“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น จะว่าไปก็เป็นแบบพึ่งพาอาศัยกันเสียมากกว่า”
กัวเจียงเยว่ทำสายตาฉงนแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมอธิบาย เขาพานางไปถึงห้องนัดหมายของสามบุรุษเสเพล เถียนฮุยมองเห็นจานเจิ้งก็กำลังจะทัก จานเจิ้งเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้าบังสหายไม่ให้มองเห็นกัวเจียงเยว่ได้ถนัด ทั้งยังตบบ่าของเถียนฮุยแรงๆ สามครั้ง
“เจ้าร้ายกาจจริงๆ ทิ้งข้าเสียได้!”
ประโยคนี้ยามใดที่จานเจิ้งพูดออกมา แสดงว่าเขามีเล่ห์เหลี่ยมที่จะใช้กับคนที่พามาด้วย คุณชายจอมวางยาขยิบตาสองสามทีเถียนฮุยกับเหมาฮ่าวก็เข้าใจ
“ใครใช้ให้เจ้าชักช้ากันเล่า? แทนที่จะหนีมาทางเดียวกับพวกเรา ดันแยกตัวหนีไปราวกับเก่งกาจเสียเต็มประดา”
“พวกเจ้าไม่รู้อะไรเสียแล้ว! ตอนนี้ข้าได้ตกลงว่าจ้างคนคุ้มภัยเรียบร้อย เสี่ยวเอ้อน้อยซูเยว่ผู้นี้ช่วยข้าให้รอดพ้นจากการถูกล่าของพวกมันได้หวุดหวิด” จานเจิ้งขยับร่างออกแล้วผายมือมาทางกัวเจียงเยว่
“น้องเยว่ เจ้าเก่งมากเชียว ช่วยเหลือคุณชายจานได้ แสดงว่าวรยุทธ์เจ้าต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ”
เหมาฮ่าวผายมือคนทั้งสองให้นั่งลงแล้วรินสุราให้ซูเยว่อย่างเอาใจ
“น้องเยว่ ข้าอยากดื่มขอบคุณที่เจ้าได้ช่วยเหลือสหายของข้า”
“มะ ไม่ขอรับ! ข้าไม่ดื่ม ข้าป่วยอยู่ โรคของข้าไม่ถูกกับสุรา หากดื่มลงไปอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต” นางรีบยกมือผลักจอกสุรานั้นเอาไว้ “ขอเป็นน้ำชาดีกว่าขอรับ”
“อ้อๆ” คุณชายเหมานักพนันลือชื่อแห่งเมืองหลวง ทำหน้ารับทราบก่อนจะหันไปหยิบจอกน้ำชาอันใหม่มาให้แล้วรินน้ำชาให้กับนาง
คุณชายเถียนผู้เชี่ยวชาญด้านหญิงงามสำรวจใบหน้าและเรือนร่างของเสี่ยวเอ้อน้อยอยู่เงียบๆ ดวงตาคมกริบของเขาประเมินสัดส่วนของนางอยู่ในใจ เขาแสร้งขยับไปนั่งใกล้นางก็พลันได้กลิ่นที่คุ้นเคย ชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย เถียนฮุยจึงแสร้งซักไซ้ไล่เลียงถึงบ้านช่องและครอบครัวของนาง ซูเยว่อึกอักแล้วค่อยพรั่งพรูครอบครัวและบ้านเกิดที่ลอกเอาของซูหลีมาหมดสิ้น
“เจ้ามีวรยุทธ์สูงขนาดนี้ อาจารย์ของเจ้าคงจะเก่งกาจไม่เบา”
“อาจารย์ของข้าอาศัยอยู่บนภูเขา นานทีจะลงมาพื้นราบ ท่านไม่ต้องการให้ข้าเอ่ยนามให้ผู้ใดรู้เพราะท่านต้องการความสงบขอรับ ที่ข้าได้เป็นศิษย์ของท่านก็ด้วยความบังเอิญ”
“เจ้าช่างมีวาสนานัก และที่มีวาสนายิ่งกว่าก็คือจานเจิ้ง ได้คนคุ้มภัยทั้งเก่งกาจและรูปร่างหน้าตาดีเช่นนี้ข้าอิจฉานัก” เถียนฮุยหันหน้าไปทางสหายและสบตาอย่างมีเลศนัย
คุณชายจานยกจอกสุราขึ้นจิบทั้งหัวเราะในลำคอเบาๆ
‘เดี๋ยวก็รู้ว่าข้ากับนางมีวาสนาหรือเวรกรรมกันแน่?”
จานเจิ้งลอบสังเกตอากัปกิริยาของเสี่ยวเอ้อน้อยอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่านางยังไม่มีท่าทีจะทำอันตรายตนและสหายก็ค่อยคลายความระแวงลงไป บุรุษทั้งสามพูดคุยเรื่องการชนะพนันสามครั้งในเดือนนี้กันอย่างออรส เงินพนันที่ได้มาพวกเขาแบ่งกันอย่างยุติธรรม กระทั่งเริ่มดึกน้ำเสียงของชายหนุ่มเริ่มอ้อแอ้
“ข้ามาวววแล้วววว...เจ้านั่งรถม้าไปกับข้า ไปส่งข้าก่อนค่อยให้รถม้าไปส่งเจ้าต่อ” จานเจิ้งเดินกอดคอกัวเจียงเยว่ลงจากชั้นสองของภัตตาคารบึงหงส์ขึ้นรถม้าของจวนสกุลจานที่นัดหมายให้มารับที่นี่ โดยไม่ยอมปล่อยมือจากเสี่ยวเอ้อน้อย คนขับรถม้ารู้แล้วว่าต่อไปซูเยว่จะกลายมาเป็นคนอารักขานายน้อยก็ยิ้มให้นางอย่างมีไมตรี
กัวเจียงเยว่รู้สึกโล่งใจที่ไม่ผู้ใดระแคะระคายว่านางคือสตรี จึงยอมขึ้นรถม้าไปกับจานเจิ้งแต่โดยดี ทว่าคุณชายจอมเสเพลกลับลวดลายยิ่งนัก
“นายท่าน ปล่อยข้าได้หรือไม่?”
“ม่ายยยยด้ายยยย...ข้าต้องกอดเจ้าไว้แน่นๆ เดี๋ยวข้าจะไม่ปลอดภัย”
กัวเจียงเยว่เม้มปากอย่างเหลืออด นางขบคิดว่าจะทำอย่างไรกับคนผู้นี้ดี หากแทงเขายามนี้จะมีพยานรู้เห็นมากเกินไป สุดท้ายนางจะต้องถูกทางการจับได้ หญิงสาวคิดจะแฝงกายอยู่ข้างเขารอจนศัตรูของเขามาตามล่าเอาชีวิตเอาอีกครั้ง นางจึงค่อยแสร้งเปิดโอกาสให้คนพวกนั้น ฆ่าบุรุษเสเพลผู้นี้ไปเสีย
“เจ้าคิดอะไรอยู่? ทำไมถึงเงียบไปเล่า?” ชายหนุ่มยื่นหน้ามาใกล้ๆ จนนางได้กลิ่นสุราฉุนกึก เมื่อเขาพูดอยู่ใกล้ทำให้นางที่แพ้สุราขั้นรุนแรงถึงกับมึนไปเล็กน้อย นางเผลอเอียงหน้าซบซอกคอเขา ทำให้จานเจิ้งแอบยกยิ้มมุมปากก่อนจะล้วงเอาตลับมาแอบเปิดอยู่ที่ตัก ในรถม้ามิได้จุดโคมไฟกัวเจียงเยว่จึงไม่อาจรู้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย จานเจิ้งยกมือที่ป้ายยาขึ้นไปปิดจมูกของนาง หญิงสาวก็มีอาการสะลึมสะลือในทันที
“เจ้าไม่ต้องกลับแล้ว เราไปพูดคุยกันต่อที่เรือนข้าจะดีกว่า”
เมื่อรถม้าไปจอดหน้าจวน จานเจิ้งลุกขึ้นพร้อมช้อนเอาร่างอ้อนแอ้นของเสี่ยวเอ้อน้อยลงรถม้าก้าวลิ่วไปในจวน สามวันนี้ท่านพ่อของเขาไปราชการต่างอำเภอช่างสะดวกกับการนำเอาเสี่ยวเอ้อน้อยมาสอบสวนยิ่งนัก
“คุณชายขอรับ นี่คือ....”
“คนของข้าเอง ข้าจะเอามาสอบสวนเสียหน่อย” จานเจิ้งหันมาตอบบ่าวรับใช้ประจำตัวแล้วรีบมุ่งไปยังเรือนของตนที่อยู่เลยเรือนรับแขกไปไม่ไกล
“ท่านจะพาข้าไปที่ใดหรือ?”
“ไปห้องของข้า...คืนนี้เจ้าคงต้องอยู่กับข้าสักคืนแล้ว ซูเยว่!”
กัวเจียงเยว่กอดคอเขาซบหน้าอิงแอบคล้ายกับสตรีที่ตกอยู่ในห้วงรักกำลังให้ชายหนุ่มอุ้มเข้าหอห้อง เมื่อเขาวางนางลงบนเตียง ชายหนุ่มก็บอกให้บ่าวรับใช้ทั้งสองออกไปเฝ้าด้านนอกเอาไว้อย่าให้มีคนรบกวน
“เสี่ยวเอ้อน้อย...ได้เวลาที่เจ้าต้องตอบคำถามข้าแล้ว”
ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเมามายเดินอย่างมั่นคงไปหลังฉากเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าบ้วนปาก แล้วเดินกลับมายังเตียงนอนที่เสี่ยวเอ้อน้อยยังคงนอนระทดระทวยอยู่
**********************