ลูการ์ใช้เวลากับแม่เต็มที่ ตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าว ลูการ์มักจะถามไถ่เรื่องราวของแม่มากกว่าคุยโม้เรื่องตัวเอง จนคนเป็นแม่ต้องดักคออยู่หลายรอบ แล้วเป็นฝ่ายจี้ถามเรื่องราวของลูกชายบ้าง ต่างฝ่ายต่างอยากรู้เรื่องของกันและกัน จนเวลาล่วงเลยไปแบบไม่รู้ตัว
“แม่ต้องกลับไปทำงานแล้วล่ะ” มาเรียมองข้อความแจ้งเตือนบนนาฬิกาสื่อสาร
ลูการ์พยักหน้า เขารู้ดีว่าสำหรับแม่แล้วงานสำคัญที่สุด ตั้งแต่เด็กเขาเคยตั้งข้อสงสัยว่าทำไมแม่ถึงไม่เคยอยู่ดูแลเขาเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เมื่อโตขึ้นและได้สัมผัสชีวิตการทำงานเขาก็เริ่มเข้าใจแม่ขึ้นมาเล็กน้อย
“ผมเดินไปส่ง”
ลูการ์ลุกออกจากโต๊ะ เดินตามมาเรียออกจากร้าน
“จริงสิ แม่ลืมถามเลย ป้ามีอายังใจร้ายกับลูกอยู่หรือเปล่า” มาเรียหันไปถามลูกชายระหว่างเดินข้ามถนน
“ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่เจอป้าเลี้ยงเลย”
“อืม ถ้าป้ามีอาทำอะไรให้ไม่สบายใจก็ไม่ต้องไปถือสานะ แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ บอกแม่ เดี๋ยวแม่จะให้คุณมาคัสจัดการให้”
ลูการ์ได้ยินก็หัวเราะเบาๆ พลางนึกในใจว่าพ่อเลี้ยงจะทำอะไรได้ อย่างมากก็แค่ตักเตือนป้ามีอา ทำให้ป้ามีอายิ่งโกรธและเกลียดเขามากขึ้นไปอีก
“แม่ก็รู้ว่าทำอย่างนั้นผมจะยิ่งตกเป็นเป้า”
มาเรียยักไหล่ เธอรู้ดีว่าตระกูลลูเซียร์ไม่ชอบใจที่เธอมีลูกติด แต่เพราะความรักความจริงใจของมาคัสทำให้เธอปฏิเสธเขาไม่ลง และยอมแต่งงานกับเขาจนมีลูกเพิ่มขึ้นมาอีกคน นั่นก็คือมิคาเอล น้องชายของลูการ์นั่นเอง
มาเรียพยายามไม่ใส่ใจและหลีกเลี่ยงการปะทะกับคนในตระกูลลูเซียร์โดยเฉพาะมีอา พี่สาวของมาคัส เพราะไม่อยากทำให้มาคัสไม่สบายใจ แน่นอนว่าเธอเป็นห่วงลูการ์ด้วย แต่เพราะรู้ว่าตระกูลลูเซียร์สามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูการ์ได้ เธอจึงยอมให้ลูกอาศัยอยู่ในตระกูลลูเซียร์ทั้งที่รู้ว่าลูการ์ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคนนอกของตระกูล แต่ถึงอย่างนั้นมาคัสก็ไม่เคยทอดทิ้ง และยังเอาใจใส่ลูการ์ไม่ต่างจากลูกแท้ๆ คนหนึ่ง
ลูการ์เดินมาส่งมาเรียถึงหน้าห้องทำงาน เขากอดลาแม่เสร็จ ก็เดินออกมา ล่ำลากับลุงแฟรงก์ แล้วออกมารอโจนาสที่ด้านหน้าศูนย์วิจัย ไม่นานโจนาสก็มาถึง ทั้งคู่นั่งยานรบกลับ โดยโจนาสมาส่งลูการ์ที่บ้านตระกูลลูเซียร์เหมือนเดิม ก่อนออกจากยาน โจนาสยังแซวลูการ์ว่า “อย่าลืมส่งบัตรเชิญงานเลี้ยงให้ฉันด้วยล่ะ”
“ก็ไปสิ” ลูการ์ตอบกลับอย่างไม่ถือสา
“ฮ่าๆ ไว้มีบัตรเชิญมาก่อนแล้วจะไป”
ลูการ์ไม่พูดอะไรอีก เขาทิ้งตัวลงจากยาน เดินมาที่บ้านพักของตัวเอง
พ่อบ้านยังคงยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้าเหมือนเมื่อวาน ค้อมศีรษะให้ลูการ์อย่างนอบน้อม “คุณชาย”
ท่าทางของพ่อบ้านทำให้ลูการ์รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ “มีอะไรหรือเปล่า”
“ท่านมาคัสรออยู่ข้างในขอรับ”
“พ่อเลี้ยง”
ลูการ์พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงรับรู้ เดินผ่านพ่อบ้านเข้ามาข้างในด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไม่มีแววแตกตื่นหรือกังวลใดๆ เลยสักนิด
บ้านพักของลูการ์มีแค่สองชั้น ชั้นบนมีสามห้อง ห้องนอน ห้องแต่งตัว และห้องหนังสือ ส่วนชั้นล่างมีแค่โถงกลางและห้องครัวที่ถูกแยกออกไปด้านหลังกับห้องน้ำซึ่งมีไว้สำหรับรับรองแขก
เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาก็จะเจอกับมาคัสที่นั่งรออยู่บนโซฟารับแขกทันที
“มาแล้วเหรอ”
“พ่อเลี้ยง” ลูการ์ค้อมศีรษะด้วยความเคารพ ก่อนจะเดินมานั่งที่โซฟาอีกตัว ดวงตาคมเข้มเหลือบมองถ้วยน้ำชาและของว่างบนโต๊ะ ซึ่งมีร่องรอยการกินไปแล้วส่วนหนึ่ง แสดงว่ามาคัสมารอเขาได้สักพักแล้ว
“ที่เฮปตากอนเป็นยังไงบ้าง ราบรื่นดีไหม”
“ครับ ผมได้ตราประจำตัวมาแล้ว” ลูการ์เอาดาวเจ็ดแฉกโปร่งซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสมาชิกเฮปตากอนให้มาคัสดู
มาคัสรับดาวเจ็ดแฉกมามองๆ ไม่กี่ทีก็ส่งคืนให้ลูการ์
ถามเรื่องเกี่ยวกับเฮปตากอนอีกสองสามคำก็วกเข้าเรื่องสำคัญที่ทำให้ตนมานั่งรออีกฝ่ายที่บ้าน
“รู้เรื่องที่ผู้นำตระกูลโฮแกนรับเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงแล้วใช่ไหม”
“ครับ”
“แล้วลูกคิดว่าไงล่ะ”
“ผมไม่สนใจงานเลี้ยง แต่ไม่แน่ใจว่าถ้าปฏิเสธจะส่งผลอะไรกับตระกูลลูเซียร์หรือเปล่า” ลูการ์ไม่ใช่สายเลือดของตระกูลลูเซียร์ก็จริงแต่ว่าทุกคนในประเทศนี้รู้ว่าเขาอยู่ใต้การอุปถัมภ์ของตระกูลเซียร์ เพราะงั้นจะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกันก็ไม่ได้
มาคัสนึกเอาไว้อยู่แล้วว่าลูการ์ต้องไม่ใส่ใจเรื่องงานเลี้ยง แต่ยังดีที่เขายังอุตส่าห์นึกถึงคนอื่น
“ความจริงแล้วเดรกต้องการจะหมั้นหมายลูกกับแอเวียร์ ลูกสาวคนกลางน่ะ เจ้านั่นติดต่อพ่อมาแล้ว และพูดคุยเรื่องนี้อย่างเปิดเผย พ่อเองยังตกใจ ไม่คิดว่าเดรกจะใจกล้าหน้าด้านขนาดนั้น แต่ก็ชัดเจนดีพ่อชื่นชมจุดนี้มาก”
“แล้วพ่อเลี้ยงตอบว่ายังไง”
มาคัสส่ายหน้า “พ่อยังไม่ให้คำตอบเรื่องหมั้นหมาย พ่อรอถามลูกก่อน”
“พ่อเลี้ยงอยากให้ผมตอบรับหรือเปล่า”
ลูการ์หยั่งเชิง
“ใจจริงพ่อก็อยาก ได้เกี่ยวดองกับตระกูลเก่าแก่และทรงอำนาจที่สุดแห่งดาวอามอส ใครจะไม่สนใจล่ะ”
“แม่ก็พูดทำนองนี้” ลูการ์นึกถึงคำพูดของแม่ที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งแม่แนะนำให้เขาตอบรับการทาบทามของเดรก โฮแกน
“งั้นเหรอ ลูกไปเจอมาเรียมานี่นะ แล้วมาเรียพูดอะไรกับลูกบ้างล่ะ”
“แม่บอกว่าการได้หมั้นหมายกับลูกสาวจากตระกูลโฮแกนเหมือนโชคหล่นทับ”
“ฮ่าๆ สมกับเป็นมาเรียดี”
“แต่ผมรู้สึกว่าแม่มองแค่เรื่องผลประโยชน์”
“อืม ก็จริง ถ้าได้ตระกูลโฮแกนหนุนหลัง งานวิจัยของมาเรียก็พลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ยังไงก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ยายของตระกูลโฮแกนนี่นะ ฮ่าๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับลูกนะลูการ์ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงอนาคต ลูกมีคนที่ชอบอยู่หรือเปล่าล่ะ”
“....” ลูการ์นิ่งเงียบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทุ่มเทเวลากับการฝึกฝนตัวเองเท่านั้น ไม่เคยว่อกแว่กกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เลย แม้จะมีผู้หญิงผ่านมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่เขามักจะไม่รู้ตัวเว้นแต่เพื่อนจะช่วยสะกิด ถึงแบบนั้นก็ยังไม่เคยรู้สึกพิเศษกับใครเลย
มาคัสมองท่าทางนิ่งเป็นเสาหินของลูการ์ก็พอเดาออก ลูกชายที่เขาเฝ้ามองมาตลอดต่อให้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่ก็รู้สึกผูกพันไม่ต่างจากลูกแท้ๆ การเปลี่ยนแปลงในชีวิตของลูการ์ล้วนอยู่ในสายตาของเขา และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้หญิงให้เสียหาย
“ยังไม่มีสินะ” มาคัสสรุป
“....” ลูการ์ผ่อนลมหายใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ตอบตกลงไปเถอะ ในดาวดวงนี้คงหาผู้หญิงที่เพียบพร้อมเท่าแอเวียร์ไม่ได้อีกแล้ว”
“....”
ไม่กี่วันต่อมา
งานเลี้ยงฉลองให้กับลูการ์ที่ได้รับบรรจุเข้าเฮปตากอนถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลโฮแกนอย่างใหญ่โต แขกเหรื่อที่มาร่วมงานมีแต่ระดับชนชั้นสูงในสังคมทั้งนั้น นอกจากคนในประเทศเบลานาร์แล้ว บุคคลสำคัญๆ จากทวีปอื่นก็ถูกเชิญมาร่วมงานด้วย
ยานอวกาศส่วนตัวของตระกูลลูเซียร์เหาะมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ บันไดเดินทอดตัวลงจากประตูด้านข้างของยาน ไม่นานคนในยานก็เดินออกมา นำโดยมาคัส มีอา ลูการ์ และปิดท้ายด้วยมิคาเอล เมื่อส่งเจ้านายถึงที่หมายแล้วเจ้ายานอวกาศอัตโนมัติที่มีชื่อว่า ลูเซียร์หมายเลขเจ็ด ก็เหาะขึ้นฟ้าและหายไปจากสายตาผู้คน
เมื่อคนจากตระกูลลูเซียร์ปรากฏตัวย่อมตกเป็นที่สนใจของทุกคน หัวหน้าพ่อบ้านโฮแกนเดินเข้ามาโค้งกายต้อนรับบุคคลสำคัญของงานอย่างไม่ให้เสียเกียรติ
“ท่านมาคัส ท่านมีอา ท่านลูการ์ ท่านมิคาเอล เชิญข้างในขอรับ นายท่านของกระผมกำลังรออยู่”
“อืม” มาคัสพยักหน้าเล็กน้อย เดินตามพ่อบ้านไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง มีอาก็เช่นกัน ขณะที่ลูการ์ไม่ได้ใส่ใจกับภาพลักษณ์ตัวเองมาก และมิคาเอลก็เอาแต่มองโน่นมองนี่ไม่มีความสำรวมจนมีอาต้องยื่นมือออกมาหยิกเอว แล้วใช้สายตาเตือนให้มิคาเอลเก็บอาการ ไม่ทำตัวให้ขายหน้าตระกูลลูเซียร์
“นายท่านขอรับ” พ่อบ้านเดินมาหาเดรก ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลโฮแกน พร้อมกับเอ่ยเรียกด้วยความสุภาพ
เดรกกำลังคุยอยู่กับมหาอำนาจจากทวีปฟาจาสังเกตเห็นตั้งแต่พ่อบ้านเดินนำคนจากตระกูลลูเซียร์เข้าประตูโถงจัดเลี้ยงแล้ว เขารีบปิดบทสนทนาอย่างบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นแล้วหันมารอต้อนรับแขกคนสำคัญที่สุดของงาน
“คุณมาคัส คุณมีอา สวัสดีครับ ขอบคุณมากที่ให้เกียรติมางาน”
“แหม ก็งานนี้จัดให้กับเด็กที่พวกเราให้การอุปถัมภ์แล้วจะไม่มาได้ยังไงคะ” ป้ามีอาเอ่ยตอบและแอบจิกกัดเบาๆ
“ผมต้องมาอยู่แล้วสิ ก็นี่มันงานลูกชายผมไม่ใช่เหรอ” มาคัสแกล้งไม่ได้ยินที่พี่สาวตัวเองพูด เขาพูดกับเดรกอย่างเป็นกันเอง พลางยื่นมือออกไปเป็นการกระชับมิตรกับอีกฝ่าย
เดรกจับมือกับมาคัสอย่างไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย ชายวัยสี่สิบกว่าสองคนจับมือกันเขย่าไปมาแล้วหัวเราะเบาๆ ด้วยความพึงพอใจกับงานเลี้ยงในคราวนี้
“แปลว่าคุณไม่ติดขัดใช่ไหมมาคัส” เดรกยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆ มาคัสขณะที่ยังจับมือกันอยู่
“แน่นอน ผมยินดีมากที่คุณเห็นความดีในตัวลูการ์”
“ฮ่าๆ ผมเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง ผมไม่เคยมองคนผิด คุณไม่เสียใจแน่นะเพราะเดี๋ยวลูกชายของคุณก็จะต้องเป็นคนในตระกูลผมแล้ว”
ไม่รู้เพราะอะไรพอได้ยินเดรกพูด มาคัสก็นึกเสียดายลูการ์อยู่ลึกๆ ทว่ายังไม่ทันที่มาคัสจะได้ตอบอะไรเดรกก็ผละออกไปแล้วหันไปทักทายกับเด็กหนุ่มทั้งสองแทน
“ฉันเดรก ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ” มือเดรกยื่นออกไปตรงหน้าลูการ์
“ลูการ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณเดรก” ลูการ์จับมือกับว่าที่พ่อตารู้สึกถึงแรงกดดันจากตัวอีกฝ่ายเล็กน้อย
“ผมมิคาเอล ยินดีที่ได้รู้จักครับ” มิคาเอลจับมือกับเดรกต่อจากลูการ์
“อืม... ไม่เลวทั้งคู่ ลูกชายคนเล็กของคุณก็หน่วยก้านดีใช้ได้เลยนะมาคัส”
“หืม ถ้างั้นคงต้องยกลูกสาวคุณให้ผมสักคนแล้วล่ะ”
“ฮ่าๆ” เดรกหัวเราะขึ้นมาทันที
ระหว่างที่เดรกกำลังสนทนากับคนของตระกูลลูเซียร์อยู่นั้น ดาวเด่นของงานก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพี่น้องทั้งสอง
แอเรียส แอเวียร์ และแอลิน่า เดินเข้ามาในบริเวณงานจากประตูอีกทาง
ทั้งสามคนส่งยิ้มทักทายแขกตามทางเดินด้วยท่วงท่าที่งดงาม จนแขกทั้งงานแทบจะละสายตาจากไปไม่ได้ โดยเฉพาะแอเวียร์ ลูกสาวคนกลางที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษจากคนรอบข้าง