หลังจากที่โดนสามีหมาด ๆ มอบบทลงโทษอย่างถึงพริกถึงขิง หญิงสาวก็หลับคอพับคออ่อนอยู่ในอ้อมกอดของคนหื่นที่กำลังคิดหนักว่าจะทำอย่างไรเธอถึงจะยอมให้ตนรับผิดชอบ
ภาวินจ้องใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเมียหมาด ๆ อย่างคิดไม่ตก ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่อยากเป็นภรรยาของเขา ทั้ง ๆ ที่มีผู้หญิงไม่รู้ตั้งกี่คนต้องการตำแหน่งนี้
“หรือคุณมีแฟนอยู่แล้ว”
เขาพูดเสียงเครียด แต่เมื่อคิดไปคิดมาก็จำได้ว่าเธอยังไม่มีใคร จึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ราวกับสติไม่ดี ชายหนุ่มพยายามใช้สมองอันชาญฉลาดของตนคิดหาวิธีที่จะทำให้เธอยอม แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก สุดท้ายจึงได้แต่ลุกจากที่นอนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ หาผ้ามาเช็ดตัวให้เมียด้วยความเต็มใจ
“หูยยยยยย แม่เจ้าโว้ยยยยย ขนาดนอนนะเนี่ย ยังยั่วอารมณ์ได้ขนาดนี้ ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ” คนหื่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เมื่อดึงผ้าห่มออกจากตัวเมียสาวแล้วเห็นรูปร่างอันอวบอิ่มไปทุกสัดส่วน โดยเฉพาะของสงวนทั้งบนและล่างของเธอ
“ไม่ได้ ๆ มึงจะหื่นตอนนี้ไม่ได้”
เขาสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อไล่ความหื่นออกไป จากนั้นก็เริ่มเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เมียหมาด ๆ อย่างทะนุถนอมราวกับเธอคือแก้วที่บอบบาง แตะนิดแตะหน่อยก็แตกสลาย โดยเฉพาะใจกลางความเป็นหญิงที่ชายหนุ่มตั้งใจเช็ดกว่าจุดอื่น ทั้งเช็ด ทั้งเป่า ทั้งจูบจนเกือบตบะแตก
แต่เขายังพอมีจิตสำนึกอยู่ จึงหักห้ามใจไว้ได้ทัน เมื่อเช็ดตัวให้อีกฝ่ายที่ยังไม่ได้สติเสร็จแล้ว ภาวินก็ต้องวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อช่วยตัวเองด้วยแม่นางทั้งห้าทันที
ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินออกมาดูหญิงสาวที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยความสุขใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นก็เดินออกมาที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารให้เธอทาน แต่เขาทำอะไรไม่เป็นเลยนี่สิประเด็น!
“เอาวะ YouTube อะไรก็มี ดู ๆ แล้วทำตามไปเดี๋ยวก็ทำได้เองแหละ”
คนหล่อเอ่ยด้วยความมั่นใจ คิดว่าอย่างไรตนก็ทำได้แน่นอน จากนั้นก็รีบเอาโทรศัพท์ราคาแพงของตนเองมาเปิดไปที่แอปพลิเคชัน YouTube ค้นหาวิธีการทำข้าวต้มกุ้ง ไม่นานวิดีโอต่าง ๆ ก็ขึ้นมาเต็มไปหมด แต่พอรู้ว่าส่วนผสมมีอะไรบ้าง ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ ด้วยความเซ็ง เพราะมันขาดไปหลายอย่าง จึงตัดปัญหาด้วยการสั่งจากห้องอาหารของโรงแรมมาแทน
บนโต๊ะอาหาร บรรยากาศในการเจรจาระหว่างสองคนผัวเมียเป็นไปด้วยความอึมครึม หลังจากที่หญิงสาวตื่น เธอก็โดนภาวินจับอาบน้ำแต่งตัวและพามากินข้าวตรงริมระเบียงที่มีอาหารหน้าตาน่าทานวางอยู่หลายอย่าง แต่เพราะความโกรธ หญิงสาวจึงไม่แตะต้องอาหารสักคำ กลับเอาแต่จ้องหน้าคนเอาแต่ใจอย่างเอาเรื่องแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณวินจะเอายังไงก็ว่ามา ส้มโอไม่มีเวลามาเล่นกับคุณวินทั้งวันหรอกนะคะ”
“ผมก็บอกแล้วนี่ว่าจะรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบแบบไหนไม่ทราบ”
“ก็แต่งงานไงครับ คุณส้มโอ”
“แต่งงาน! คุณวิน เรื่องแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ”
“ผมก็ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องเล่น แต่งจริง”
“แต่ส้มโอไม่แต่ง เราไม่ได้รักกัน จะแต่งงานกันได้ยังไง”
“ถึงเราจะไม่ได้รักกัน แต่เราก็เป็นผัวเมียกันแล้ว เพราะฉะนั้นก็ควรจะแต่งงานให้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณี”
“ทำไมคุณดื้อแบบนี้นะคุณวิน ยังไงส้มโอก็ไม่แต่ง และไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
“คุณนั่นแหละที่ดื้อ มีอย่างที่ไหน เสียตัวครั้งแรกแต่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจ แปลกมาก”
“ก็ส้มโออายุเยอะแล้ว จะมานั่งเสียใจกับสิ่งที่มันเรียกกลับคืนมาไม่ได้ทำไม เสียเวลา”
“ไม่รู้ล่ะ คุณได้ผมเป็นผัวแล้วคุณก็ต้องรับผิดชอบ ไม่งั้นผมไม่ยอม”
“คุณวินพูดออกได้ยังไง คุณวินเป็นผู้ชาย ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย”
“ไม่รู้ไม่ชี้”
“ส้มโอว่าเรื่องนี้เราไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ ตอนนี้ขอเติมพลังก่อน หิวมาก คุยไปก็ไม่รู้เรื่อง”
“อืม ก็ได้ งั้นกินข้าวก่อน ค่อยว่ากันใหม่”
จากนั้นทั้งสองคนก็ยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแล้วตั้งใจกินข้าวเพราะต่างคนต่างก็หิวด้วยกันทั้งสองฝ่าย โดยที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเลยว่าจะเอายังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฝ่ายชายอยากรับผิดชอบจนตัวสั่น ส่วนฝ่ายหญิงก็ปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่มีใครยอมใครแม้แต่น้อย
ภาวินกินข้าวไปก็ขบคิดไป จะทำอย่างไรดีคนตรงหน้าถึงจะปฏิเสธความรับผิดชอบครั้งนี้ไม่ได้ สักพักก็คิดออก จึงยิ้มตรงมุมปากอย่างชั่วร้าย เอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจิ้ม ๆ แล้วส่งให้คนเป็นแม่ได้อ่าน โดยที่หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่ดื่มด่ำกับรสชาติของอาหารที่น้อยครั้งนักจะได้ลิ้มลอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูห้องถูกเคาะอย่างแรงด้วยฝีมือของกลิ่นจันทร์ มารดาแสนสวยของชายหนุ่ม หลังจากที่เธอได้รับข้อความจากลูกชายคนเล็ก เธอก็รีบดึงตัวสามีเดินมาที่ห้องของภาวินด้วยความงุนงงทันที ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายถึงพิมพ์ข้อความแบบนี้ส่งให้ตัวเอง 'ผมอยากแต่งงาน คุณแม่ครับ ช่วยผมหน่อย อยากรู้ว่าเธอคนนั้นคือใครก็มาดูที่ห้องของผมตอนนี้ได้'
“สวัสดีครับคุณแม่ คุณพ่อ”
“วิน ส่งข้อความมาแบบนี้หมายความว่ายังไงลูก”
ทันทีที่ลูกชายคนเล็กเปิดประตู กลิ่นจันทร์ก็รัวคำถามใส่ แต่เขาไม่ตอบ ทำเพียงผายมือให้บิดามารดาเดินเข้ามาคุยในห้องแทน
สองสามีภรรยาเดินดุ่ม ๆ เข้ามาในห้องรับแขกของลูกชาย ยังไม่ทันได้ถามอะไรก็หันไปเห็นส้มโอเดินออกมาจากห้องครัวด้วยชุดนอนของภาวิน
“หนูส้มโอ/คุณท่าน” ทั้งสามคนพูดออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายด้วยความตกใจ
“หนูมาอยู่ในห้องของลูกชายฉันได้ยังไงจ๊ะ แล้วชุดของหนูทำไมถึง...”
“เอ่อ นะ... นะ... หนู คือ”
“ผมว่าเรานั่งคุยกันดีกว่านะครับ คุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็คุณด้วย ส้มโอ”
ทั้งหมดจึงพากันเดินไปนั่งบนโซฟาเพื่อคุยกันต่อ สองสามีภรรยาเห็นการแต่งตัวของส้มโอก็พอเดาได้ว่าเมื่อคืนต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอแน่
แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่อยากเชื่อ จึงต้องเอ่ยถามลูกชายเสียงเครียด ซึ่งเขาก็ตอบตามความเป็นจริงว่าเมื่อคืนตนเองได้ทำอะไรกับอีกฝ่ายลงไปบ้าง ทำให้ส้มโอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับหน้าแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่และไม่สามารถเอ่ยคัดค้านใด ๆ ได้ เพราะทุกอย่างที่ภาวินพูดล้วนเป็นเรื่องจริง
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละครับคุณแม่ คุณพ่อ วินทำผิด วินก็พร้อมจะรับผิดชอบ”
“แล้วหนูส้มโอว่ายังไงจ๊ะ”
“หนูไม่อยากให้คุณวินมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้นค่ะ คือเราเมา มันก็เลยเกิดเรื่อง”
“แต่ตอนเช้าเราไม่ได้เมานะคุณ”
“คุณวิน! พูดอะไรไม่อายพ่อกับแม่คุณบ้างเหรอ”
“ไม่อาย ก็มันเรื่องจริง เมื่อเช้าเราเพิ่ง...”
“พอ ๆ ทั้งสองคนอย่าเพิ่งทะเลาะกัน ไหนตอบมาซิ เมื่อคืนได้ป้องกันไหม”
“ไม่ค่ะ/ไม่ครับ”
“งั้นแม่สรุปให้เลยก็แล้วกัน ทั้งสองคนต้องแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะท้องป่องขึ้นมา”
“แต่ส้มโอว่า...”
“หนูส้มโออย่าปฏิเสธเลยนะจ๊ะ หนูเป็นผู้หญิง มีแต่เสียหาย ให้พี่เขารับผิดชอบด้วยการแต่งงานน่ะถูกแล้วลูก ถ้าท้องขึ้นมาจะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้านเขา พี่คิมว่ายังไงคะ”
กลิ่นจันทร์ออกความเห็นเสร็จก็หันไปถามสามี ซึ่งเขาก็ต้องเห็นด้วยกับเธอแน่อยู่แล้ว ภาวินทำผิดขนาดนี้ ทางออกเดียวของเรื่องนี้คือการรับผิดชอบด้วยการแต่งงานเท่านั้น
อีกอย่าง ถ้าแต่งงานมีครอบครัวแล้ว เจ้าลูกชายจอมเจ้าชู้ของนางจะได้เลิกควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเสียที และส้มโอเองก็เหมาะมากที่จะมาเป็นสะใภ้คนเล็กของตระกูลกุลกานนต์ เพราะสนิทสนมกับสะใภ้คนโตเป็นอย่างดี
“พ่อเห็นด้วยกับแม่ ในเมื่อทางเราล่วงเกินหนูส้มโอ เราก็ควรจะรับผิดชอบก่อนที่เรื่องอื่นจะเกิด”
“ถ้าคุณท่านทั้งสองไม่รังเกียจที่จะรับลูกสะใภ้จน ๆ อย่างส้มโอมาเป็นแม่ของหลาน ส้มโอแต่งงานกับคุณวินก็ได้ค่ะ”
เธอเอ่ยด้วยความซึ้งใจที่ท่านทั้งสองไม่รังเกียจตนเอง และที่ตอบตกลงก็เพราะไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจของสองผัวเมียคู่นี้ อีกอย่าง เธอเองคิดมากเรื่องที่ไม่ป้องกันเหมือนกัน เพราะถ้าเกิดท้องจริง ๆ ขึ้นมา เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ยิ่งช่วงนี้เป็นระยะอันตรายก็ยิ่งคิดหนัก
“ดีมากจ้ะ ต่อไปหนูก็ไม่ต้องเรียกเราสองคนว่าคุณท่านนะ เรียกเหมือนที่เจ้าวินเรียกดีกว่า”
“ค่ะ คุณพ่อ คุณแม่”
“เอาละ เดี๋ยวพ่อกับแม่ไปหาฤกษ์งามยามดีให้พวกลูกก่อนดีกว่า ไปค่ะพี่คิม”
“จ้า เมียจ๋า”
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”
หลังจากที่พ่อแม่ของภาวินเดินออกไป หญิงสาวก็หันมาจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง แต่มีหรือที่คนอย่างเขาจะกลัว
กลับกัน ชายหนุ่มหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจที่แผนการของตนสำเร็จลงด้วยดี เขาเดาถูกทุกอย่างตามที่คิด เพราะถ้าหากมารดารู้เรื่องทั้งหมด
อย่างไรงานแต่งก็ต้องเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ต้องบังคับเธอด้วยตัวเองแน่ แค่นั่งหล่อ ๆ เล่าความจริงทุกอย่างไป มารดาก็จัดการให้ก็เรียบร้อย แบบนี้แล้วแม่เมียตัวน้อยจะหนีไปไหนพ้น เพราะเรื่องก่อน ๆ คุณคิมแทนตัวว่าพ่อ เด็ก ๆ ก็เรียกพ่อมาตลอดเลย