สามสาวย่อตัวแสดงความเคารพต่อคนของตระกูลลูเซียร์อย่างนอบน้อม เดรกแนะนำลูกสาวทั้งสามให้กับคนตระกูลลูเซียร์รู้จักตามลำดับความอาวุโส สลับกันมาคัสก็เป็นฝ่ายแนะนำลูกชายทั้งสองของตนให้กับทั้งสามสาว หลังจากแนะนำตัวกันพอประมาณหนึ่งแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสามก็ปลีกตัวออกไปเพื่อเปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น
คล้อยหลังเดรก มาคัส และมีอาแล้ว ไม่นานแอเรียสพี่สาวคนโตก็ปลีกตัวออกไปพร้อมกับสามีที่เพิ่งมาถึง เหลือแค่แอเวียร์กับแอลิน่าเผชิญหน้ากับสองหนุ่มจากตระกูลลูเซียร์
“หิวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะพี่เวียร์” แอลิน่าเอ่ยชวนแอเวียร์พี่สาวคนรองโดยไม่สนใจหนุ่มทั้งสองตรงหน้า แต่มิคาเอลกลับทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด เขาปราดเข้ามายืนแทรกกลางระหว่างเธอกับแอเวียร์แถมยังเอ่ยหน้าระรื่นว่า
“บังเอิญจัง ผมเองก็หิวแล้วเหมือนกัน ไม่ทราบว่าคุณแอลิน่าจะให้เกียรตินำทางผมเดินชมรอบๆ งานได้หรือเปล่า”
แอลิน่ามองใบหน้าหล่อเหลาของมิคาเอลอย่างไม่พอใจ แถมเขายังขยิบตาเป็นสัญญาณให้เธออีก แอลิน่ารู้ว่ามิคาเอลอยากเปิดโอกาสให้ลูการ์และแอเวียร์อยู่กันตามลำพัง แต่ว่าเธอไม่อยากทิ้งพี่สาวที่แสนดีของเธอไว้กับชายแปลกหน้าที่ทำหน้าเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลาอย่างลูการ์ แค่เธอยืนใกล้ๆ ยังรู้สึกอึดอัดเลย
“ลิน พาคุณมิคาเอลไปหาอะไรกินเถอะ ดูแลแขกให้ดีล่ะ” เสียงแอเวียร์ แอลิน่ามองพี่สาวของตนอย่างตะลึง
“แต่พี่เวียร์” พอแอลิน่าคิดจะแย้ง แอเวียร์ก็ชิงส่ายหน้า ห้ามไม่ให้แอลิน่าทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าคนอื่น เมื่อถูกพี่สาวดักทางแบบนั้นแอลิน่าก็ทำอะไรไม่ได้ ตวัดสายตากลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของมิคาเอล
“เชิญ!”
“รบกวนด้วยครับ”
แอลิน่าเดินนำมิคาเอลออกมาถึงบริเวณโต๊ะอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ซึ่งถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม
แอลิน่าตั้งใจจะหยิบจานแต่มิคาเอลไวกว่า เขาหยิบจานขึ้นมาสองใบแล้วพูดกัดแอลิน่าว่า “คุณต้องเป็นคนตักแล้วล่ะ”
“....” แอลิน่าเก็บมือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบจานทันที
หนึ่งคนเดินตาม หนึ่งคนคอยตักอาหารใส่จาน มองผ่านๆ เหมือนคู่รักทั่วไป ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่แปลก แต่พอเป็นแอลิน่าทุกคนต่างแอบจับตามองอยู่เงียบๆ รอดูว่ามิคาเอลจะโดนนางมารน้อยแกล้งอะไรอีก
“ดูสิ ลูกคนเล็กของสองตระกูลใหญ่ มาคัสนี่ช่างทะเยอทะยานจริงๆ” ชายวัยสี่สิบต้นๆ ในชุดสูทสีเทาเรียบหรูเอ่ยขึ้นขณะปรายตาผ่านทั้งคู่
“ฮ่าๆ งั้นเหรอ แต่ผมว่าเป็นภาพที่น่าดูชมออก ทั้งคู่ก็ดูเหมาะสมกันดี” ชายอีกคนออกความเห็น
“น่าเสียดายนะคะ” คุณนายใบหน้าสะสวยข้างๆ อดกระแหนะกระแหนไม่ได้ มองมิคาเอลด้วยสายตาที่เหมือนมองสิ่งของล้ำค่าหลุดมือไป
เสียงซุบซิบรอบข้างใช่ว่าทั้งคู่จะไม่ได้ยิน แค่ปล่อยผ่านเท่านั้น ยังไงคืนนี้ก็เป็นงานเลี้ยงสำคัญของทั้งสองตระกูลไม่มีทางที่ทั้งคู่จะทำเสียเรื่องเว้นแต่ว่าจะเหลืออดจริงๆ
“ผมไม่กินเผ็ดนะครับคุณแอลิน่า”
มิคาเอลพูดขึ้นมาทันทีที่แอลิน่าคีบอาหารที่มีส่วนผสมของพริกใส่จาน แอลิน่ากลับมองมิคาเอลด้วยสายตาสงสารแทน
“ทำไมละคะ อร่อยออก”
“ผมไม่ชอบน่ะ เกลียดความรู้สึกปวดแสบปวดร้อน มันไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่”
“อ้อ”
แอลิน่าฟังเหตุผลของมิคาเอลแบบผ่านๆ ไม่คิดซักไซ้อะไรต่อ หลังหยิบอาหารจนเต็มจานแล้วทั้งคู่ก็คุยกันว่าจะไปหาที่นั่ง แต่เดินไม่ถึงสามก้าว เสียงทุ้มทรงพลังของเดรกก็ดังขึ้น
“ทุกท่าน” เดรกก้าวออกมาตรงกลางงาน ในมือถือแก้วไวน์ ใบหน้าอิ่มเอิบ เต็มไปด้วยความปีติยินดีที่ได้มีโอกาสพูดเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
“อย่างที่รู้กันดีว่าผมจัดงานเลี้ยงนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลลูเซียร์…” ทุกสายตาถูกดึงไปยังผู้นำตระกูลลูเซียร์ทันที
มาคัสกับมีอา ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้ ทั้งคู่โค้งตัวเล็กน้อยเพื่อตอบรับสายตาที่มองมา
ติ้ดๆ
เสียงสัญญาณดังขึ้นในหัวของแอลิน่า จี้ที่คอมีแสงกะพริบเล็กๆ ไม่มีใครสนใจสีหน้าสับสนของแอลิน่าแม้แต่มิคาเอลที่ยืนอยู่ข้างๆ เพราะกำลังตั้งใจฟังคำประกาศของเดรก
เกิดอะไรขึ้นนะ ทำไมอยู่ดีๆ กุญแจแร็คนาร์ถึงทำงาน แอลิน่ายกมือขึ้นจับกลางอก ตำแหน่งที่มีกุญแจห้อยอยู่ใต้เสื้อ
ใจหนึ่งก็คิดว่ากุญแจอาจจะทำงานผิดพลาด แต่จะให้เธอดึงสร้อยออกมาหรือล้วงมือเข้าไปในเสื้อต่อที่สาธารณะแบบนี้ก็คงดูไม่งาม แอลิน่าช่างใจครู่หนึ่งก็ตัดสินใจผละตัวออกจากงานเงียบๆ
ปึก!!!!
เสียงกระแทกพื้นดินดังสะเทือนไปทั่วบริเวณ แม้ในโถงงานเลี้ยงจะมีดนตรีบรรเลงสร้างบรรยากาศครื้นเครงแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ข้างนอกบรรยากาศที่เงียบกริบได้ยินเพียงเสียงดนตรีแผ่วๆ จากในคฤหาสน์กลับได้ยินเสียงปะทะกันอย่างชัดเจน
เกิดอะไรขึ้น!
แอลิน่ารู้สึกตระหนก ยิ่งเดินเข้าใกล้สวนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเก็บของก็ยิ่งได้ยินเสียงชัดขึ้น
ช่วงนี้คนงานในตระกูลถูกเกณฑ์ไปช่วยงานเลี้ยงกันหมด จึงไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ สวนหลังบ้านเลย
ไม่สิ ความจริงต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตรารอบบ้านตลอดเวลาไม่ใช่หรือไง แล้วนี่หายไปไหนกันหมด ปล่อยให้มีเรื่องเกิดขึ้นได้ยังไงกันนะ
แอลิน่าดึงสร้อยที่ห้อยจี้กุญแจและแหวนเกลี้ยงวงหนึ่ง รูปกุญแจมีหัวเป็นดอกไม้แปดกลีบตรงกลางเป็นมุกสีนิล ขาเป็นสลักกุญแจมีลวดลายเฉพาะตัว ซึ่งก็คือรหัสเปิดทำงานของหุ่นแร็คนาร์ กุญแจแร็คนาร์แต่ละตัวจะไม่เหมือนกัน
ลวดลายบนกุญแจปรากฏไฟวิ่งวูบวาบ บอกให้รู้ว่าแร็คนาร์กำลังทำงาน และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แอลิน่าชะงักกึกเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ท่ามกลางความมืดสลัว หุ่นแร็คนาร์สีดำขลับแทบกลืนหายไปกับความมืดกำลังเหวี่ยงหมัดเหล็กใส่เงาสายหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียว
ปึง!
แร็คนาร์พึ่งปล่อยหมัดขวาออกไปก็ถูกถีบข้อต่อตรงเข่าจนตัวเซไปหลายก้าว
ตึง! เท้าข้างหนึ่งของแร็คนาร์ทิ้งน้ำหนักลงบนพื้นแล้วถีบตัวพุ่งใส่เป้าหมายอีกรอบ ดาบคมกริบดำเมื่อมถูกถักทอขึ้นมาจากมือเหล็ก ฟาดใส่ศัตรูตรงหน้าไม่ยั้ง
เคว้ง!
เสียงดาบปะทะกันดังสะเทือนแก้วหู แอลิน่ามัวแต่ตะลึง เพิ่งรู้ว่าแร็คนาร์ทำแบบนั้นได้จนไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายเอาดาบมาจากไหน
ในเสี้ยวเวลาสั้นๆ ที่แสงสะท้อนจากการปะทะของดาบทำให้มองเห็นหน้าของคนที่กำลังต่อสู้กับแร็คนาร์
ลูการ์เหรอ... แอลิน่าหลบอยู่หลังพุ่มไม้คอยจับตาดูการต่อสู้ที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไงด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจแกมสงสัย ทำไมลูการ์ถึงมาอยู่ที่นี่ทั้งที่ควรจะอยู่ในงาน แล้วจู่ๆ หุ่นแร็คนาร์ที่เก็บเอาไว้ในโรงเก็บของถึงทำงานแล้วต่อสู้กับลูการ์ ...ในหัวของแอลิน่าเต็มไปด้วยความสงสัย
ประกายดาบยังคงปะทะกันอย่างดุเดือด มองยังไงหุ่นแร็คนาร์ที่แข็งแกร่งก็เสียเปรียบ หัวใจของแอลิน่าคล้ายจะร่วงไปอยู่ตาตุ่มเมื่อเห็นคมดาบของลูการ์ค่อยๆ เฉือนวงจรระบบของหุ่นแร็คนาร์ทีละจุด... ทีละจุด...
คิ้วของแอลิน่าขมวดเข้าหากัน มองหุ่นยนต์สุดล้ำค่าของตนถูกทำลาย ทนไม่ไหว พุ่งเข้าไปห้ามก่อนที่ลูการ์จะแทงดาบเข้าที่หัวใจของแร็คนาร์
“หยุดนะ! พอได้แล้ว”
เสียงตะโกนของแอลิน่าทำให้ลูการ์ชะงักไปเสี้ยวเวลาหนึ่ง แต่ชั่วเวลาสั้นๆ นั้นกลับมีบางอย่างเกิดขึ้น
แกร๊ก!
เสียงปริแตกบนตัวแร็คนาร์
“หลบไป!”
ลูการ์รู้แล้วว่าแร็คนาร์กำลังจะระเบิด ลำพังตัวเขาคนเดียวคงหลบได้สบาย แต่ว่าดันมีคนพุ่งเข้ามาพอดี ทำให้ลูการ์ไม่อาจเมินเฉยต่อชีวิตตรงหน้าได้ ร่างสูงกระโดดเข้าไปหาร่างที่กำลังจะวิ่งเข้ามา
กิ๊ก~
เสียงกระทบเบาๆ ของโลหะสองชิ้นจากแหวนที่นิ้วของลูการ์กับแหวนเกลี้ยงจี้ห้อยคอของแอลิน่า ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปคว้าร่างของหญิงสาวแต่ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหวมากไปกว่านั้น แร็คนาร์ก็ระเบิดตู้ม
ลูการ์รั้งร่างของแอลิน่าเข้ามากอดทันทีเพราะอย่างน้อยเขาก็มีชุดเกราะ ย่อมต้านทานการโจมตีได้มากกว่าแอลิน่าที่ตัวเปล่า
ทั้งแอลิน่าทั้งลูการ์ถูกแสงสว่างวาบเล่นงานจนนัยน์ตาพร่ามัว แรงกระแทกจากระเบิดซัดร่างทั้งคู่กระเด็นไปหลายเมตร ศีรษะของลูการ์โดนชิ้นส่วนแร็คนาร์ปะทะเต็มแรง เขาจำได้ว่าใช้มือปกป้องศีรษะของแอลิน่าเอาไว้ตามสัญชาตญาณก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบ