นภพงศ์นิ่งอยู่พักใหญ่ โดยมีมือเล็กลูบหลังเบาๆ จนเขาเริ่มควบคุมตัวเองได้ จึงขยับตัวลุกขึ้น จูบปากเล็กเร็วๆแล้วก้าวยาวๆเข้าห้องน้ำไป
ประทานพรนอนนิ่ง ถอนหายใจสีหน้าโล่งอกเมื่อคนตัวใหญ่ลุกออกไปจากร่างเธอ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นไปคว้าชุดคลุมมาสวมลวกๆ พลางมองกระจกบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
“แล้วจะปิดรอยยังไงเนี่ย…”
“ไปอาบน้ำซะ ถ้าฉันกลับมา เธอต้องพร้อม ไม่งั้นวันนี้เราจะไม่ได้ออกไปจากห้องนี้แน่นอน”
นภพงศ์ออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวพูดกับคนตัวเล็ก พร้อมกับเดินมายืนประชิดตัว กดจูบลงที่ริมฝีปากบางแผ่วเบา และเดินออกจากห้องไป
หญิงสาวเจ้าของห้องมองตามแผ่นหลังกว้าง พลางทอดถอนใจ ก้าวเท้ายาวๆเข้าห้องน้ำไปทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเช่นทุกวัน โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ออกมายืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า สายตามองอย่างครุ่นคิด เพราะไม่ว่าเธอจะใส่ชุดไหน มันก็ไม่สามารถปิดบังร่องรอยที่อยู่บนลำคอของเธอได้อยู่ดี
ตั้งแต่ลำคอไล่ลงมาจนถึงหน้าหน้าอกอิ่ม เต็มไปด้วยร่องรอยที่เขาทำไว้ ครั้งนี้มันเยอะแล้วก็เห็นชัดมากกว่าทุกครั้ง ร่องรอยมันเยอะราวกับคนที่ผ่านศึกรักมาอย่างหนักหน่วง เขาไม่เคยแตะต้องเธอมากแบบนี้ ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก ที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ และเลยเถิดมามากกว่าปกติ
“ปกติ…นี่ฉันเริ่มชินกับมันแล้วงั้นเหรอ…บ้าไปแล้วยัยเพลง แล้วทำไมแกต้องยอมเขาด้วยล่ะเนี่ย” ประทานพรพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“บ่นอะไร แต่งตัวได้แล้ว” ร่างสูงใหญ่ของนภพงศ์เดินกลับเข้ามาในห้องนอนของหญิงสาวด้วยชุดสูทสีดำที่สั่งตัดพอดีตัว ผมถูกหวีเก็บเอาไว้เป็นทรง ใบหน้าคมคายกลับมานิ่งเรียบเหมือนเดิม
ประทานพรปรายตามองอย่างหมั่นไส้ มือเล็กคว้าชุดที่แขวนอยู่มาทั้งไม้แขวน แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ร่างสูงมองตามก่อนจะขยับตัวจัดที่นอนที่ยับเยินให้กับเธอราวกับเป็นเรื่องปกติที่ต้องทำ เมื่อร่างเล็กออกมาจากห้องน้ำก็ชะงักไปเมื่อที่นอนถูกจัดเก็บจนเรียบร้อย
“…..”
“ไม่ต้องพูดค่ะ เพลงจะใส่ชุดนี้”
หญิงสาวดักคอเขา เมื่อเห็นสายตาคมมองเสื้อผ้าที่เธอกำลังสวมใส่มันอยู่สีหน้าไม่พอใจ เสื้อผ้าที่เธอหยิบเข้าไปโดยไม่ทันได้เลือก เป็นเสื้อสีขาวปาดไหล่เฉียงข้างผูกเอว กับกางเกงยีนขายาวทรงบอยเอวต่ำ ร่างเล็กเดินมาหยุดยืนหน้ากระจก หยิบรองพื้นมาทาปกปิดร่องรอยที่เขาทำเอาไว้ ตามด้วยคุชชั่นเนื้อเบาทับอีกชั้น
“อย่างน้อยก็จางลงเยอะ ถึงจะไม่เนียนมากก็เถอะ”
“ไปได้แล้ว”
“อ๊ะ เดี๋ยวค่ะ กระเป๋ากับโทรศัพท์เพลง”
ฝ่ามือใหญ่คว้าเอวเล็กของหญิงสาว รั้งร่างบางให้เดินไปพร้อมกับเขา ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กกับโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ๆติดมือไปด้วย เมื่อหญิงสาวโวยวาย
“หยุดโวยวายแล้วไปขึ้นรถ” คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกดุ เดินตามแรงรั้งลงลิฟต์ไป
สายตาคมดุกวาดมองสำรวจความเรียบร้อยของคนข้างๆ เมื่อเห็นว่าเธอขึ้นรถและคาดเข็มขัดเรียบร้อย ก็เคลื่อนรถออกจากคอนโดไป
“สวัสดีค่ะพี่ทับทิม”
“สวัสดีค่ะคุณเพลง วันนี้รับขนมไหมคะ”
“ค่ะ”
“ขอกาแฟผมด้วยนะ”
“รับทราบค่ะ”
เมื่อมาถึงที่บริษัท ประทานพรทักทายเลขาส่วนตัวของนภพงศ์อย่างคุ้นเคย ฝ่ายที่อายุมากกว่าก็เอ็นดูหญิงสาวไม่น้อย กับนิสัยช่างพูดและอ่อนน้อมของหญิงสาว ทั้งที่จริงแล้วประทานพรไม่จำเป็นต้องทักทายพนักงานอย่างพวกเธอด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับฐานะ และสถานะของหญิงสาว
“ไปนั่งเล่นไป หรือจะเข้าไปพักผ่อนข้างในก็ตามใจ”
เมื่อประตูห้องปิดลงหลังจากที่ก้าวเข้ามา ชายหนุ่มบอกคนตัวเล็กพร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน ปลายหางตามองไปที่ประตูอีกบานที่อยู่ภายในห้องทำงานของเขา ข้างในมีเตียงนอนขนาดคิงไซส์ พร้อมด้วยห้องน้ำขนาดกำลังดี วันไหนที่เขางานเยอะหรือขี้เกียจกลับก็จะนอนพักที่นี่เลย
“เพลงจะรอกินขนมค่ะ”
“ตามใจ”
หญิงสาวไม่พูดอะไรต่อ เธอนั่งเล่นโทรศัพท์รอเพราะรู้ว่าเดี๋ยวทับทิมจะต้องหาขนมมาให้เธอ และเพียงไม่นานทับทิมก็เข้ามาด้วยกาแฟดำของเจ้านายของหล่อน และขนมขบเคี้ยวหลายอย่างตามที่ประทานพรชอบ ก่อนจะขยิบตาให้หญิงสาวและเดินออกจากห้องไป
นภพงศ์ส่ายหน้าน้อยๆเมื่อมองเห็นขนมวางเต็มโต๊ะกระจกที่ตั้งอยู่หน้าโซฟา เขาไม่เข้าใจว่าในเมื่อหญิงสาวกินเก่งขนาดนี้ แต่ทำไมเธอถึงได้หุ่นมากแบบนั้น
“สั่งอะไรมาทานไหม มื้อเช้ายังไม่ได้ทาน”
“ยังไม่หิวค่ะ”
คนตัวใหญ่พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะละความสนใจจากใบหน้าหวาน หันมาสนใจงานตรงหน้า
ผ่านไปหลายชั่วโมงจนใกล้เที่ยง ประทานพรขยับตัวลุกขึ้นยืน บิดร่างกายด้วยความเมื่อยขบ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูเข้าไปในห้องพักผ่อน เพื่อล้างหน้าล้างตาทำธุระส่วนตัว
กริ๊ง
“คุณลดามาขอพบค่ะ”
“ให้เข้ามา”
“ค่ะ”
หลังจากทับทิมวางสายไป ประตูห้องทำงานของชายหนุ่มได้เปิดออก ตามด้วยร่างของหญิงสาวที่เขาเพิ่งตกลงทำธุรกิจร่วมกัน
“สวัสดีค่ะคุณนภพงศ์”
“สวัสดีครับคุณลดา มาพบผมโดยไม่ได้นัดแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พอดีลดาผ่านมาแถวนี้ แล้วเห็นใกล้เที่ยงแล้วน่ะค่ะ ลดาเลยว่าจะมาชวนคุณไปทานมื้อเที่ยงค่ะ ถ้าคุณนภพงศ์ไม่มีนัดที่ไหนไปทานมื้อเที่ยงกับลดาไหมคะ”
“ผมไม่มีนัด แต่ผมไม่ว่างครับ”
แกร๊ก
“อ้าว มีแขกเหรอคะ งั้นเพลงรอข้างในนะคะ” หญิงสาวชะงักไป เมื่อเปิดประตูออกมาเจอหญิงสาวแปลกหน้านั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม ก็เตรียมตัวจะกลับเข้าไปรอภายในห้องพักผ่อน
“มานั่ง” เจ้าของห้องสั่งด้วยน้ำเสียงที่พูดกับเธอตามปกติ แต่คนอื่นอย่างลดาที่ไม่เคยได้ยินมัน ชะงักไปเล็กน้อย
“แต่พี่ฟ้ามีแขก”
“เถียง?”
ประทานพรเบะปากใส่คนเอาแต่ใจ ก่อนจะก้าวยาวๆมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม นาทีนั้น…ลดาถึงได้เห็นว่ามีกระเป๋าสะพายกับโทรศัพท์ของผู้หญิงวางอยู่ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา
“น้องสาวคุณนภพงศ์เหรอคะ” ลดาถามขึ้นทำลายความเงียบ เมื่อชายหนุ่มเอาแต่มองหญิงสาวสวยจัด ที่นั่งอยู่ที่โซฟา
“คู่หมั้นผมครับ” สิ้นคำตอบของเสียงทุ้ม ประทานพรกำลังจะโวยวายแต่ก็ต้องปิดปากเงียบเมื่อเห็นสายตาของคนตัวใหญ่
“ไม่เห็นมีข่าวเลยนะคะ ว่าคุณมีคู่หมั้น” ลดาหันไปมองหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าตัวเองเต็มตา พลันสายตาไปสะดุดกับร่องรอยตามลำคอของหญิงสาวที่ยาวลงมาจนถึงเนินอก ที่ถึงแม้จะพยายามปกปิดมันเอาไว้ แต่ก็ยังพอมองเห็นอยู่ดี
“เป็นการหมั้นภายในครอบครัวครับ”
“อ่อ งั้นถ้าคุณไม่ว่าง ลดาขอตัวก่อนแล้วกันค่ะ ไว้พบกันนะคะ”
“ครับ”
ลดาลุกขึ้นเหลือบหางตามองประทานพรด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป หลังประตูห้องปิดสนิท ประทานพรลุกขึ้นเดินมาหาเจ้าของห้องด้วยความไม่พอใจ
“คุณคนเมื่อกี้ชอบพี่ฟ้าเหรอคะ ถึงได้เอาเพลงเป็นไม้กันหมาแบบนี้อะ”
“มานี่สิ”
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร แต่เรียกให้คนตัวเล็กเข้าไปใกล้ๆ ประทานพรเดินไปยืนตรงหน้าคนเรียกอย่างว่าง่าย มือใหญ่รั้งเอวคอดเล็กให้นั่งลงบนตักของตัวเอง วงแขนแกร่งโอบกอดเอวเล็กเอาไว้หลวมๆ
“เปิดลิ้นชัก หยิบกล่องกำมะหยี่ให้หน่อย”
ประทานพรโน้มตัวเล็กน้อย มือเล็กดึงลิ้นชักให้มันเปิด สายตามองหาสิ่งที่คนตัวใหญ่ต้องการ เมื่อเห็นมันก็เอื้อมมือไปหยิบมันออกมา
“เปิดดูสิ” เมื่อเห็นคนบนตักยังนั่งนิ่ง วงแขนแกร่งก็กระชับกอดให้แน่นขึ้น หญิงสาวจึงยอมเปิดกล่องตามที่เขาสั่ง
“สร้อย?”
“อืม ใส่ซะ”
“ไม่เอาอะ ไม่ใช่ของเพลงเสียหน่อย”
“มันเป็นของเธอ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“สักวันก็จะรู้เอง ใส่มันซะ แล้วก็ห้ามถอด”
มือเล็กหยิบสร้อยออกจากกล่อง จี้เพชรรูปดาวสีชมพูทิ้งตัวลงกวัดแกว่ง แสงไฟกระทบกับจี้เพชรส่องประกายสวยงาม
“ใส่ให้หน่อยค่ะ”
ฟ้าครามละวงแขนออกจากเอวเล็ก ใส่สร้อยให้กับคนบนตักตามที่เธอร้องขอ สายตาคมดุมองด้วยความพึงพอใจ
ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ ดิฉันจะไปพักทานข้าว ท่านประธานกับคุณเพลงจะรับอะไรไหมคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเพลงลากพี่ฟ้าออกไปหาอะไรทานเองค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ยินดีค่ะ งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ด้วยความที่ห้องทำงานของนภพงศ์เป็นห้องเก็บเสียง ถ้าเขาต้องการความเป็นส่วนตัวหรือไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบ จะสั่งทับทิมเอาไว้ แต่วันนี้ไม่ได้มีการสั่งอะไร ทับทิมจึงเสี่ยงเปิดเข้ามาบอกกล่าวเหมือนเช่นทุกวัน
ภาพที่หล่อนเห็นมันเริ่มบ่อยจนหล่อนชินกับมันเสียแล้ว ตั้งแต่ประทานพรกับดาราภัสอายุครบ 20 ปี ท่านประธานของหล่อนพาประทานพรมาที่นี่บ่อยขึ้น หล่อนทำงานกับเขามานาน ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าเจ้านายของหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ทับทิมส่ายหน้าน้อยๆกับความเงียบขรึมปากหนักของเจ้านาย ก่อนจะลงลิฟต์ไป
“โอ๊ย พี่ฟ้า ปล่อยเพลงได้แล้ว เพลงอายพี่ทับทิม…”
“คุณทับทิมน่าจะชินแล้วมั้ง”
“อย่ามามึนใส่เพลง ปล่อยเลยค่ะ”
“ไม่ปล่อย”
“นะคะ”
“ขอหนึ่งรอย”
“พอเลยค่ะ แค่นี้ก็เต็มคอเพลงละ มันปิดยากนะคะ”
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ดีตรงไหนล่ะคะ!!”
คนตัวเล็กโวยวายเสียงดัง ก่อนจะจิกเล็บลงที่แขนแกร่งอย่างแรง ทำให้เขายอมปล่อยให้เธอลุกจากตัก พร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นในลำคอ
“ไปหาอะไรทานกันดีกว่าค่ะ เพลงหิว”
“อืม อยากกินอะไร นำทางเลย”
“รับทราบค่ะเจ้านาย”
“…..”
หญิงสาวหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของนภพงศ์ตอนที่เธอเรียกเขาว่าเจ้านาย เธอยิ้มหวานให้เขาแล้วรีบเปิดประตูเดินนำเขาออกไปรอหน้าลิฟต์ จนเขาเดินตามมาถึงก็พากันลงที่รถด้วยกัน
“ขับไหม”
“มั่นใจเหรอคะ”
“อืม ตามใจเธอเลย”
“จัดให้ค่ะ”
ประทานพรคว้ากุญแจรถที่มือใหญ่ส่งให้ แล้วขึ้นไปประจำตำแหน่งคนขับ เมื่อเห็นว่าคนข้างๆคาดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว เธอเหยียบคันเร่งแค่เพียงเบาๆรถก็พุ่งทะยานออกไป