ตอนที่ 13 การเผชิญหน้าที่แตกหัก

1292 คำ
ห้องประชุมใหญ่ของบริษัทเวสต์ฟิลด์ กรุ๊ป ถูกตกแต่งอย่างหรูหราและทันสมัย ผนังห้องประดับด้วยภาพถ่ายที่แสดงถึงความสำเร็จและผลงานสำคัญในอดีตของบริษัท โต๊ะประชุมขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้โอ๊คถูกล้อมรอบด้วยเก้าอี้หนังสีดำ เรียงรายเป็นระเบียบให้ผู้บริหารนั่งประจำที่ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและความคาดหวัง ทุกคนในห้องต่างตั้งใจฟังสิ่งที่กำลังจะถูกนำเสนอ จูเลียน ดาเวนพอร์ท ยืนอยู่หน้าห้องประชุมด้วยท่าทีที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและเฉียบคม โปรเจคเตอร์ฉายแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี AI และอุปกรณ์ IoT เสียงของเขาดังก้องในห้องประชุมเมื่อเขาเริ่มอธิบายแผนงานอย่างละเอียด “ถ้าเราสามารถร่วมมือกับนักลงทุนรายใหญ่ในอเมริกาได้ การขยายธุรกิจของเวสต์ฟิลด์ กรุ๊ป ไปสู่ระดับโลกจะไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป” จูเลียนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจ รอยยิ้มบางที่มุมปากของเขาดูเจ้าเล่ห์ ผู้บริหารบางคนในห้องประชุมพยักหน้าเห็นด้วย ในขณะที่บางคนยังคงแสดงท่าทีสงสัยและตั้งคำถาม ในขณะที่จูเลียนกำลังสรุปการนำเสนอ เอริค เวสต์ฟิลด์ และลูคัสเดินเข้ามาในห้องประชุม เอริคมีท่าทีสุขุมและเย็นชา เขาก้าวเดินอย่างมั่นคงไปยังที่นั่งประจำของเขา สายตาเยือกเย็นของเขาจับจ้องที่จูเลียน แฝงไปด้วยความไม่ไว้ใจ ลูคัสเดินตามมาข้าง ๆ เอริค แม้จะสังเกตเห็นบรรยากาศที่ตึงเครียด แต่เขายังคงมีท่าทางผ่อนคลาย เมื่อจูเลียนจบการนำเสนอ ผู้บริหารคนอื่นๆ เริ่มซักถามและแสดงความคิดเห็น เอริคนั่งฟังเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร แต่สายตาของเขาที่จ้องมองจูเลียนบอกให้รู้ว่าเขาไม่เชื่อถือในคำพูดของชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย ผู้บริหารคนหนึ่งพูดขึ้นมา “ผมเห็นด้วยกับแผนการนี้ แต่ผมคิดว่าเราควรจะทำการศึกษาความเสี่ยงอย่างละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจ” จูเลียนพยักหน้า “แน่นอนครับ เราจะทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างละเอียด แต่ผมเชื่อว่าการลงทุนในเทคโนโลยี AI และ IoT จะเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เวสต์ฟิลด์ กรุ๊ป เป็นผู้นำในตลาดโลก” เอริคฟังเงียบ ๆ แต่แววตาของเขายังคงจับจ้องจูเลียนอย่างไม่ละสายตา ในใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจและความสงสัย ก่อนที่การสนทนาจะสิ้นสุดลง เอริคก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอบคุณสำหรับข้อมูล” เอริคกล่าวเรียบๆ แต่สายตาแน่วแน่ “ผมขอให้ทุกคนออกไปก่อน ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณจูเลียนเป็นการส่วนตัว” บรรยากาศในห้องประชุมเงียบลงทันที ทุกคนสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น พวกเขามองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่ก็ทำตาม เอริค พวกเขาลุกจากเก้าอี้และออกจากห้องประชุมอย่างเงียบ ๆ ทิ้งให้เหลือเพียงเอริค ลูคัส และจูเลียนอยู่ในห้อง เมื่อประตูห้องประชุมปิดลง เอริคหันไปทางจูเลียน สายตาเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและคำเตือนที่ไม่ต้องอธิบาย “มึงนี่ฉลาดนะ” เอริคพูดเบาๆ แต่แฝงไปด้วยความดุดัน “รู้จักหาช่องทางได้ทุกทาง แม้กระทั่งเอาเอวามาเกี่ยวข้อง” จูเลียนยิ้มเล็ก ๆ พลางกล่าว “กูแค่เห็นว่าเอวาเป็นคนที่มีความสามารถและน่ารัก เธอเหมาะสมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขยายธุรกิจนี้” เขาพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่สายตาของเขากลับดูเจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจ เอริคก้าวเข้าไปใกล้จูเลียนมากขึ้น ใบหน้าของเขาเริ่มบึ้งตึง “อย่าเอาเอวามาเป็นข้ออ้าง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มเข้มขึ้น “กูรู้ว่ามึงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ให้กูบอกให้ชัดๆ เลยนะ...ธุรกิจนี้มันไม่ได้หามาง่ายๆ และกูจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปได้” ลูคัสที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียดมากขึ้น เขารีบเข้ามาแทรกกลาง “เอริค ใจเย็นๆ มึงอย่าใช้อารมณ์ไปหน่อยเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามเป็นกลาง หวังว่าจะคลายความตึงเครียด เอริคหันไปมองลูคัส สายตาของเขายังคงเคร่งเครียด ก่อนจะถอนหายใจยาวและพยายามคุมอารมณ์ “กูแค่ไม่ชอบที่มึงพยายามจะใช้เอวาเป็นหมากในเกมของมึง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามสงบลง แต่ยังคงแฝงไปด้วยความไม่พอใจ จูเลียนยังคงยิ้ม “ขอโทษนะ แต่กูแค่พูดตามที่เห็น” เขาตอบด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่แฝงความเจ้าเล่ห์ในน้ำเสียง “ถ้าเอวาไม่ได้ทำอะไรผิด กูก็ไม่เห็นว่าทำไมถึงจะต้องกลัว” เอริคยิ้มเหยียด ๆ “กลัว?” เขาพูดพร้อมกับหันหน้ากลับไปทางจูเลียน “กูไม่ได้กลัวมึง แต่กูไม่ชอบที่มึงพยายามเข้ามาเล่นเกมในบริษัทนี้” จูเลียนยักไหล่ “เกม?มึงคิดว่ากูจะเล่นเกมกับธุรกิจที่มีค่ามหาศาลแบบนี้เหรอ?กูแค่เห็นโอกาสและก็ใช้มัน เหมือนกับที่มึงทำ” เอริคจ้องมองจูเลียนด้วยความโกรธที่พยายามซ่อนอยู่เบื้องหลังท่าทีสงบ “กูจะบอกให้มึงรู้ไว้นะจูเลียน...ถ้ามึงคิดจะทำอะไรที่ไม่ซื่อกับบริษัทนี้ หรือกับใครก็ตามในครอบครัวเวสต์ฟิลด์ กูจะไม่ปล่อยมึงไว้แน่” จูเลียนหัวเราะเบาๆ “มึงจะทำอะไร?ขู่กูเหรอ?” เขาถามพร้อมกับยิ้มเย้ยหยัน “ถ้ามึงอยากให้มันเป็นแบบนั้น กูก็ไม่ว่าอะไร” เอริคตอบกลับด้วยเสียงที่เย็นชาและเฉียบขาด ลูคัสที่ยืนดูอยู่ตลอด พยายามเข้ามาแทรกอีกครั้ง “เฮ้ พวกเรามาคุยกันแบบคนมีการศึกษาเถอะวะ มึงทั้งคู่เป็นผู้บริหารใหญ่ อย่าให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้บริษัทแย่” เอริคหันมามองลูคัสด้วยความไม่พอใจ “กูไม่มีปัญหากับการคุยกันแบบคนมีการศึกษา แต่ไอ้นี่...” เขาพยักหน้าไปทางจูเลียน “มันไม่ใช่คนที่มึงจะไว้ใจได้” จูเลียนยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์ “มึงน่ะใจแคบเกินไปเอริค บางทีนะ การเปิดโอกาสให้กับคนอื่นบ้าง มันก็ไม่ได้แย่เสมอไป” เอริคจ้องมองจูเลียนด้วยความเย็นชา “และบางทีกูก็แค่ต้องทำให้แน่ใจว่ามึงจะไม่ได้รับโอกาสที่จะหักหลังใคร” เขาพูดก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องประชุมโดยไม่พูดอะไรอีก ลูคัสหันไปมองจูเลียนที่ยังคงยิ้มอยู่อย่างเย้ยหยัน “มึงนี่ก็ชอบเล่นเกมไม่รู้จบจริงๆ จูเลียน” จูเลียนหัวเราะเบาๆ “กูแค่รู้จักใช้โอกาสที่มีอยู่เท่านั้นเอง” ลูคัสถอนหายใจ “แต่บางครั้งมึงก็ต้องระวังว่ามึงจะเล่นกับใคร...เอริคไม่ใช่คนที่มึงจะเล่นด้วยง่ายๆ หรอก” จูเลียนยักไหล่ “กูไม่กลัวหรอกลูคัส เพราะกูรู้ว่ามึงสองคนก็เหมือนกัน...เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน” ลูคัสยิ้มมุมปาก “เออๆ ตามใจมึงเถอะ แต่ขอเตือนไว้เลยนะ ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี” จูเลียนยังคงยิ้มเย้ยหยัน ขณะที่ลูคัสเดินออกจากห้องประชุมไป ความเงียบเข้าครอบงำห้องประชุมใหญ่ เอริคเดินตรงไปที่ห้องทำงานของเขา ความโกรธยังคงปะทุอยู่ในอก เขารู้ว่าเขาต้องหาทางจัดการกับจูเลียน ไม่ให้เขาได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจและครอบครัวของเขาอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม