ร้านเบเกอรี่ของเอวาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของขนมอบสดใหม่ กลิ่นวานิลลาและช็อกโกแลตที่เพิ่งออกจากเตาอบลอยฟุ้งกระจายทั่วร้าน บรรยากาศภายในร้านถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกับกลิ่นอายวินเทจ โต๊ะไม้เล็ก ๆ เรียงรายอย่างเรียบร้อยพร้อมกับเก้าอี้ไม้ที่ปูด้วยเบาะสีขาว ผนังร้านประดับด้วยภาพวาดสีน้ำของดอกไม้และขนมอบ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้บรรยากาศในร้านดูน่ารักและมีชีวิตชีวา
เอวากำลังยุ่งอยู่กับการจัดดอกไม้ที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า เธอใช้เวลาในการเลือกดอกไม้แต่ละดอกให้เข้ากันอย่างลงตัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสดใส ขณะที่เธอคอยรับออเดอร์และพูดคุยกับลูกค้าด้วยความเป็นมิตร ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความสุขและความกระตือรือร้นในการทำงานที่เธอรัก
ทันใดนั้น ประตูร้านเปิดออกพร้อมกับเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นเบา ๆ เอริค เวสต์ฟิลด์ก้าวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางที่เย็นชาและไม่พอใจ เขาสำรวจร้านด้วยสายตาที่ไม่สนใจบรรยากาศอบอุ่นรอบตัวเลยแม้แต่น้อย ความเงียบงันเข้าปกคลุมร้านเมื่อเอริคก้าวเข้ามา ใบหน้าของเขาบึ้งตึงเหมือนพายุที่พร้อมจะปะทุ
เอวาเงยหน้าขึ้นจากการจัดดอกไม้ทันทีที่เห็นเอริค เธอยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ไม่สามารถปกปิดได้ "พี่เอริค!" เธอทักทายด้วยน้ำเสียงสดใสและเป็นกันเอง "พี่เอริคมาพอดีเลยค่ะ หนูเพิ่งทำขนมสูตรใหม่เสร็จ อยากให้พี่ลองชิมดูนะคะ"
เอริคมองเอวาด้วยสายตาเย็นชาและไม่พอใจ “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อชิมขนมของเธอ ฉันมาหาแม่” คำพูดของเขาเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง ทำให้บรรยากาศที่อบอุ่นของร้านเบเกอรี่ดูเหมือนจะหยุดชะงักลง
เอวามีท่าทีเขินอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบที่ตรงไปตรงมาและเย็นชาของเขา แต่เธอยังคงพยายามรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ “แม่อยู่ที่นี่ค่ะ กำลังช่วยหนูจัดดอกไม้อยู่นั่นไงคะ” เธอชี้ไปทางมุมร้านที่แคทเธอรีนกำลังจัดดอกไม้อยู่
แคทเธอรีนหันมายิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นลูกชายของเธอ
“เอริคจ๊ะ มาพอดีเลย แม่กำลังจะชวนลูกมาทานขนมกับเอวานะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและนุ่มนวล
เอริคถอนหายใจอย่างไม่พอใจ “แม่ครับ ผมคิดว่าแม่ควรใช้เวลากับผมมากกว่าอยู่กับเธอ” เสียงของเขาแฝงไปด้วยความหงุดหงิดและไม่พอใจ
แคทเธอรีนยิ้มอย่างอบอุ่นและเดินเข้ามาหาเอริค
“เอริคจ๋า เอวาเป็นน้องสาวของลูกนะ แม่อยากให้ลูกสองคนเข้ากันได้ดี” เธอวางมือบนบ่าของลูกชายด้วยท่าทางอ่อนโยน พยายามส่งผ่านความรักและความเข้าใจให้เขา
เอริคหันไปทางเอวาและพูดด้วยท่าทีเยาะเย้ย “เธอควรอยู่ห่างๆ จากครอบครัวของฉันได้แล้ว ไม่ต้องทำเหมือนว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของเรา” คำพูดของเขาแฝงไปด้วยความห่างเหินและความเย็นชา
เอวายังคงยิ้มหวานและตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“พี่เอริคคะ หนูอยากเป็นครอบครัวเดียวกับพี่ พี่ก็เป็นพี่ชายที่หนูรักนะคะ” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความตั้งใจและความหวัง เธอพยายามจะสร้างสะพานแห่งความเข้าใจระหว่างเธอกับพี่ชาย
เอริคขมวดคิ้วและจ้องมองเอวาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “เธอไม่ใช่ครอบครัวของฉัน และเธอก็ไม่มีวันเป็น” เขาตอบด้วยเสียงเย็นชาและตรงไปตรงมา
ขณะที่การสนทนาระหว่างเอริคและเอวากำลังทวีความตึงเครียด ลูคัสเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับรอยยิ้มที่กวนโอ๊ย “โอ้โห วันนี้มันเทศกาลรวมญาติหรือยังไง?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน พยายามคลายบรรยากาศตึงเครียด
เอริคหันไปทางลูคัสและกระซิบเบาๆ “มึงดูสิ เด็กคนนี้ทำตัวเหมือนว่าเธอเป็นเจ้าของทุกอย่าง”
ลูคัสหัวเราะเบา ๆ พลางตอบกลับ “เอริค มึงอาจจะคิดมากไปนะ เอวาแค่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเท่านั้นเอง” เขาพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้เอวา
เอวายิ้มตอบลูคัสด้วยความเป็นมิตร “พี่ลูคัสคะ หนูกำลังทำเค้กช็อกโกแลตอยู่ พี่อยากลองชิมไหมคะ?”
ลูคัสยิ้มกว้าง “ถ้ามันจะช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้น แน่นอนสิ” เขาหยิบชิ้นเค้กขึ้นมาชิม “อืม...อร่อยมากเลยนะเนี่ย” เขาพูดด้วยท่าทางจริงจัง “มึงควรลองชิมบ้างนะ เอริค บางทีอาจจะช่วยทำให้มึงหายหน้าบึ้งได้บ้าง”
เอริคหันไปมองลูคัสด้วยสายตาดุดัน “กูไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะชิมขนมของยัยเด็กนี่ กูมาหาแม่เท่านั้น” เขาย้ำด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ
แคทเธอรีนที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างอบอุ่น “ลูกจ๋า เอวาเป็นเด็กดีนะ ลูกไม่ควรจะพูดแบบนั้นกับเธอ” เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เพื่อให้เอริคเข้าใจและผ่อนคลาย
เอริคหันไปทางแม่ของเขา “แม่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องพยายามทำให้เธอเข้ามาในครอบครัวเรา เธอเป็นแค่คนอื่น”
น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความไม่พอใจและความไม่เข้าใจในความรักที่แม่มีต่อเอวา
แคทเธอรีนส่ายหน้าเล็กน้อย “เอริค ลูกต้องเรียนรู้ที่จะเปิดใจนะ เอวาเป็นคนที่มีความอบอุ่นและรักครอบครัว ไม่ใช่คนอื่นที่ลูกควรมองเป็นศัตรู” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
เอริคหันไปมองเอวาด้วยความเย็นชา “เธอควรรู้ว่าเธอไม่ควรจะอยู่ที่นี่ ฉันไม่ต้องการให้เธอเข้ามาในชีวิตของฉัน”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเด็ดขาด
เอวายังคงยิ้มอย่างเข้าใจ “หนูรู้ว่าพี่เอริคยังโกรธหนูอยู่ แต่หนูก็จะพยายามทำให้พี่ยอมรับหนูให้ได้ค่ะ” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความตั้งใจและความหวัง เธอเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาจะยอมรับเธอ
เอริคหันหลังและเดินออกจากร้านโดยไม่พูดอะไรอีก ทิ้งให้เอวาและแม่ของเขายืนมองตามด้วยความสงสัยและความเสียใจที่ไม่สามารถเข้าใจกันได้
ลูคัสที่ยืนอยู่ข้างๆ ยักไหล่ “มึงรู้ใช่ไหมว่าเอริคมันก็แค่ไม่ค่อยยอมรับใครง่ายๆ น่ะ”
เอวาพยักหน้าและยิ้ม “หนูรู้ค่ะ แต่หนูก็จะไม่ยอมแพ้ หนูจะทำให้พี่เอริคยอมรับหนูเป็นน้องสาวและสามารถเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวให้ได้”
แคทเธอรีนยิ้มให้เอวาและดึงเธอมากอด “แม่ภูมิใจในตัวลูกนะเอวา แม่รู้ว่าลูกมีจิตใจที่ดีและพร้อมจะให้ความรักคนอื่นเสมอ”
บรรยากาศในร้านกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง แม้ว่าเอริคจะออกไปด้วยความโกรธ แต่เอวายังคงยิ้มและมีความหวังว่าเธอจะสามารถทำให้เขาเห็นว่าเธอเป็นคนดีได้ในสักวันหนึ่ง