มุมเครื่องดื่มในห้องจัดเลี้ยงหรูของโรงแรมระดับห้าดาวให้ความรู้สึกเงียบสงบและผ่อนคลาย แสงไฟนวลตาส่องผ่านแก้วคริสตัลที่เรียงรายอยู่บนบาร์ บาร์เทนเดอร์ในชุดสูทเรียบหรูยืนประจำที่หลังบาร์ คอยผสมเครื่องดื่มให้กับแขกที่แวะเวียนเข้ามา แขกบางคนเลือกมาพักเหนื่อยจากการเต้นรำ ขณะที่บางคนมาพูดคุยธุรกิจในบรรยากาศที่เป็นกันเองและอบอุ่น มุมนี้เป็นเสมือนที่พักผ่อนหย่อนใจที่เงียบสงบจากความวุ่นวายของงานเลี้ยง
เอวา เวสต์ฟิลด์ เดินเข้ามายังมุมเครื่องดื่มด้วยท่าทางอ่อนช้อย ชุดเดรสยาวสีฟ้าพาสเทลของเธอปลิวไหวเบา ๆ ตามการเคลื่อนไหว หน้ากากลูกไม้สีฟ้าอ่อนปกปิดบางส่วนของใบหน้า เผยให้เห็นเพียงพอที่จะเน้นความสวยสง่าภายใต้ความลึกลับที่น่าค้นหา เธอมองหาน้ำผลไม้สด ๆ ที่จะช่วยเติมพลังและความสดชื่นให้กับเธอ และไม่นานเธอก็สังเกตเห็นจูเลียน ดาเวนพอร์ทที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ บาร์ ชายหนุ่มยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่แฝงเสน่ห์และความมั่นใจ ก่อนจะเดินเข้ามาทักทาย
“น้องเอวา ดูเหมือนจะสนุกกับงานนะครับ” จูเลียนทักทายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่แววตาของเขากลับเจือด้วยความเจ้าเล่ห์ที่ยากจะปกปิด
เอวายิ้มตอบด้วยความไร้เดียงสาที่มีเสน่ห์ “ค่ะ สนุกดีค่ะ พี่จูเลียน งานเลี้ยงใหญ่แบบนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นดีจังค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ เหมือนว่าเธอไม่ทันสังเกตถึงเจตนาที่ซ่อนอยู่ในสายตาของเขา
จูเลียนยิ้มและเข้าใกล้เธอมากขึ้น “น้องเอวา พี่รู้สึกว่าเราควรจะใช้เวลาพูดคุยกันมากกว่านี้ พี่อยากทำความรู้จักน้องมากขึ้น” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลแต่ออกแนวลึกลับเจ้าเล่ห์ ซึ่งแม้ว่าเอวาจะสัมผัสได้ถึงความไม่แน่ใจ แต่เธอก็ยังคงยิ้มอย่างไร้เดียงสา
เอวารู้สึกเขินเล็กน้อย ยิ้มตอบกลับด้วยท่าทางน่ารัก
“หนูก็ยินดีค่ะพี่จูเลียน ถ้าพี่อยากรู้จักหนูมากขึ้น หนูจะพยายามเป็นเพื่อนที่ดีนะคะ” เธอพูดด้วยความจริงใจที่ไม่มีความระแวงระวังใด ๆ ต่อเขา
ขณะเดียวกัน เอริค เวสต์ฟิลด์ ที่เดินผ่านมา เห็นการสนทนาระหว่างเอวาและจูเลียน เขาหยุดเดินทันที จ้องมองไปยังทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นชาและเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ภายในใจของเขาปะทุไปด้วยความโกรธ เมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือดที่เขาไม่ค่อยไว้ใจนัก กำลังยิ้มและหัวเราะอย่างเปิดเผยให้กับชายที่เขารู้จักดีว่ามีความเจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้วางใจ
ลูคัสที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นท่าทีของเอริค หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดอย่างขบขัน “มึงทำตัวให้สบายๆ บ้างสิ เอริค นี่มันแค่งานเลี้ยง ไม่ใช่สงครามเย็นนะ”
เอริคหันไปตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด "มึงไม่เข้าใจหรอกลูคัส นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ ยัยเด็กนั่นกำลังเล่นเกมอยู่ กูรู้" เขาจ้องมองกลับไปที่จูเลียนและเอวาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความโกรธที่เพิ่มมากขึ้น
ลูคัสยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “มึงก็คิดมากไปได้ เขาก็แค่คุยกัน ไม่ได้วางแผนลอบสังหารมึงซะหน่อย”
เอริคกัดฟันแน่น “มึงไม่รู้จักจูเลียนดีเท่าที่กูรู้ มันไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีเจตนาแอบแฝง”
ที่มุมบาร์ จูเลียนยังคงสนทนากับเอวาด้วยท่าทางที่ดูสุภาพและอบอุ่น “น้องเอวา พี่เห็นว่าน้องมีศักยภาพที่จะทำอะไรได้มากมาย น้องเคยคิดบ้างไหมว่าคุณจะสามารถบริหารธุรกิจของครอบครัวได้ด้วยตัวเอง?”
เอวาหัวเราะเล็กน้อย พลางส่ายหน้า “หนูคงยังไม่เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่เอริคเก่งมาก หนูแค่อยากช่วยพี่เขาบ้างนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
จูเลียนยิ้มให้เธอ “แต่พี่ว่าเอวาทำได้ดีมากนะ ไม่แน่วันหนึ่งเอวาอาจจะได้เป็นผู้บริหารที่มีความสามารถมากที่สุดในครอบครัวเวสต์ฟิลด์ก็ได้”
เอวาหัวเราะเบา ๆ “พี่จูเลียนพูดเกินไปแล้วค่ะ หนูแค่พยายามทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วันค่ะ”
เอริคที่ยืนอยู่ไม่ไกล ความโกรธในใจเริ่มเดือดพล่าน เขารู้ดีว่าจูเลียนกำลังพยายามหว่านล้อมเอวาเพื่อประโยชน์ในอนาคต แต่ในใจของเขาก็ยังคงเกลียดชังเอวาอยู่ เขาไม่เชื่อในความสามารถหรือเจตนาดีของเธอ เขาหันไปมองลูคัสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “มึงดูสิ มึงเห็นไหมว่าจูเลียนมันกำลังหว่านล้อมยัยเด็กนั่น?”
ลูคัสหัวเราะออกมา “เออ กูเห็น แต่มึงคิดว่าเธอจะหลงกลง่าย ๆ งั้นเหรอ?”
“ยัยเด็กนั่นเธอโง่เกินไปที่จะเข้าใจอะไรแบบนี้” เอริคพูดเสียงดัง “กูเห็นแล้วขัดหูขัดตามาก”
ลูคัสยิ้มอย่างกวน ๆ “จริงๆ แล้วมึงแค่หวงเอวาป่ะ”
เอริคจ้องมองลูคัสด้วยสายตาที่เย็นชาและไม่พอใจ
“มึงจะพูดอะไรก็พูดไป กูแค่ไม่อยากให้ใครมาใช้ยัยเด็กนั่นเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะไอ้คนเจ้าเล่ห์นั่น”
ลูคัสหัวเราะเบา ๆ “เออ ๆ แล้วแต่มึงเถอะ แต่ถ้ามึงไม่ชอบ ก็ไปแยกพวกเขาสิ”
เอริคยังคงมองไปที่จูเลียนและเอวา ความรู้สึกในใจของเขาซับซ้อน ทั้งเกลียดชังและขมขื่น เขารู้ดีว่าจูเลียนเป็นคนเจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจ แต่เขาก็ยังไม่พร้อมจะยอมรับว่าความโกรธที่เขามีต่อเอวาอาจเป็นผลมาจากความรู้สึกที่ซ่อนลึกอยู่ภายในใจ เขาหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์ของตัวเอง
จูเลียนยังคงพูดคุยกับเอวาด้วยท่าทีสุภาพและดูเป็นมิตร “เอวา ถ้าต้องการคำแนะนำหรือความช่วยเหลืออะไร พี่พร้อมจะช่วยเสมอนะครับ แค่บอกมา”
เอวายิ้มตอบอย่างไร้เดียงสา “ขอบคุณค่ะพี่จูเลียน หนูจะนึกถึงพี่คนแรกเลยค่ะ”
เอริคกัดฟันแน่น เมื่อเห็นรอยยิ้มของเอวาที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและความไว้ใจ เขารู้สึกโกรธที่เอวาไม่เห็นเจตนาแอบแฝงของจูเลียน และไม่ยอมให้ใครมาใช้ประโยชน์จากคนในครอบครัวของเขา
“กูจะไปคุยกับพวกเขา” เอริคพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ เต็มไปด้วยความตั้งใจที่ไม่ให้ใครมาเล่นเกมกับเขาและทำให้เขาเดือดร้อน
ลูคัสเห็นท่าทีของเอริค รีบคว้าแขนเขาไว้ทันที "มึงอย่าทำอะไรโง่ๆ เลยเอริค ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับพวกเขาตอนนี้"
เขาพยายามดึงสติเอริคกลับมา รู้ดีว่าเอริคเกลียดเอวาแค่ไหน และรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรทำให้ยุ่งยากไปกว่าเดิม
เอริคหันมามองลูคัสด้วยสายตาเย็นชา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ไม่ปิดบัง “มึงอยากให้กูยืนดูเฉยๆ เหรอวะ?ปล่อยให้ยัยเด็กนั่นทำเรื่องงี่เง่าจนพาเราเดือดร้อน?”
ลูคัสถอนหายใจ "กูเข้าใจว่ามึงไม่ชอบจูเลียนและไม่ไว้ใจเอวา แต่บางทีเธอก็ต้องได้เรียนรู้เองบ้าง มึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งทุกครั้งหรอก"
เอริคยังคงไม่ละความตั้งใจ "แล้วถ้าเธอทำให้เราเดือดร้อนล่ะ? " น้ำเสียงของเขายังคงเฉียบขาด เขาไม่อยากให้เอวามาทำให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่านี้
ลูคัสพยายามใจเย็น "ก็จริง แต่มึงคิดว่าการเข้าไปตอนนี้จะช่วยอะไรได้จริงเหรอ?มันจะมีแต่ทำให้เรื่องมันแย่ลงเท่านั้น มึงคิดให้ดีๆ ก่อนนะเอริค"
เอริคหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง สายตายังจ้องมองไปที่เอวาและจูเลียน ความโกรธในใจยังคงปะทุ แต่คำพูดของลูคัสก็ทำให้เขาต้องชั่งใจ เขารู้ดีว่าการเข้าไปตอนนี้อาจจะทำให้เรื่องบานปลาย แต่เขาไม่วางใจเอวาที่อาจทำให้เกิดปัญหาได้ทุกเมื่อ
“กูจะจับตาดูต่อไป” เอริคพูดเสียงเข้ม แต่ในดวงตายังคงเต็มไปด้วยความระแวง “แต่ถ้ากูเห็นอะไรไม่ชอบมาพากล กูจะไม่ปล่อยไว้แน่”
ลูคัสพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เออ ก็ได้มึง แต่ตอนนี้มึงทำใจเย็นๆ ไว้ก่อน เราไม่ต้องการให้เกิดปัญหาในงานนี้”
เอริคพยักหน้าเบาๆ แม้ว่าในใจจะยังคงไม่พอใจ แต่เขาก็รู้ว่าการฟังคำแนะนำของลูคัสอาจจะทำให้สถานการณ์ไม่แย่ลงไปกว่านี้