สตูดิโอ XXX
“ไม่คิดว่ามึงจะมาแคสตงานจริง ๆ นะเนี่ยคิมหันต์ พี่เอกโคตรดีใจเลยที่มึงตกลงมาลองแคส”
เมื่อคิมหันต์ขับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์มาจอดและก้าวเข้าสตูดิโอมา ทัพไทก็เอ่ยปากขึ้นและเดินมารับเขาที่ทางเข้าพร้อมกับสิงหา แน่นอนว่าเพื่อนสนิททั้งสองของคิมหันต์รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากที่เขาเลือกจะมาแคสงานนักแสดงซีรีส์และตกลงเซ็นสัญญาเป็นเด็กในสังกัดของพี่เอกรุ่นพี่ที่สนิท
“เออ ก็ลองมาดู เห็นเขาเปิดแคสที่ขอนแก่นก็เลยมาเล่น ๆ” คิมหันต์ตอบแบบขอไปที เขาแค่มาลองทดสอบความสามารถของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคัดเลือกงานนี้เลย เพราะงานนี้เป็นงานใหญ่มากสำหรับวงการบันเทิง เป็นซีรีส์ช่องดังในทีวี ซึ่งเปิดแคสติงนักแสดงพระเอกนางเอกหน้าใหม่จากทั่วทุกภาค ตั้งแต่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หาดใหญ่ และขอนแก่น
“แล้วเมียมึงไม่มาด้วยเหรอวะ” สิงหาถามขึ้น และแน่นอนว่าหมายถึงนลิน ทุกคนเข้าใจตรงกันแบบนั้นมาโดยตลอด รวมถึงตัวคิมหันต์เองก็เข้าใจความหมายของเพื่อนเป็นอย่างดีเช่นกัน
“กูจะเอาเขามาทำไมล่ะ เขาไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้นี่ อีกอย่างกูไม่ได้บอกเขาด้วยว่าจะมาแคสงาน”
“เอ้า แล้วทำไมมึงไม่บอกลินอะ”
“กูไม่คิดว่ากูจะได้ไง ถ้ากูผ่านก็ค่อยบอกเขา”
“มึงอาจจะติดก็ได้นะ พี่เอกโคตรดันมึงเลย แถมมึงก็หล่อแบบสมัยนิยม ใคร ๆ ก็ชอบปะวะ” สิงหาว่า
“กูก็คนปกติไหม พวกมึงก็เวอร์ไป”
“มึงเชื่อกูดิ มึงผ่านคัดเลือกแน่นอน ไปเอาป้ายลำดับก่อนไป พี่เอกรอมึงอยู่ข้างในแล้ว”
พูดจบคิมหันต์ก็เดินเข้าสตูดิโอไปพร้อมเพื่อน ๆ ของเขา วันนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาคัดเลือกบทละครต่าง ๆ มากมายหลายบทบาท ทั้งพระเอก พระรอง นายเอก นางเอก ตัวร้าย รวมถึงตัวประกอบอีกด้วย มีแต่คนหน้าตาดีเดินเต็มสตูดิโอไปหมด ถึงแม้คิมหันต์จะไม่ได้คิดว่าตัวเองหล่อจนโดดเด่นอะไรขนาดนั้น แต่เขาก็ถูกมองและเป็นจุดสนใจอยู่พอสมควร หน้าตาของเขามีความคล้ายคลึงกับตัวละครพระเอกในบทที่เขียนออกมาเป็นอย่างมาก
“น้องคิม พร้อมใช่ไหม อีกไม่กี่คิวก็จะถึงแล้ว ไม่ต้องตื่นเต้นนะครับ” พี่เอก หรือโมเดลลิ่งที่เป็นผู้จัดการประจำตัวของคิมหันต์มากล่าวให้กำลังใจเขาก่อนที่จะเข้าห้องคัดเลือก ซึ่งจริง ๆ คิมหันต์ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก มีแต่ทุกคนนี่แหละที่ตื่นเต้นแทนเขาไปเสียหมด
ภายในห้องคัดเลือกนักแสดงมีกรรมการอยู่ทั้งหมดสามท่าน ได้แก่ผู้กำกับ ผู้จัดซีรีส์ และครูสอนแอ็กติงชื่อดังในประเทศ คิมหันต์เดินเข้าห้องด้วยสีหน้านิ่ง ๆ โดยกรรมการทั้งสามก็ทำหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร ไม่มีอะไรน่ากังวลนัก
“สวัสดีครับ ไหนแนะนำตัวหน่อย” ตัวผู้จัดซีรีส์เป็นคนยกไมโครโฟนเอ่ยทักคิมหันต์เป็นคนแรก
“สวัสดีครับ ผมคิมหันต์ อายุสิบแปดปี กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ไม่เคยมีผลงานการแสดงมาก่อนครับ นี่เป็นการแคสติงบทครั้งแรกของผม ขอฝากตัวด้วยนะครับ” คิมหันต์พูดอย่างนอบน้อม
“พร้อมแล้วเนอะ ถ้าอย่างนั้นช่วยแสดงบทที่แจกไปให้หน่อยค่ะ บทพระเอกสารภาพความในใจกับนางเอกที่เป็นเพื่อนกันมาห้าปี แต่เก็บความรู้สึกในใจไว้ไม่อยู่” คุณครูสอนแอ็กติงหยิบใบสมัครของคิมหันต์ขึ้นมาอ่านก่อนจะเลือกบทให้เขาแสดง เขาพยักหน้าก่อนจะเริ่มการแสดงบทออกมา ในหัวเขาคิดเพียงแค่ว่ากำลังสารภาพความรู้สึกกับนลินออกมา และกลายเป็นว่าสีหน้าของเขาสามารถสื่ออารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี ทั้งอึดอัดและสับสน กลัวว่าจะเสียเพื่อนไป
“ฉันชอบเธอ ! ฉันขอโทษที่ฉันไปชอบเธอ คิดกับเธอมากกว่าเพื่อน… แต่เพราะเธอทำให้ฉันอยากจะเป็นคนที่ดี คอยดูแลเอาใจใส่เธอ ทำให้เธอมีความสุข ฉันชอบเธอจริง ๆ นะ เธอรู้สึกกับฉันยังไงกันแน่ บอกฉันหน่อยได้ไหม” คิมหันต์แสดงออกมาอย่างสมจริง อีกทั้งยังทำท่าทางประกอบเหมือนกับว่าจับที่ไหล่ของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้แล้วเขย่าเบา ๆ ให้รู้ว่าเขากำลังจริงจังกับสิ่งที่พูด เขาอึดอัดจนทนไม่ไหวต้องพูดมันออกมา
“คัต ! แสดงได้ดีมากครับคิมหันต์” ผู้กำกับถึงกับต้องหยิบไมโครโฟนขึ้นมาเอ่ยชมคิมหันต์ที่แสดงบทนี้ออกมาได้อย่างเพอร์เฟกต์ ทว่าความจริงแล้ว เขาเพียงแค่แสดงความรู้สึกและปลดปล่อยในสิ่งที่เขาคิดและอยากพูดกับนลินที่สุดออกมาก็แค่นั้น
“ขอบคุณครับ”
“ผมคิดว่าเราจะได้เจอกันในรอบถัดไป โชคดีครับคุณคิมหันต์” คุณผู้จัดซีรีส์เอ่ย ก่อนที่คิมหันต์จะออกจากห้องคัดเลือกไป
“เป็นยังไงบ้างมึง เขาพูดว่ายังไงบ้าง” ทัพไทตื่นเต้นกว่าตัวคิมหันต์เองอีกด้วยซ้ำ ถึงกับวิ่งเข้ามาถามด้วยความอยากรู้
“เขาบอกว่ากูแสดงได้ดีมาก แล้วก็หวังว่าจะได้เจอกันในรอบถัดไป”
“มึงต้องเข้ารอบแน่เลยว่ะ” สิงหามั่นใจ
“เออจริงไอ้สิง กูก็ว่ามันจะเข้ารอบเหมือนกัน” ทัพไทเห็นด้วย “มึงเชื่อกู เผลอ ๆ กูว่ามันนี่แหละได้บทพระเอก มาซะขนาดนี้”
“พวกมึงก็เวอร์อะไรขนาดนั้นวะ” คิมหันต์ส่ายหน้า “กูกลับละ จะพาลินไปหาไรกินตอนบ่าย ไว้เจอกันมึง”
พูดจบคิมหันต์ก็โบกมือสองสามทีเป็นการลาเพื่อนสนิทของตนและฝากทัพไทกับสิงหาลาพี่เอกแทนเขาด้วย ตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่าแล้ว เขาไม่อยากให้นลินต้องเหงาอยู่ห้องคนเดียว กะว่าจะพาออกไปหาอะไรทานสักหน่อย
เขาเร่งบิดบิ๊กไบค์คู่ใจจนมาถึงคอนโด เมื่อเปิดห้องมาก็พบว่านลินกำลังนั่งอ่านหนังสือนวนิยายอีกแล้ว ดูท่าทางยัยหมูน้อยจะชอบอ่านหนังสือนิยายจริง ๆ สินะ ว่างเป็นต้องอ่านตลอดเลย
“ลิน ฉันกลับมาแล้ว ไปกินข้าวที่ห้างกันไหมวันนี้”
นลินส่ายหน้า ละสายตาขึ้นจากหนังสือ
“ไม่เอาอะคิม ฉันว่าเปลืองเงิน ของสดยังเหลือ เราทำกินเองดีกว่าไหม”
“เธอทำกินเองทุกวันไม่เบื่อหรือไง หนังสือก็เหมือนกัน เล่มหนึ่งอ่านเป็นสิบครั้ง ทำไมไม่ซื้อเล่มใหม่มาอ่านบ้าง”
“ก็มันประหยัดนี่ หนังสือนิยายเล่มหนึ่งหลายร้อยนะคิม ฉันว่าเอาเงินไปทำอะไรได้ตั้งเยอะ”
“เธอคิดว่าฉันจะจ่ายให้เธอไม่ได้หรือไง” คิมหันต์พูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิด ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาจะดูแลเธอให้สบายไม่ได้
“ไม่ แต่มันเปลือง ฉันไม่อยากให้นายมาสิ้นเปลืองกับฉันไง” นลินอธิบาย