สิงหาปล่อยควันขาวคลุ้งให้ลอยกระจายตัวอยู่ในอากาศ จมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่สายตาจะหันกลับไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง
แววตาคมทอแสงอ่อนลงในยามที่มองเห็นเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่ที่พื้น แว๊บหนึ่งก็หันกลับไปมองแผ่นหลังขาวเนียนที่โผล่พ้นขอบผ้าห่มหนาอีกครั้ง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกแบบไหน ถ้าจะบอกว่าตัวเขากำลังรู้สึกผิด แล้วเขาควรต้องจมอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นเหรอ ในเมื่อคนที่เริ่มคือเธอไม่ใช่เขา
เธอที่เป็นคนเริ่ม หมายถึงเธอที่เป็นคนลิขิตให้ทุกอย่างมันออกมาเป็นแบบนี้ เธอเลือกเอง พระพายอาจจะมองว่าช่วยเหลือคนในครอบครัวแต่ตรงกันข้ามสิ่งที่เธอทำมันเป็นการทำร้ายเขา ทำร้ายกันแบบสาหัสที่สุด ในเมื่อเธอเองที่เป็นคนเริ่มแล้วเขาควรสงสารเธองั้นเหรอ มันไม่สมควรแล้วหรือไงที่เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ทุกอย่างมันเป็นเพราะตัวเธอเอง หากวันนี้เธอจะเสียใจเธอควรโทษตัวเอง และโทษน้องสาวตัวเองที่ทิ้งความรับผิดชอบให้เธอ
สิงหาขับไล่ความรู้สึกแปลกๆ ที่มันกำลังรบกวนอยู่ในหัวก่อนจะหันหลังกลับ ทิ้งสายตามองทิวทัศน์ด้านนอกของเวลากลางคืนพลางคิดไปว่า หากสี่เดือนที่แล้วไม่มีอะไรผิดพลาด เขาคงมีความสุขมากกว่านี้ ข้างกายของเขาคงเป็นผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจ ต่อให้เขาถามตัวเองร้อยครั้งว่าเขาผิดอะไรเขาถึงต้องเจออะไรแบบนี้ สุดท้ายเขาก็ไม่เคยได้คำตอบของเรื่องนี้เลย
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์มือถือที่ถือติดมือออกมาสั่นสะเทือนขึ้นส่งผลให้ดวงตาคมกริบละจากทิวทัศน์ด้านนอกมาจดจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์อย่างเก่า ประกายตาคมลุกวาว เพียงแค่เห็นว่าเป็นรายชื่อของใครที่กำลังโทรมา
แว๊บนึงที่หลุดเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน เชื่อว่าเขาคงเดาไม่ผิดแน่ คนในสายที่โทรมา ไม่ได้อยากมีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับเขาแน่นอน
“โทรมาดึกขนาดนี้มึงมีธุระอะไรกับกูไม่ทราบ”
(ทำไมต้องเสียงแข็งขนาดนี้ด้วยวะ กูทำอะไรให้มึงไม่พอใจหรือเปล่าเนี่ย) คนในสายค่อนข้างงง ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากันซะเมื่อไหร่ ไม่เคยมีทุกอย่างมันปกติดี แล้วมันเกิดบ้าอะไรถึงมาใช้เสียงแบบนี้
“ที่โทรมาคงไม่ได้จะโทรมาเพื่อฟังน้ำเสียงกูหรอกใช่ไหม ถ้าใช่ก็รีบพูดธุระออกมาดีกว่า”
(แหม พอเป็นเพื่อนเป็นฝูงโทรหา ทำทรงไม่ค่อยอยากจะรับสายเลยนะ กูทำอะไรผิดก่อน)
“มึงจะกวนตีนกูอีกนานไหม ถ้าโทรมาด้วยเรื่องแค่นี้กูจะวางสาย”
(เออๆ พูดแล้วๆ) สิงหากระแทกลมหายใจออกมาอย่างแรงอย่างเบื่อหน่าย มันก็อาจจะใช่ที่เขาและเพื่อนไม่ได้มีเรื่องอะไรบาดหมางต่อกันแต่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เขาเห็นและเหตุการณ์เดิมๆ ที่เคยย้อนเข้ามามันกำลังทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่รู้ตัว
(พระพายเป็นอะไรหรือเปล่า พอดีกูไลน์ไปไม่เห็นตอบเลย)
“แล้วทำไมพระพายถึงต้องตอบไลน์มึง มีธุระอะไรที่ต้องคุยกันงั้นเหรอ เพิ่งรู้นะว่ามึงที่เพื่อนสนิทกู สนิทกับเมียกูมากกว่า”
(แหม จะย้ำสถานะอะไรชัดขนาดนั้นทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกันน่ะ) ธันวา ประชดประชันกลับอย่างอดไม่ได้ ทำไมจะไม่รู้นิสัยเพื่อนตัวเองว่าบทที่มันจะร้ายมันร้ายกาจแค่ไหน แล้วตอนนี้เป็นบ้าอะไรก่อน ทำเหมือนหึงทำเหมือนหวงทั้งที่ปากบอกโกรธเกลียดจะตาย
“ทำไม พอรู้ว่ากูไม่ได้เต็มใจแต่งก็เลยอยากอยู่ในสถานะนั้นแทนหรือเปล่า ถ้าจะให้พูดกันตามตรง มึงก็คงรอเสียบอยู่ใช่ไหมล่ะ”
(พูดอะไรของมึงวะ คือกูแค่ถามมึงดีๆ ปะ)
“แล้วมันต่างกันตรงไหน ในเมื่อความคิดในใจของมึงมันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว” สิงหาตอบกลับคนในสายก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
ตอนที่พระพายกลับมา เขาเห็นเต็มตาว่าธันวาเป็นคนมาส่ง เคยเป็นเพื่อนกันน่ะใช่ แต่ต้องยอมรับด้วยว่าธันวาเคยจีบพระพาย ใจอ่อนหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ แม้พระพายจะไม่ได้ยอมรับแต่ก็ไม่เคยปฏิเสธเช่นกัน เวลาโดนอ้อนก็ยิ้ม ก็เห็นเธอมีความสุขดี
(กูแค่เป็นห่วง เขารับปากว่าเขาจะตอบไลน์ แต่พอเขาไม่ตอบก็แค่เป็นห่วงแค่นั้นเอง)
“ไปทำตามที่กูพูดให้ได้ก่อนดีไหม ที่เคยบอกว่าให้ไปเกลี้ยกล่อมให้พระพายยอมบอกความจริงว่าเอาน้องสาวไปซ่อนไว้ที่ไหนน่ะ ถ้ามึงทำสำเร็จ ผู้หญิงคนนี้ถ้ามึงอยากได้ไปดูแล… กูก็จะให้มึง” แม้จะรู้สึกแปลกๆ ในตอนที่เอ่ยประโยคตอนท้าย แต่มันก็เป็นสิ่งที่เขาคิดและตั้งใจที่จะพูดออกมา
(ไอ้เหี้ยสิง มึงแม่ง ทำไมถึงชอบพูดอะไรแบบนี้วะ)
“ ต้องการแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องทำทุกอย่างให้มันซับซ้อนเสียเวลา”
(มึงพูดแบบนี้ แปลว่ามึงไม่แคร์พระพายเลยนะ สี่เดือนที่อยู่ด้วยกันมันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาเลยเหรอวะ รู้แหละว่าอะไรเป็นอะไร แต่มึงก็รู้ว่าพระพายไม่เคยคิดร้ายกับมึงนะสิง อย่าลืมสิว่าก่อนหน้านี้ออกจะหวังดีกับมึงด้วยซ้ำ)
“คนที่เขาหวังดีต่อกันเขาไม่ใช้วิธีนี้กันหรอก”
(สิง… มึงต้องให้โอกาสพระพายบ้างนะเว้ย บางทีเค้าก็อาจจะมีเหตุผลของเขาที่บอกเราไม่ได้ก็ได้นะ)
“รู้สึกว่าเพื่อนของกูกำลังเข้าใจคนอื่นมากกว่าเพื่อนตัวเองนะ”
(มันไม่ใช่แบบนั้นเลยเว้ย คือกู….)
“สิ่งเดียวที่กูต้องการคือความจริงที่ว่าผู้หญิงคนนั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน แค่เพลงพิณกลับมา กูจะปล่อยพระพายทันที”
(แล้วถ้าเขากลับมาจริงๆ มึงจะทำยังไงวะ ทุกอย่างจะยังกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า)
“มึงคิดว่ามันจะยังมีวันนั้นอยู่เหรอ?”
(สิง กูว่านะ…..)
“แค่ผู้หญิงคนนั้นกลับมาอยู่ในที่ที่ควรอยู่ แต่มันจะเปลี่ยนแปลงตรงที่ความรู้สึกของกูมันำม่เหมือนเดิม”
(มึงก็รู้ว่าพระพายรักน้องมากแค่ไหน ถ้าทำแบบนั้นพายโกรธมึงแน่)
“จะรู้สึกยังไงก็แล้วแต่ กูไม่ได้แคร์”
(ถ้าจะยืนยันคำเดิมแบบนี้ก็แล้วแต่มึงละกัน สุดท้ายใครเตือนมึงก็ไม่คิดจะฟังอยู่แล้วนี่ แต่จำคำพูดของตัวเองไว้ด้วยก็แล้วกัน ถ้าพระพายจะเปลี่ยนไป จำไว้ว่าเป็นเพราะมึงทำตัวมึงเอง)
“พูดเหมือนเทใจไปฝั่งนั้นแล้วเลยนะ”
(มึงก็รู้ว่ากูหมายความว่ายังไง)
“รักษาระยะห่างด้วย นี่คือสิ่งที่มึงควรทำฝนตอนนี้”
สิงหากดปลายลิ้นเข้ากับกระพุ้งแก้ม หลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะวางสายใส่เพื่อนสนิท เขารู้ว่าระหว่างเราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรต่อกันแต่เขาบอกความต้องการของเขาชัดเจน ธันวาต้องเลือกข้าง ในเมื่อมันเป็นเพื่อนเขา มันจะไปเข้าข้างพระพายมากเกินไปก็ไม่ได้ เขาไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเกิดปัญหา ยิ่งเคยเป็นเพื่อนกันและเคยแอบชอบกันมาก่อนมันอาจจะทำให้ธันวาเข้าใจอีกฝ่ายมากกว่าหรือดีไม่ดีอาจจะโดนเป่าหูก็ได้
สิงหาก้าวขาเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งเป็นจังหวะที่คนบนเตียงขยับตัวอย่างเชื่องช้า อาจจะเป็นเพราะเธอรับรู้ว่ามีคนมองอยู่เปลือกตาจึงค่อยๆ เปิดขึ้น เห็นชัดว่าบริเวณหางตามีหยาดน้ำตาติดอยู่
“วันนี้ทำไมถึงกลับกับไอ้ธัน”
“ธันแค่มาส่ง”
“จะบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเธอโทรบอกให้มันมาส่งล่ะ”
“แค่บังเอิญเจอกัน”
“คำพูดของเธอมันมีอะไรที่เชื่อถือได้บ้าง”
“ในเมื่อพูดออกไปก็ไม่ได้คิดจะฟังแล้วแบบนี้จะถามทำไม”
“เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นแล้วนี่ กล้าเถียงฉอดๆ”
“แบบไหนก็ไม่ชอบอยู่ดีหรือเปล่าสิง ทุกอย่างที่เป็นฉันมันขัดหูขัดตานายไปหมดอยู่แล้ว ฉันพูดถูกไหม”
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่”
“ถ้าจะรู้สึกต่อกันแบบนี้ต่างคนต่างอยู่ไหมล่ะ เผื่อว่ามันจะทำให้นายพอใจ”