อกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มจีบ (2)

2034 คำ
อาทิตย์’ s Part Super J Club ‘รินเพิ่งตกลงคบกับพี่เพทายได้ไม่นานนี้เองค่ะ’ ประโยคที่คนตัวเล็กพูดก่อนหน้านี้ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผมอย่างชัดเจน ตอกย้ำให้รู้ว่าผมช้าไปเสียแล้ว… ที่ผ่านมาผมไม่เคยเอะใจ หรือจะคิดเผื่อไว้เลยว่าตัวเองอาจจะมีคู่แข่งอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่มารินก็สวยมากขนาดนั้นการที่จะมีคนเข้าหาเธอก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ผมคิดว่ามารินคงจะไม่มีใครในใจ เพราะที่ผ่านมาเวลาที่เราเจอกันเธอไม่เคยพูดถึงเรื่องความรักกับผมเลยสักครั้ง ได้แต่บ่นเรื่องทั่วไปกับเรื่องเรียนว่าหนักและเหนื่อย แต่ส่วนหนึ่งก็ผิดที่ผมเองที่คงจะชะล่าใจเกินไป จนวันนี้ที่เธอไปเป็นของคนอื่นแล้ว “งานเยอะมากเหรอวะไอ้อาทิตย์ ทำไมนั่งนิ่งคิ้วขมวดหน้าเครียดขนาดนั้น” ไอ้นนท์หรือชานนท์เพื่อนสนิทของผมพูดขึ้นมา วันนี้เพื่อนในกลุ่มนัดกันมาดื่มที่ร้านประจำ ซึ่งตอนแรกผมกะว่าจะไม่มาเพราะตั้งใจว่าจะพาคนตัวเล็กไปฉลองพร้อมกับครอบครัวของเธอ แต่ทุกอย่างก็ผิดแผนไปหมด พอเห็นเธอแนะนำแฟนให้ผมได้รู้จักยอมรับตรงๆ เลยว่าไปแทบไม่เป็นตอนที่ได้ยิน ก็เลยต้องโกหกเธอว่าติดงานแล้วกลับมาก่อน “แน้… ถามก็ไม่ยอมพูดด้วย สงสัยจะเครียดจริง” “เออ!” ผมตอบไปเพียงสั้นๆ ก่อนจะยกเหล้าในแก้วขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด ปกติก็ไม่เคยคิดที่จะเมาแค่สังสรรค์กับเพื่อนก็เท่านั้น แต่วันนี้… ไม่ไหวจริงๆ ตั้งแต่ที่ผมรู้ตัวว่าผมตกหลุมรักมารินผมก็เฝ้ารอแต่เธอมาตลอด ช่วงที่มารินมาเรียนที่กรุงเทพผมก็คอยแวะไปหาพาไปกินข้าวอยู่เสมอ ไม่ได้บ่อยแต่ก็ไม่ได้ทิ้งช่วงนาน ยิ่งพอได้รู้จักกันมากขึ้นผมก็ยิ่งชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งที่อยากจะคุยกับเธอตรงๆ เรื่องของความรู้สึกที่มีแต่ก็พยายามห้ามใจเอาไว้ อยากให้มารินเรียนจบก่อน เพราะผมก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าถ้าเราเป็นแฟนกันแล้วผมจะอดใจไม่ให้แตะต้องเธอเกินเลยได้มั้ย ผมอยากให้เกียรติมารินและครอบครัวของเธอถึงได้อดทนรออยู่แบบนี้ สุดท้ายก็รอเก้อ! เป็นคนอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มจีบเลยด้วยซ้ำ ปึก!! ผมวางแก้วเหล้าลงกับโต๊ะอีกครั้ง ไม่รู้เป็นแก้วที่เท่าไรแล้วเหมือนกัน หวังเพียงแต่ว่ารสขมของเหล้ากับความร้อนที่ไหลผ่านคอจะช่วยให้ใจที่ร้อนรุ่มของผมนั้นเย็นลงได้บ้างก็เท่านั้น “เห้ยๆๆ ไอ้อาทิตย์เบาก่อน ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่วะ” ไอ้นนท์พูดพร้อมกับยกมือมาห้ามผมที่กำลังจะเทเหล้าลงแก้วอีกครั้ง “มารินมีแฟนแล้ว…” ผมตัดสินใจบอกเพื่อนไป “เห้ยยย!!” และทุกคนก็ดูตกใจอยู่ไม่น้อย “เอาจริงกูก็ไม่แปลกใจถ้าน้องจะมีแฟน สวยหวานขนาดนั้นอยู่เป็นโสดมาจนถึงตอนนี้ก็เหลือเชื่อแล้ว กูบอกมึงแล้วว่าอย่าชะล่าใจเกินไปของแบบนี้รอกันได้ที่ไหน แล้วแฟนน้องคือใครวะ” “เห็นว่าชื่อเพทาย น่าจะเป็นดารา” ผมบอกไปตามข้อมูลที่ได้รู้ แต่ก็ยังไม่รู้อะไรมากไปกว่านั้น “เดี๋ยวนะ… ใช่คนนี้มั้ย?” เพื่อนอีกคนในกลุ่มพูดก่อนจะกดมือถือสองสามครั้งและส่งรูปมาให้ผมดู “อืม! คนนี้แหละ” “ดาราคนนี้กูรู้มาจากวงในว่าโคตรเจ้าชู้เลยนะมึง เคยได้ยินพวกพนักงานที่ตึกพูดกันอยู่ แถมยังนิสัยไม่ค่อยดีอีก แต่ติดที่ว่าตอนนี้กระแสกำลังมาก็เลยไม่ค่อยมีใครกล้าขัดใจเท่าไร ช่วงกำลังกอบโกยน่ะ แต่พวกสต๊าฟที่ทำงานด้วยต่างก็ยี้กันหมด” เพื่อนอีกคนของผมพูดขึ้นมา สิงหาตอนนี้รับช่วงต่อธุรกิจสื่อชื่อดังต่อจากครอบครัว ถ้าจะรู้ลึกรู้จริงเรื่องในวงการก็คงไม่แปลกใจอะไร แถมยังดูน่าเชื่อถืออีกต่างหาก “แล้วมันเป็นเด็กในสังกัดของบริษัทมึงเหรอ?” ผมถามออกไปหลังจากที่ได้ฟังเพื่อนเล่าให้ฟัง พอรู้แบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะห่วงคนตัวเล็กขึ้นมา “เปล่านะ… เห็นว่ารับงานเองไม่สังกัดค่ายไหน แต่ว่าซีรีส์ที่ออนอยู่ตอนนี้เป็นของช่องกูก็เลยได้รู้เรื่องของมันผ่านหูมาอยู่บ้าง” “แล้วมึงจะทำไงต่อไปวะ พอรู้แบบนี้แล้ว” ไอ้นนท์หันมาถามผม “ยังคิดไม่ออก” ผมตอบไปตามความจริง คืนนี้ผมแค่อยากทำตัวเป็นคนอกหักให้เต็มที่แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีก็แล้ว ตอนเช้า ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อคืนจำได้ว่าดื่มไปมากแถมยังเมาจนต้องตามให้ ‘อคิณ’ ผู้ช่วยคนสนิทของผมช่วยพากลับมานอนที่บ้าน ปกติผมจะอยู่คอนโดเป็นส่วนมากและกลับมานอนบ้านเดือนละ 1-2 ครั้ง เพราะแม่ผมขอไว้ ท่านอยากให้ผมกลับมาอัปเดตเรื่องของมารินให้ท่านฟังด้วยตัวเอง ผมเคยบอกกับพ่อแม่ไปตั้งนานแล้วเรื่องที่ผมรู้สึกกับมารินและแม่เองก็ยินดีเป็นอย่างมากที่รู้ว่าในอนาคตจะได้มารินมาเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เมื่อคืนไม่รู้นึกยังไงเหมือนกันผมถึงได้ให้อคิณมาส่งที่บ้านแทน ทั้งๆ ที่รู้ว่าตื่นมาแล้วแม่จะต้องตั้งคำถามแน่นอนว่าทำไมผมถึงเมาหมดสภาพมาแบบนั้น โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ผมเลยไม่ต้องทนเข้าไปทำงานในภาพที่เหมือนจะเมาค้างแบบนี้ เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วผมก็ลงมาข้างล่างแล้วก็พบกับพ่อแม่ที่นั่งอยู่พร้อมหน้า ราวกับว่ากำลังรอให้ผมลงมาข้างล่างอย่างนั้นแหละ “ที่แกเมาเละมาเมื่อคืน อย่าบอกนะว่าเรื่องของหนูริน” ยังไม่ทันจะได้หย่อนก้นนั่งลงแม่ของผมก็พูดขึ้นมาทันทีราวกับรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว และไม่รอให้ผมสงสัยอยู่นานท่านก็ยื่นแท็บเลตในมือมาให้ผม ซึ่งเมื่อผมได้ดูก็พบว่าเป็นข่าวซุบซิบถึงเรื่องดาราดังเปิดตัวแฟนสาว เล่นใหญ่กลางมหาวิทยาลัยชื่อดัง ปกติผมคงจะไม่สนใจข่าวอะไรพวกนี้แต่คนในข่าวนั้นดันเป็นมารินเนี่ยสิ คิ้วของผมเริ่มขมวดเข้าหากันทันทีที่เห็นข่าวนั้น สมัยนี้ดารามีแฟนก็ดูเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่ทำไมคราวนี้นักข่าวถึงสนใจประเด็นนี้ถึงขั้นเอามาลงข่าวใหญ่โต ราวกับว่ามีใครอยากให้เรื่องนี้เป็นกระแสไปทั่วซะอย่างนั้นแหละ “มารินมีแฟนตั้งแต่เมื่อไร ทำไมแกไม่เคยเล่าให้แม่ฟังเลย” “ผมก็เพิ่งรู้เรื่องเมื่อวาน… น้องบอกว่าเพิ่งตกลงคบด้วยไม่นานหลังจากที่เรียนจบแล้ว” ผมตอบไปตามความจริงก่อนจะยื่นแท็บเลตคืนให้แม่ไปพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ท่าน “มาลีเองก็โทรมาหาแม่เมื่อเช้า… เพราะเมื่อวานหนูรินเพิ่งมาขออยู่กรุงเทพต่อ เธอบอกว่าอยากลองหางานทำที่นี่เอาประสบการณ์ก่อน แล้วพอเห็นข่าวเมื่อเช้าก็เลยอดห่วงไม่ได้กลัวว่าที่อยากอยู่กรุงเทพต่อเพราะติดแฟน” “…” “เป็นไงล่ะเราน่ะ! แม่ก็บอกแล้วว่าอย่าชะล่าใจ แล้วตอนนี้จะทำยังไงว่าที่ลูกสะใภ้แม่ไปคบคนอื่นแล้วเนี่ยเห็นมั้ย” “ไอ้สิงหามันบอกว่าแฟนของรินประวัติไม่ค่อยดี ผมเลยกะว่าเดี๋ยวจะลองสืบเรื่องนี้ดูสักหน่อย แม่ก็อย่าเพิ่งมาแซะผมเยอะสิ ลูกชายเพิ่งอกหักมานะครับ” “ไม่เขกหัวพร้อมสมน้ำหน้าก็บุญแล้วย่ะ! เอาแต่ใจเย็นอยู่ได้ อย่างน้อยถ้าให้แม่บอกทางมาลีกับคุณสายชลไว้ก่อน คุยเรื่องหมั้นหมายเอาไว้ซะเรื่องก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอก” คุณแม่สุดที่รักพูดพร้อมกับมองค้อนผมไปด้วย “ถ้าทำแบบนั้นมันก็คือการคลุมถุงชนนะแม่ ผมอยากคบกันรินด้วยความสมัครใจทั้งคู่” ผมพูดออกไปอย่างที่คิดไว้ อยากให้เรื่องของผมกับมารินเริ่มต้นจากความรู้สึกดีของเราทั้งของคน ไม่อยากให้เป็นเรื่องที่ทางผู้ใหญ่ปูทางไว้ให้ ผมไม่อยากให้น้องรู้สึกไม่ดีด้วยแหละ “ย่ะ! พ่อคนใจเย็น แล้วจะทำยังไงต่อไปละทีนี้ พอเราบอกว่าแฟนของน้องประวัติไม่ค่อยดีแม่ก็ไม่สบายใจ แล้วนี่ที่เป็นข่าวไปทั่วโซเชียลขนาดนี้ไม่ใช่ว่าพ่อดารานั่นตั้งใจจะจับหนูรินหรอกนะ” “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันแต่ขอสืบให้แน่ใจก่อน ส่วนเรื่องที่รินอยากหางานทำ… ผมก็ยังไม่มีเลขามาช่วยงานเลยสักคน ถ้าให้รินมาเป็นเลขาของผมน้ามาลีก็น่าจะสบายใจขึ้น อีกอย่างน้องก็ยังอยู่ในสายตามีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้” ผมเสนอแม่ไปซึ่งท่านเองก็เห็นด้วยแล้วก็รีบโทรไปคุยกับน้ามาลีว่าจะให้มารินมาเป็นเลขาของผม ทางด้านน้ามาลีเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ อย่างน้อยมารินมาอยู่ใกล้ตัวผมก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้คนตัวเล็กไปทำงานที่อื่น แบบนั้นมันยิ่งไกลหูไกลตาแล้วคงจะตามไปดูแลกันได้ยาก หลายวันต่อมา… “บอสครับ… จะเดินวนไปวนมาอีกนานมั้ยครับ” เสียงของ ‘อคิณ’ ผู้ช่วยคนสนิทของผมทักท้วงขึ้น นั่นทำให้ผมหยุดชะงักและได้สติขึ้นมาในทันที ผมกำลังทำอะไรอยู่? ทำตัวราวกับเป็นเด็กที่ตื่นเต้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าผมก็ตื่นเต้นจริงๆ นั่นแหละ ก็วันนี้… มารินมาทำงานวันแรก! ถึงเธอจะมีแฟนแล้วก็เถอะ แต่ผมเองที่แอบรักคนตัวเล็กมาตั้งหลายปีจะให้ทำใจได้เลยมันก็คงจะไม่ได้ แล้วยิ่งต่อไปจะต้องมาทำงานใกล้ชิดกันแล้วผมจะไปไหนรอดล่ะ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “น่าจะมาถึงแล้วนะครับบอส” อคิณพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะทำท่าเดินไปเปิดประตูห้องทำงาน “เดี๋ยว! ฉันไปเปิดเอง” ผมเรียกห้ามคนสนิทไว้ ก่อนจะเป็นคนเดินไปยังประตูนั้นด้วยตัวเอง แกร๊ก! ทันทีที่ประตูเปิดออก ผมก็เห็นมารินที่วันนี้แต่งตัวดูเรียบร้อยกว่าปกติแถมยังรวบผมขึ้นเป็นหางม้าอวดลำคอระหง รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของเธออย่างเช่นเคย “สวัสดีค่ะพี่อาทิตย์… เอ๊ย! ไม่ใช่สิ! สวัสดีค่ะ… บอส” ตึก! ตึก! ตึก ๆๆๆ เสียงหัวใจของผมมันเต้นรัวและแรงเหมือนครั้งแรกที่ตกหลุมรักไม่มีผิด ------------------------------------ ------------------------------------ อกหักเมาหมดสภาพกลับบ้านไม่ถูกกันเลยอีพี่ เอ็นดู 555 แต่ตอนนี้ได้ยัยน้องมาเป็นเลขาใกล้ตัวแล้วน้า ถ้าโสดอยู่ก็คงเดินหน้าจีบไปล้วแต่ติดตรงที่ว่ายังไม่โสดนี่สิ ชอบแค่ไหนก็ต้องเก็บไว้ในใจ สงสัยต้องช่วยกอดปลอบอีพี่ไปพลางๆ ระหว่างรอยัยน้องรินซะแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม