สังเกต

1500 คำ
“คุณหนู ฮูหยินเรียกพบเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่อยู่ข้างกายฮูหยินใหญ่มาอีกแล้ว คนผู้นี้หน้าตาไม่เป็นมิตรท่าทางเข้มงวด หลิวยุ่นฉานช้อนตามองแล้วแสร้งยกมือขึ้นนวดขมับ “ข้ารู้สึกปวดศีรษะ คงไม่สะดวกไปพบท่านแม่ตอนนี้” นัยน์ตาหงส์แข็งกร้าวมีท่าทางไม่ยินยอม อยากจะเรียกนางไปอบรมสินะ ฝันไปเถอะ สาวใช้คนนั้นแววตาเข้มขึ้น “คุณหนูไม่ไปพบไม่ได้เจ้าค่ะ” เสียงที่พูดออกมาคล้ายข่มขู่กัน แต่หลิวยุ่นฉานไม่ได้หัวอ่อนอีกต่อไป “ถ้าหากข้าไปพบแล้วปวดศีรษะมากกว่าเดิม ทำให้งานอภิเษกสมรสเลื่อนออกไป เจ้าว่า...ท่านพ่อจะตำหนิใคร” สตรีที่นั่งอยู่บนเตียงนอนพูดด้วยสีหน้านิ่ง ๆ ไม่ยินดียินร้ายหรือว่าหวาดกลัวสิ่งใด ทำให้สาวใช้ที่เจ้ากี้เจ้าการคนนั้นกำมือแน่น “คุณหนูเอารัชทายาทกับนายท่านมาข่มขู่ข้าหรือเจ้าคะ” สาวใช้ของฮูหยินใหญ่ไม่ยินยอม วันนี้ถึงอย่างไรก็จะลากคุณหนูออกไปให้ได้ อาอิ๋งเห็นเรื่องราวบานปลายเลยเกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเลยส่งสายตาให้คุณหนู แต่หลินยุ่นฉานไม่ได้สนใจ นางแสยะยิ้มขึ้นแววตาไม่ยินยอมเช่นเดียวกัน “เจ้าก็เป็นแค่สาวใช้ อย่าคิดว่ามีท่านแม่ให้ท้ายแล้วข้าจะต้องกลัว...” หลิวยุ่นฉานลุกออกมาจากเตียงนอนที่ใช้พักผ่อนเพราะมีคนมาขัดขวางความสุขนั้น สาวใช้คนนั้นจ้องตาคุณหนูใหญ่ไม่กะพริบ แต่ก่อนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นมา “ฉานเอ๋อ...” และเสียงนั้นก็เป็นเสียงของเสนาบดีฝ่ายขวา คนที่หลิวยุ่นฉานไม่ค่อยอยากพบหน้ามากที่สุด “นายท่าน” สาวใช้ของฮูหยินใหญ่รีบปรับสีหน้าทันที ไม่มีท่าทางแข็งกร้าวเหมือนสักครู่นี้ ชายสูงวัยที่มีผมสีขาวเดินเข้ามาในห้องนอนของบุตรีบุญธรรม สายตาจดจ้องมองระหว่างหลิวยุ่นฉานแล้วก็สาวใช้ของฮูหยินใหญ่ “ยังจะยืนอยู่อีก” เสนาบดีฝ่ายขวาหันไปตำหนิสาวใช้ แน่นอนว่าได้ยินเสียงของคนสองคนพูดคุยกัน และดูท่าทางแล้วบุตรีบุญธรรมจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เหมือนเดิม “เจ้าค่ะ” เมื่อสาวใช้ถูกไล่จึงต้องกลับไปรายงานฮูหยินใหญ่ว่านายท่านมาพบคุณหนูใหญ่ กระทั่งทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงบและทำให้หลิวยุ่นฉานเกิดความประหม่าขึ้นมา อาอิ๋งเลยต้องออกจากห้องไปด้วยปล่อยให้นายท่านอยู่กับคุณหนูตามลำพัง “ท่านพ่อมีอะไรจะพูดกับข้าหรือเจ้าคะ” หลิวยุ่นฉานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พยายามเก็บอาการไม่ให้ถูกอ่านความคิดได้ นายท่านตระกูลหลิวจึงเดินออกมาจากห้องนอนแล้วตรงไปที่เรือนรับรองพร้อมทั้งนั่งลงที่มุมจิบน้ำ หลิวยุ่นฉานเลยต้องเดินติดตามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “นานแล้วที่ไม่ได้จิบชาฝีมือเจ้า” หลิวหยางเอ่ยพลางใช้สายตากดดันจ้องมองมา หลิวยุ่นฉานที่ชงชาไม่เป็นก็รีบยกการ้อนน้ำมารินใส่ถ้วยชา เสนาบดีฝ่ายขวามองบุตรีที่รินชาเตรียมให้ด้วยท่าทางเงอะงะดูไม่ปกติ “ฉานเอ๋อ...ยังปวดศีรษะอยู่หรือไม่” แน่นอนว่าเขาไม่มีทางตำหนินาง เพราะคิดว่าอาจจะเป็นผลกระทบจากการที่ศีรษะบาดเจ็บ หลิวยุ่นฉานมือสั่นเล็กน้อยเมื่อถูกถามไถ่อาการ นางเลื่อนถ้วยชาไปตรงหน้าเสนาบดีฝ่ายขวาด้วยความประหม่าอย่างถึงที่สุด แตกต่างจากตอนที่อยู่กับสาวใช้ของฮูหยินใหญ่ “ก็ยังปวดศีรษะอยู่บ้างแต่ไม่มากแล้วเจ้าค่ะ” พร้อมทั้งพยายามตอบอย่างเป็นปกติมากที่สุด “เรื่องที่แม่เจ้าลงมือทำไปก็อย่าโกรธนางเลย” สุดท้ายหลิวหยางก็พูดธุระที่ต้องการพูดออกมา หลิวยุ่นฉานทำหน้านิ่ง ในใจรู้สึกไม่ชอบฮูหยินใหญ่มาก ๆ คล้ายกับว่าสิ่งนี้เป็นความรู้สึกเดิมของเจ้าของร่าง “เจ้าค่ะ” แต่ก็ต้องแสร้งพูดออกมาว่าไม่ได้ถือสาเอาความอะไร ถ้าหากนางทำตัวแข็งมากไปอาจไม่เป็นผลดี เสนาบดีฝ่ายขวาสังเกตท่าทางของบุตรีบุญธรรมเห็นว่าไม่ได้ผิดปกติไปจากเดิมมากนักก็ยกชาขึ้นมาจิบ “วันนี้ออกไปข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง” เนื่องจากหลิวหยางไม่ค่อยได้เข้ามาวุ่นวายที่เรือนกลางมากนักและปล่อยให้หลิวเซี่ยดูแลบุตรีตามลำพัง เขาเลยไม่เคยรู้ว่าหลิวฝานคิดไม่ซื่อกับน้องสาวต่างสายเลือดของตนเอง ดังนั้นที่มาเยือนในวันนี้ก็เพื่อตรวจสอบบางสิ่งบางอย่าง เท่าที่จำได้ในความทรงจำแทบไม่ปรากฏความสัมพันธ์ของบิดากับบุตรีมากนัก หลิวยุ่นฉานเลยต้องตอบออกไปอย่างระมัดระวังมากที่สุด “ก็ดีเจ้าค่ะ” หลิวหยางวางถ้วยชาลงแล้วก็ลุกขึ้น “เจ้าก็พักผ่อนให้ดี อีกไม่นานก็จะต้องย้ายไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาแล้ว ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องออกไปข้างนอกอีก” เสนาบดีฝ่ายขวาพูดเพียงเท่านั้นก็เดินออกจากเรือนกลางตรงไปที่เรือนของฮูหยินใหญ่ อาอิ๋งที่ยืนรอปรนนิบัติอยู่ด้านข้างเห็นนายท่านไปแล้วก็รีบเดินมาดูคุณหนูทันที หลิวยุ่นฉานมองตามหลังไปจนลับสายตา เสนาบดีฝ่ายขวาคนนี้มาเยือนเรือนลี่หมิงต้องการอะไรบางอย่างแน่นอน จะว่าไปบรรยากาศในจวนแห่งนี้ดูไม่ค่อยปกติ ความสัมพันธ์ในครอบครัวค่อนข้างห่างเหินเหมือนเจ้านายกับลูกน้องเสียมากกว่า “คุณหนูไม่ไปพบฮูหยินใหญ่เช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ” อาอิ๋งเกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น แต่หลิวยุ่นฉานไม่ใส่ใจนัก “ข้าไม่อยากพบก็คือไม่อยากพบ นางตีศีรษะข้าแรงถึงเพียงนั้น ยังคิดให้ข้าเชื่อฟังอีกหรือ” แน่นอนว่าหลิวยุ่นฉานจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ แม้ว่าฮูหยินใหญ่จะเป็นผู้มีพระคุณของเจ้าของร่างก็ตาม อาอิ๋งยืนก้มหน้าเข้าใจในสิ่งที่คุณหนูคิด หากนางถึงทำเช่นนั้นก็คงลืมยากเช่นเดียวกัน หลิวยุ่นฉานเห็นคนเป็นเดือดเป็นร้อนแทนก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าอ่อนโยน “เจ้าไม่ต้องกังวล ไปเอาขนมที่ข้าซื้อออกมาเถิด” ยามนี้หากได้กินของหวานก็จะทำให้อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย อาอิ๋งยิ้มหวานตอบ ”เจ้าค่ะ” ฝั่งเรือนหลักเสนาบดีฝ่ายขวานั่งอยู่ในห้องรับรองโดยมีฮูหยินใหญ่ช่วยบีบนวดบ่าให้ “ท่านพี่มาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” หลิวเซี่ยพูดอย่างระมัดระวัง เพราะช่วงเช้าเพิ่งฟ้องเรื่องหลิวฝานที่ดูเหมือนว่าจะคิดไม่ซื่อกับหลิวยุ่นฉาน แต่ทว่าหลิวหยางกลับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด “ข้ามาหาเจ้าไม่ได้หรือไง” หลิวหยางพูดเสียงดุ เขาแต่งงานกับหลิวเซี่ยมายี่สิบกว่าปีแล้วก็จริงแต่ค่อนข้างห่างเหิน ไม่ค่อยเหมือนสามีภรรยาทั่วไป “ได้สิเจ้าคะ” หลิวเซี่ยส่งสายตาไปให้สาวใช้เพื่อเตรียมสุราเข้ามา สิ่งเดียวที่จะเอาใจสามีผู้นี้ได้ก็คือการนั่งดื่มสุราเป็นเพื่อน คอยรับฟังอยู่ข้าง ๆ ไม่มีปากมีเสียง “เรื่องหลิวฝานนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลใจ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันอภิเษกสมรสแล้วก็อย่าไปเข้มงวดกับฉานเอ๋อมากนักเลย” หลิวหยางมองออกว่าความสัมพันธ์ช่วงนี้ระหว่างมารดากับบุตรีมีรอยร้าวยากจะประสานคืน ดังนั้นช่วงนี้ควรให้ทั้งคู่อยู่ห่างกันจะได้ไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมา “ที่แท้ท่านพี่ก็มาเพราะเรื่องนี้ ความจริงข้าห่วงฉานเอ๋อเท่านั้นเลยจะเรียกนางมาปลอบใจสักหน่อย” หลิวเซี่ยพูดพลางบีบนวดแขนให้หลิวหยางไปด้วย “ปลอบใจหรือ?” หลิวหยางชายตามองสาวใช้ที่ไปเรือนลี่หมิงด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย และนั่นเลยทำให้หลิวเซี่ยมองตามสายตาสามีไป “อาจินก็เป็นคนพูดจาเช่นนั้นเอง ท่านพี่อย่าถือสาเลยนะเจ้าคะ” หลิวเซี่ยพอรู้มาบ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นจึงพยายามพูดปกป้องคนของตัวเอง “พูดจาไม่เหมือนกับบ่าวรับใช้ตีตัวเสมอเจ้านาย ข้าว่าอย่าให้นางอยู่ที่นี่เลย” หลิวหยางดึงสายตากลับมา และนั่นก็ทำให้อาจินต้องรีบคุกเข่าอ้อนวอนเจ้านายทั้งสอง “ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขอนายท่านเมตตาด้วย” อาจินรีบโขลกศีรษะขอขมา แต่หลิวหยางส่งสายตาให้บ่าวรับใช้ของตัวเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม