฝ่าบาทเลือกใครเอาไว้หรือท่านพ่อ” หมิงอิงถามอย่างน้อยจะได้รู้เอาไว้ว่าชะตาลิขิตหนทางเช่นไรเอาไว้ให้นาง
“องค์ชายสาม”
คำพูดสั้น ๆ ของบิดาทำให้หญิงสาวหลับตาแน่น “ต่อให้เลือกใครอื่นไม่ได้ องค์ชายสามก็ไม่ใช่คนที่ลูกต้องการ”
“เช่นนั้นเจ้าจงเลือกสิ่งที่ดีกว่าลูกพ่อ เลือกตามที่ใจเจ้าปรารถนา” แม้จะพูดเช่นนั้นแต่น้ำเสียงของใต้เท้าฉู่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความกังวล
”ท่านพ่อ ฮ่องเต้ไม่ได้โกรธอะไรท่านใช่หรือไม่”
ชายที่เริ่มชราส่ายหน้า “ราชครูสอนสั่งองค์ชายสามไม่ได้แล้ว ฝ่าบาทคงหวังพึ่งพ่อ”
หมิงอิงมุ่ยหน้า
ในเมืองหลวงทุกคนล้วนรู้ว่าองค์ชายสามเป็นเช่นไร หากองค์ชายพระองค์อื่นอยู่ในโถงประชุมเพื่อช่วยฮ่องเต้ปฏิบัติราชกิจ องค์ชายสามก็นั่งฟังเรื่องเล่าอยู่ที่โรงน้ำชา หรือหากไม่เป็นเช่นนั้นก็คงไปคลุกอยู่หอนางโลม
คนเช่นนี้หรือที่สวรรค์ต้องการให้นางทำให้เขากลายเป็นคนเหนือคน แม้จะยากแต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้หากสร้างผลงานและกลับตัวกลับใจได้ รวมถึงใช้ความรู้ที่หมิงอิงมี ไม่เกินสามปีองค์ชายสามอาจจะกลายเป็นองค์รัชทายาทก็เป็นได้
ชาตินี้ใครจะทำได้ก็ทำแต่ไม่ใช่นางแน่ ๆ ชาตินี้หากไม่จำเป็นจริง ๆ นางจะไม่โผล่เข้าไปในวังหลวงและเข้าไปวุ่นวายกับเหล่าองค์ชายเด็ดขาด
“เช่นนั้นลูกขอตัวไปเตรียมตัวนะเจ้าคะ”
หมิงอิงกลับมาที่เรือนของตนเองอีกครั้ง นางเตรียมตัวเพื่องานที่กำลังจะมาถึงอย่างดี ให้เสี่ยวอี้นัดช่างตัดเสื้อเพื่อชุดใหม่ ไม่เท่านั้นเครื่องประดับที่สวยแต่ดูโอ้อวดและไม่เข้ากับงานเลี้ยงดื่มชาชมบุปผาถูกเลือกออกมาใช้อย่างตั้งใจ และอีกสิ่งหนึ่งที่หมิงอิงตั้งใจจะทำ ก็คือสิ่งที่ทำให้บุตรสาวของเสนาบดีกรมยุติธรรมอาจจะเสียชื่อเสียงไปบ้าง แต่แน่นอนว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า
บุรุษที่นางไม่อยากแต่งด้วยล้วนอยู่ที่งานนั้นทั้งหมด นี่ยิ่งเป็นโอกาสที่ดีที่นางจะจัดการทุกอย่างให้จบในครั้งเดียว หมิงอิงอมยิ้ม มองชุดตัดใหม่ที่ตั้งใจจะสวมไปร่วมงาน
ซึ่งเสียวอี้ที่เห็นก็รู้สึกได้ว่าเจ้านายของนางยิ้มได้น่ากลัวยิ่งนัก
“สวรรค์ข้าเดิมพันหมดแล้วทุกอย่าง หากยังบังคับให้ข้าเดินในทางที่ไม่ต้องการข้าขอไม่เดินดีกว่า”
วันงานมาถึงหมิงอิงแต่งตัวด้วยชุดที่งดงามกว่าปกติที่นางเคยแต่ง ตั้งแต่ที่นางก้าวลงจากรถม้าทั้งคุณหนูและคุณชายทั้งหลายที่ตรงประตูทางเข้าก็พากันมองคุณหนูตระกูลฉู่ที่ไม่ค่อยได้ออกงานเช่นนี้มากนัก และแทนที่หมิงอิงจะหลบหน้าหลบตาคุณชายตระกูลอื่น นางกลับทำสิ่งตรงกันข้าม
มองคนนั้นเหลือประกายตาให้อีกคน
รอยยิ้มและแววตาหวาน ๆ ถูกส่งให้กับคุณชายทุกคน ไม่สนว่าคนนั้นจะมีคู่หมายหรือไม่ ขนาดองค์ชายรองที่มีพระชายายืนเคียงข้าง หมิงอิงก็ยังหันไปยิ้มอย่างเขินอายให้กับพระองค์ การกระทำของคุณหนูฉู่ทำให้เหล่าคุณหนูตีตัวออกห่าง แต่คุณชายมากมายกลับแวะเวียนมาพูดคุยไม่เว้นไม่กระทั่งคนที่หมิงอิงไม่อยากเจอมากที่สุด
‘องค์ชายสาม’