“วันนี้แต่งตัวน่ารักจังเลยนะคร๊าบบบ!” ผู้ชายอีกคนพูดขึ้นพร้อมกับมองมารินด้วยสายตาหื่นกามอย่างปิดไม่มิด
“เห้ย! พวกพี่ครามอย่ามายุ่งกับพี่รินนะ” เด็กชายตัวน้อยรีบมายืนปกป้องมารินพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างกั้นไว้ไม่ให้ชายกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้หญิงสาวได้
“ไอ้กะทิมึงถอยไปก่อนที่กูจะเหวี่ยงมึงลงทะเล!”
“นี่! ให้มันน้อยๆ หน่อย เด็กตัวเล็กแค่นี้เอง” มารินเห็นว่าคนชื่อครามทำท่าจะเข้ามาจับตัวกะทิไปก็รีบดึงเด็กน้อยให้ไปหลบหลังตนทันที
“เก่งซะด้วยนะมารินคนสวย” ครามเห็นดังนั้นก็เอ่ยปากชมด้วยสายตาเจ้าชู้
“ที่นี่เป็นเขตของโรงแรม ถ้าพวกนายจะเข้ามาทำตัวไม่ดีฉันจะเรียกยามให้มาพาตัวพวกนายออกไปนะ!” เสียงหวานๆ พูดขู่ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ครามนึกกลัวแต่อย่างใด กลับนึกชอบใจเสียด้วยซ้ำ
“กว่าจะเรียกกว่ายามจะมาถึงมันจะทันร๊อออ” ครามพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้มารินขึ้นเรื่อยๆ
“นี่! ออกไปนะ!! อย่ามายุ่ง” เด็กหญิงพูดขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้ามาผลักตัวของครามหวังจะให้ล้มลง แต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้คนที่ล้มลงคือเด็กหญิงคนนั้นแทน
“สำเพา!! เป็นอะไรมั้ย?” มารินรีบเข้ามาดูเด็กหญิงด้วยความห่วงใยทันที
“คราม… ถ้าขืนนายยังทำตัวแบบนี้ฉันจะต้องแจ้งตำรวจว่าโดนนายคุกคามแล้วนะ!” มารินขู่ชายหนุ่มอีกครั้ง
“ไม่กลัวหรอก โดนคดีแต่ว่าได้มารินสักครั้งก็โคตรจะคุ้มแล้ว ใช่มั้ยพวกเรา ฮ่าๆๆๆ”
“นี่! อย่าเข้ามานะ!”
พลั่ก!
“โอ้ยย~”
เมื่อกลุ่มชายหนุ่มสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มารินก็เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนสะดุดกับขอนไม้ที่วางอยู่แล้วล้มลง ความกลัวเข้ามาในจิตใจของหญิงสาวทันทีเพราะลำพังตัวเธอกับเด็กตัวน้อยๆ พวกนี้จะไปสู้แรงของชายหนุ่มหลายคนตรงหน้าได้อย่างไร แถมตรงนี้ก็อยู่ห่างจากตัวโรงแรมมาไกลพอสมควรด้วย ต่อให้ตะโกนจนคอพังคนในโรงแรมก็คงจะไม่ได้ยินเป็นแน่
“ทำอะไรน่ะ!”
เสียงเข้มดุดังขึ้นจากด้านหลัง และเมื่อมารินหันไปมองก็พบว่าเป็นอาทิตย์ที่เดินหน้านิ่งเข้ามา เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมาสักพักแต่ตอนแรกคิดว่าคงจะรู้จักกันและแวะมาแซวเล่นซึ่งมารินก็คงจะจัดการได้ แต่พอเห็นหญิงสาวล้มลงแล้วผู้ชายพวกนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเขาเลยต้องเข้ามาช่วยอย่างที่เห็นในตอนนี้
“พี่อาทิตย์…” มารินเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยความดีใจ ความกลัวก่อนหน้านี้เบาลงไปเยอะเมื่อพี่อาทิตย์ของเธอมาถึง
“ฉันแจ้ตำรวจและเรียกคนจากที่โรงแรมให้ตามมาแล้ว คิดว่าคงจะไม่โดนข้อหาเดียวแน่ๆ ข่มขู่คุกคามรวมไปถึง… ทำร้ายร่างกาย”
“ทำร้ายอะไรวะ ยัยนี่ล้มลงไปเองชัดๆ” ครามเถียงอาทิตย์ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ยังไม่ทันได้แตะตัวเลยด้วยซ้ำ!”
“ก็ไม่มีใครเห็นนี่ ตรงนี้ก็ไม่มีกล้อง หลักฐานที่รินเจ็บตัวก็มี” อาทิตย์ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แววตาดุดัน
“โถ่เว้ย! ฝากไว้ก่อนเถอะ ไปพวกมึงกลับ!!”
เมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่มีสีหน้าที่จริงจังและดูเหมือนจะไม่ได้โกหกในสิ่งที่พูดครามและพรรคพวกก็เกิดกลัวขึ้นมาทันที ถ้าโดนจับไปจริงๆ มีหวังพวกเขาโดนไล่ออกจากเกาะด้วยแน่ๆ ก็เล่นมายุ่งกับลูกสาวเจ้าของเกาะเลยนี่หว่า
“พี่ริน!! ลุกเร็วเข้าจับมือสำเพาไว้นะคะ”
เมื่อเห็นว่าครามและพวกเดินกลับไปแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยก็รีบมาหาพี่สาวแสนดีของตนในทันที มือน้อยๆ ยื่นไปตรงหน้าหวังจะช่วยพยุงช่วยหญิงสาวลุกขึ้นมา
“กะทิขอโทษที่ปกป้องพี่รินไม่ได้ รอกะทิโตก่อนกะทิจะไปเรียนต่อยมวยแล้วมาปกป้องพี่รินนะครับ”
“ขอบคุณทั้งสองคนมากนะจ๊ะ” มารินยิ้มอย่างตื้นตันก่อนจะดึงเด็กทั้งสองคนเข้ามากอดไว้ด้วยความเอ็นดู
“ลุกไหวมั้ยน่ะเรา” อาทิตย์พูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามารินเอาแต่นั่งอยู่แบบนั้นไม่ยิมลุกขึ้นยืนเสียที
“พี่อาทิตย์… รินเจ็บข้อเท้า” มารินหันไปบอกกับอาทิตย์ด้วยน้ำเสียงสั่นครือ เธอบอกว่าอยากจะดูแลตัวเองได้แท้ๆ แต่ยังไม่ทันไรก็ไม่พ้นต้องให้พี่อาทิตย์คอยมาช่วยอีกแล้ว เหมือนสมัยเด็กๆ
“หึ~ เรานี่น้า… งั้นก็ขี่หลังพี่กลับโรงแรมก็แล้วกัน” อาทิตย์พูดพร้อมกับย่อตัวลงเพื่อให้มารินขึ้นมาบนหลังเขาได้สะดวก
“พี่อาทิตย์เดินไปส่งกะทิกับสำเพาที่บ้านด้วยได้มั้ยคะ… รินกลัวว่าพวกครามจะดักรังแกเด็กๆ” เมื่อขึ้นมาบนหลังชายหนุ่มแล้วมารินก็ไม่วายที่จะอดห่วงเด็กน้อย ถ้าจะปล่อยให้กลับบ้านกันเองก็กลัวว่าจะเป็นอันตราย
สุดท้ายอาทิตย์ก็เดินแบกมารินไปส่งเด็กๆ ที่หมู่บ้านชาวประมงที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านที่มีผู้คนพลุกพล่านแล้วกะทิกับสำเพาก็บอกให้ทั้งสองคนกลับไปได้เลยเพราะตรงนี้มีแต่คนรู้จักไม่มีใครทำอะไรพวกตนได้ อีกอย่างกลัวว่าเดี๋ยวจะเย็นเกินไปแล้วคนที่เป็นอันตรายจะเป็นพวกเขาสองคนมากกว่า
“ขอบคุณพี่อาทิตย์มากเลยนะคะ” มารินพูดขึ้นในตอนที่อาทิตย์พาเธอเดินเลาะชายหาดเพื่อกลับไปที่โรงแรม
“แล้วแบบนี้ไปอยู่คนเดียวจะดูแลตัวเองได้แน่เหรอ”
“แน่สิคะ! นี่มันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี่นา ถ้ารินไม่สะดุดล้มก่อนรินก็จัดการพวกนั้นได้แน่นอนค่ะ”
“ตัวเท่านี้นี่นะ จะเอาแรงที่ไหนไปสู้!”
“พี่อาทิตย์! รินโตแล้วนะคะ ทำไมพี่พูดเหมือนกับว่ารินยังเป็นเด็กไปได้” มารินทำเสียงงอนใส่ชายหนุ่มที่พูดเหมือนกับว่าเธอยังไม่โตอย่างนั้นแหละ
“พี่ไม่ได้พูดสักคำว่าเรายังเด็ก”
“ไม่รู้ไม่ชี้ๆ ถ้ารินไปเรียนแล้วรินจะไม่แวะไปหาพี่อาทิตย์เลยคอยดูนะ!”
คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงงอนเหมือนสมัยที่ยังเป็นเด็กไม่มีผิด จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ทั้งคู่กลับมาคุยกันอย่างสนิทสนมเหมือนเดิม ไม่เคอะเขินกันเหมือนอย่างในตอนแรก
อาทิตย์พามารินเดินมาเรื่อยๆ เสียงข้างหลังที่คอยพูดเจื้อยแจ้วกลับเงียบลงนั่นถึงทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวคงพูดจบหลับคาหลังเขาไปแล้วแน่ๆ ชายหนุ่มระบายยิ้มด้วยความเอ็นดูหญิงสาวเป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงโรงแรมอาทิตย์ก็วางมารินลงบนเก้าอี้ชายหาดหน้าโรงแรมหวังจะปลุกหญิงสาวให้ตื่นก่อน เพราะถ้าเขาพามารินกลับเข้าโรงแรมในสภาพนี้กลัวว่าคนจะมองไม่ดีแล้วมารินเองก็จะเสียหาย
“มาริน~ ตื่นเร็ว”
“อื้อออ พี่อาทิตย์… ขอบคุณนะคะ รินคิดถึงพี่อาทิตย์ที่สุดเลย”
นอกจากมารินจะไม่ยอมตื่นแล้วยังนอนละเมอถึงเขาอีกด้วย นั่นทำให้อาทิตย์มองใบหน้าเกลี้ยงใสที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ตอนนี้ด้วยความรู้สึกที่แปลกไป มารินตอนนี้โตเป็นสาวสวย ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนช่วยขับให้ผิวของเธอที่ขาวอยู่แล้วเด่นสว่างมากขึ้นไปอีก ไหนจะปากแดงๆ ที่ก่อนหน้านี้พูดเจื้อยแจ้วมาตลอดทาง ตอนนี้กลับปิดสนิทพร้อมกับลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอนี่อีก จู่ๆ หัวใจของอาทิตย์มันเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเขารู้ดีว่าอาการแบบนี้มันคืออาการ ‘ตกหลุมรัก’ นั่นเอง
.
.
Super J Club
“ไอ้อาทิตย์ไปเที่ยวเกาะมาสนุกปะวะ” ชานนท์เพื่อนสนิทในกลุ่มของอาทิตย์พูดขึ้นมา
“ก็ดี”
อาทิตย์ตอบกลับเพียงสั้นๆ เท่านั้น ไม่ได้บอกออกไปว่าที่จริงแล้วมันยิ่งกว่า ‘ก็ดี’ เป็นไหนๆ เพราะตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะนั้นมารินทำตัวน่ารักกับเขาตลอด ทั้งเอาใจใส่ดูแลและบางครั้งก็แอบดื้อซึ่งไม่ว่าหญิงสาวจะทำอะไรมันก็ดูน่ารักน่ามองไปทั้งหมดในสายตาของเขา จนถึงวันที่เขาต้องกลับมาที่กรุงเทพจู่ๆ ก็ไม่อยากจะกลับมาเสียอย่างนั้น แต่คิดอีกทีว่าเดี๋ยวมารินก็ต้องเข้ามาที่กรุงเทพอยู่ดี เขาค่อยหาเวลาไปเจอหญิงสาวอีกทีในตอนนั้น
“ก็ดีแบบไหนถึงทำเอามึงนั่งอมยิ้มแบบนี้ได้วะ” เพื่อนอีกคนพูดขึ้นมาบ้าง
“ก็ดีก็คือก็ดีนั่นแหละ อย่าพูดมากกินเหล้าไป” อาทิตย์พูดตัดบทเพื่อนก่อนจะยกเหล้าในแก้วขอตนขึ้นมาดื่มบ้าง
ตอนนี้เขาอยู่ที่ Super J Club ซึ่งเป็นร้านที่เขากับเพื่อนๆ มักจะมานั่งดื่มและพูดคุยกันเป็นประจำและที่นี่ก็มักจะมีสาวๆ มาคอยส่งสายตาให้อยู่เสมอ อย่างคืนนี้ก็เหมือนกัน
“ผู้หญิงตรงนั้นมองมึงมาหลายรอบแล้วว่ะ ไม่เข้าไปหาสักทีวะ” ชานนท์พูดขึ้นมาอย่างสงสัย เพราะปกติแล้วถ้ามีผู้หญิงมาส่งสายตาเชื้อเชิญแบบนี้อาทิตย์ก็มักจะไม่พลาดที่จะเข้าไปทักทายตามประสาชายโสด
“ไม่ล่ะ…” อาทิตย์ตอบเพียงสั้นๆ แล้วยกเหล้าในแก้วขึ้นดื่มต่ออย่างไม่หันกลับไปมองสาวสวยตรงนั้นอีกเลย
“เป็นไปได้ด้วยเหรอวะ”
“อืม… กูว่ากูเจอคนที่ชอบแล้ว”
พรวด!!
เหล้าในปากเพื่อนแทบจะถูกพ่นออกมาพร้อมกันทันทีที่อาทิตย์บอกกับเพื่อนๆ ว่าตนนั้นกำลังตกหลุมรักใครบางคนอยู่ หลังจากนั้นชานนท์และเพื่อนคนอื่นต่างก็รีบเค้นในทันทีว่าผู้หญิงที่ทำให้อาทิตย์เปลี่ยนไปได้เป็นใครกัน อาทิตย์จึงยอมเล่าเรื่องราวของมารินให้เพื่อนฟังอย่างไม่ปิดบัง เพราะถึงยังไงเขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่ามารินนี่แหละคือคนที่เขาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยไปตลอด
“แล้วมึงตกลงเป็นแฟนกับน้องเขาหรือยังวะถึงได้วางแผนอนาคตไว้ซะขนาดนี้”
“ยัง… ไม่ได้จีบ”
“ฮ่าๆๆ ไอ้อาทิตย์แล้วมึงรออะไรอยู่”
“รอรินเรียนจบก่อน อย่างที่บอกไปว่าครอบครัวกูสนิทกันมากอีกอย่างกูก็อยากให้เกียรติรินด้วย ถ้าคบกันตั้งแต่ยังเรียนไม่จบกูกลัวว่าจะห้ามใจไว้ไม่ไหว”
“กว่าจะเรียนจบก็อีกตั้งหลายปี มึงมัวแต่รอถึงตอนนั้นระวังจะโดนตัดหน้าไปก่อนนะเว้ย เวลาไม่รอใครหรอกนะกูจะบอกให้”
อาทิตย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปได้แต่คิดตามในสิ่งที่เพื่อนพูดเตือน แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองอยู่ดีว่าเขาจะรอให้มารินเรียนจบก่อนค่อยเริ่มจีบเธอ ระหว่างนี้ก็คงจะคอยดูแลเธอในฐานะ… พี่ชายที่แสนดีคนเดิม
“แล้วมึงจะจำศีลตัวเองไปจนถึงตอนนั้นเลยเหรอวะ”
“ก็คงงั้นมั้ง”
“ยอมใจมึงเลยว่ะ… งั้นผู้หญิงคนเมื่อกี้กูขอละกันนะ”
ชานนท์พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินตรงไปตรงที่ผู้หญิงคนเดิมที่เคยส่งสายตามาก่อนหน้านี้ อาทิตย์ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่ได้รู้สึกอะไร ถึงแม้ว่าระหว่างที่รอมารินเรียนจบเข้าจะหาความสุขใส่ตัวบ้างก็ได้ในเมื่อทั้งสองคนยังไม่ได้เป็นอะไรกันก็ย่อมไม่ผิด แต่พอเขารู้ตัวว่าตกหลุมรักหญิงสาวเข้าให้แล้วมันก็เหมือนกับเขาหมดอารมณ์กับผู้หญิงคนอื่นๆ ไปเสียอย่างนั้นเลย
-----------------------------------------
-----------------------------------------
อีพี่มันล็อคเป้าเตรียมจำศีลรอน้องแล้วนะ!
ไม่รู้ว่าจะต้องเอ็นดูใครดีระหว่างอีพี่ที่ใจเย็นขนาดนี้ กับยัยน้องรินที่ต้องเจอศึกหนักจากเสือจำศีล