“งาม เย็นนี้ไปเป็นเด็กปั๊มอีกหรือเปล่า” เสียงเรียกของเพื่อนร่วมงานทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาขัดอ่างล้างหน้าในห้องน้ำหญิงอยู่เงยขึ้นและหันไปมอง
“ไปสิ มีอะไรหรือเปล่ารส”
รสรินเพื่อนวัยเดียวกันกับหล่อนเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
“ก็ว่าจะชวนไปกินหมูกระทะด้วยกันสักหน่อย”
“ขอโทษจริงๆ นะรส ฉันไม่ว่างจริงๆ น่ะ”
งามระยับขอโทษขอโพยเพื่อนและก็ยังไม่หยุดมือที่ทำงานตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมต้องทำงานหนักแบบนี้นะงาม เงินเดือนแม่บ้านอย่างเราไม่พอใช้เหรอ แถมพ่อเธอก็ทำงานด้วยนี่นา”
คราวนี้มือที่ขัดอ่างล้างหน้าอยู่หยุดเคลื่อนไหว และหันมาตอบคนตั้งคำถาม
“ฉันชอบเงินน่ะ แค่ได้กลิ่นของมันฉันก็มีความสุขแล้ว”
“ตายไปก็เอาไปไม่ได้นะจ๊ะ”
งามระยับรู้ดีว่าคำพูดของเพื่อนมันคือเรื่องจริง แต่หล่อนหยุดไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าไม่มีเงิน หล่อนก็จะรู้สึกไม่ปลอดภัย
“ฉันรู้ แต่ถ้าไม่มีเงิน เวลาเจ็บป่วยไปจะทำยังไงล่ะ เราต้องเก็บเงินเอาไว้ยามฉุกเฉิน”
“ก็บัตรสามสิบบาทรักษาทุกโรคไงล่ะ ใช้ไปสิจ๊ะ”
“ต้องต่อคิวยาวเป็นปีๆ คงไม่ไหวหรอกรส ให้ฉันทำงานหนักแบบนี้น่ะดีแล้ว ฉันจะได้เก็บเงินเอาไว้ใช้ยามที่จำเป็น และไม่อยากจะไปหยิบยืมใครด้วย”
รสรินฟังเพื่อนพูดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ทุกคนที่ทำงานร่วมกับงามระยับจะรู้ดีว่างามระยับนั้นเค็มระดับมหาสมุทรเลยทีเดียว
“ก็เอาที่สบายใจแล้วกันนะงาม”
งามระยับระบายยิ้มบางๆ และหันไปขัดอ่างล้างหน้าต่อ เพราะยังไม่สะอาด
“แล้ววันนี้ไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกันหรือเปล่า หรือว่าห่อข้าวมาอีกล่ะ”
“ฉันห่อมาน่ะ”
“ไข่เจียวหรือปลากระป๋องล่ะวันนี้” รสรินเอ่ยถามอย่างรู้ทัน
งามระยับระบายยิ้มน้อยๆ “วันนี้ไข่ต้มจ้ะ แต่ฉันทำน้ำพริกป่นมาด้วย กินด้วยกันแซบหลาย”
รสรินพยักหน้ารับน้อยๆ “งั้นฉันไปกินข้าวที่โรงอาหารก่อนนะ เธอก็รีบพักล่ะ อย่าขยันให้มากนัก เพราะยังไงเงินเดือนก็เท่าเดิม”
“เดี๋ยวขัดนี่เสร็จก็ไปกินแล้วจ้ะ”
หล่อนตอบรสริน และตั้งหน้าตั้งตาขัดอ่างล้างหน้าจนสะอาดเอี่ยม จากนั้นก็เก็บข้าวเก็บของ พร้อมกับหยิบกล่องใส่ข้าวของตัวเองถือไปนั่งกินใต้พุ่มไม้ที่เดิม
“พี่นั่งด้วยคนสิงาม”
งามระยับหันไปทางเสียงเรียกก็เห็นว่าวศินยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง ในมือถือถุงใส่อาหารมาเยอะแยะเลยทีเดียว
“แหม ไม่เห็นต้องของามเลยค่ะ งามไม่ได้เป็นเจ้าของโต๊ะนี้สักหน่อย” หล่อนกระเซ้ากลับไป
วศินเวรเปลหนุ่มที่อยู่บ้านติดกันกับงามระยับทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หญิงสาวที่ตัวเองสนใจ และนำเสนออาหารที่ตัวเองซื้อติดมือมาให้กับหญิงสาวอย่างภาคภูมิใจ
“ของชอบของงามทั้งนั้นเลยนะเนี่ย”
กลิ่นของอาหารก็ทำให้งามระยับน้ำลายสอไม่น้อย แต่หล่อนก็อดที่จะเตือนวศินไม่ได้
“ทำไมสิ้นเปลื้องแบบนี้ล่ะคะ ซื้อมาเยอะแบบนี้พี่กินหมดเหรอ”
“ก็พี่ซื้อมาเผื่องามด้วยไงครับ”
“ถึงงามจะกินด้วย แต่ก็ไม่หมดหรอกค่ะ” งามระยับมองอาหารตรงหน้าอย่างเสียดาย
“กว่าเราจะทำงานได้เงินแต่ละบาท เหงื่อแทบไหลออกหมดตัว แถมยังต้องถูกโขกสับอีกไม่รู้กี่ครั้ง งามไม่อยากให้พี่วศินต้องเอาเงินมาละลายกับของกินพวกนี้ค่ะ เรากินแบบพอเพียงดีกว่า”
“พี่ก็แค่...อยากให้งามกินของดีๆ บ้าง ไม่ใช่แค่ไข่กับปลากระป๋องน่ะ”
หล่อนเข้าใจวศิน แต่ก็ยังอดรู้สึกแย่ไม่ได้อยู่ดี เพราะเสียดายเงินที่วศินจ่ายไป
“ซื้อมาแค่อย่างเดียวก็พอนะคะ อย่าซื้อมาเยอะแบบนี้อีก”
วศินระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นมือมากุมมือเล็กของงามระยับที่วางนิ่งอยู่
“ถ้าเป็นความต้องการของงาม พี่วศินคนนี้ยินดีทำให้ได้เสมอครับ”
งามระยับยิ้มน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของวศิน
“ดีมากค่ะที่เชื่อฟังน้อง” หล่อนหัวเราะร่วน ก่อนจะตักอาหารใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
วศินจ้องมองงามระยับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย ถึงเขาจะยังไม่เคยสารภาพออกไปตรงๆ ว่าชอบงามระยับ แต่เขาคิดว่าหล่อนน่าจะพอรู้บ้างแหละว่าเขาคิดยังไง
“กินเยอะๆ นะงาม จะได้มีแรงทำงาน”
“ค่ะ พี่วศินก็กินด้วยสิคะ”
งามระยับพูดทั้งๆ ที่มีอาหารอัดแน่นอยู่เต็มปาก หล่อนตักอาหารใส่จานให้กับวศินผู้เป็นเจ้ามืออย่างเอาใจ และก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย
ในขณะที่สองหนุ่มสาวกำลังพูดคุยหยอกล้อและกินข้าวกลางวันกันอยู่ใต้ต้นหูกวางนั้น ไทเรลล์ที่กำลังจะเดินไปยังโรงอาหารก็อดที่จะชะงักเท้าและหยุดมองภาพนั้นไม่ได้
แม้จะเคยเห็นจนชินตาแล้วกับภาพของหนุ่มเวรเปลคนนี้กับงามระยับ แต่เขาก็ทำใจให้ชาชินไม่ได้เสียที เพราะเป็นผู้ชายด้วยกันทำไมจะดูไม่ออกว่าไอ้หนุ่มวัยยี่สิบปลายๆ คนนั้นคิดยังไงกับผู้หญิงที่เขาหมายตาเอาไว้
กรามแกร่งที่มีไรหนวดขึ้นพองามขบกันเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตัดใจ หยุดมอง และเดินไปจากตรงนั้นโดยเร็วที่สุด
เขาภาวนาให้งามระยับคิดกับผู้ชายคนนั้นเพียงแค่พี่น้องกันเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นมดแดงแฝงพวงมะม่วงเช่นเขาก็จะต้องอกหักอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่แท้