“เหมือนฝนจะตกเลยอ่ะแก” สองสาวเดินออกมาจากร้านหมูกระทะในตอนสี่ทุ่มตรง บรรยากาศรอบตัวมีเสียงฟ้าร้องและละอองฝนกำลังโปรยปรายลงมา เป็นสัญญาณเตือนที่ทำให้รู้ว่าอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้สายฝนคงเทกระหน่ำลงมาอย่างแน่นอน
“งั้นฉันไปส่งแกที่บ้านก่อนละกัน”
“แกจะทำแบบนั้นได้ยังไง ผัวแกโทรมาบอกว่าลูกตัวร้อนไม่ใช่เหรอ” ถามกลับแทบจะทันที
“ก็ใช่ แต่เดี๋ยวฉันโทรบอกอาร์ตก่อนว่าแวะไปส่งแกแป๊บนึง ผัวฉันเข้าใจอยู่แล้ว” อาร์ตสามีของปริมที่อยู่กินกันมาปีกว่าๆ เป็นคนที่ใจเย็น มีเหตุผล ตัวเธอเองก็เชื่อว่าหากปริมลดาอธิบายเหตุผลเพื่อขอไปส่งของเธอก่อนทางนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ติดที่ตัวเธอเองก็เกรงใจเพื่อน เกรงใจสามีเพื่อนด้วย ไหนจะลูกของเพื่อนไม่สบายอีก เพื่อนเธอควรรีบกลับบ้าน แค่ออกมานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนกันแค่นั้นมันก็มากพอแล้ว
“เอางั้นเหรอ แล้วฝนกำลังจะตกแบบเนี่ยจะหาแท็กซี่ที่ไหนล่ะเนี่ย ไอ้ร้านที่อยู่ใกล้บ้านก็ดันไม่อร่อยเหมือนร้านนี้ซะด้วยสิ เลยต้องออกมาทานซะไกล”
“ไม่เป็นไรแก อย่าคิดมาก ไว้ฉันยืนรอรถที่นี่ก็ได้ แกกลับเลย เดี๋ยวแท็กซี่ก็คงมา หาไม่ยากหรอก” แตะมือลงที่ไหล่เพื่อน ทำไมจะไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอทั้งร้อนใจเป็นห่วงคนที่บ้านและเป็นห่วงเธอที่ไม่มีรถกลับพอกัน
“แบตมือถือแกก็หมดอีกต่างหาก ถ้าแกจะให้ฉันกลับก่อนทันทีที่กลับถึงบ้านแกต้องไลน์มาบอกฉันด้วยนะ”
“ได้อยู่แล้ว แกรีบกลับเลย เผื่อตัวเล็กไม่สบายอาจจะต้องพาไปหาหมออีก”
“เคๆ ไว้เจอกันนะแก”
“โอเค ขับรถดีๆ ล่ะ”
“จ้า” ปริมลดาโบกมือลาก่อนจะตรงไปที่รถ ห่วงเพื่อนก็ห่วงแต่ตัวเล็กที่ไม่สบายกำลังรอแม่กลับบ้านก็แสนห่วงเช่นกัน
พระพายยืนกวาดสายตามองหาแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน และรู้อยู่เต็มอกว่ามันคงเป็นอะไรที่ลำบากเพิ่มไปอีกเพราะฝนกำลังจะตกนี่แหละ และขณะที่กำลังมองหา กลับมีรถของใครบางคนมาจอดเทียบอยู่ด้านหน้า ทันทีที่เจ้าของรถลดกระจกลงเธอจึงเห็นว่าคนคนนั้นคือใคร
“ธัน….”
“พาย มาทานข้าวที่นี่เหรอ” ธันวากวาดสายตามองเข้าไปในร้าน และพยายามมองหาใครบางคนที่อาจจะมาที่นี่กับพระพายด้วย แต่พอมองไม่เห็นใครมันอาจจะเป็นคำตอบได้ว่าเธออาจจะมาที่นี่คนเดียว
“ใช่ มากินหมูกระทะน่ะ ปริมบอกว่าร้านนี้อร่อย”
“อ๋อ แล้วปริมล่ะ”
“พอดีว่าลูกของปริมไม่สบายเลยต้องรีบกลับก่อน”
“อ้าวเหรอ แล้วนี่พายกำลังจะกลับบ้านเหมือนกันเหรอ” คนตัวเล็กพยักหน้ารับก่อนที่ธันวาจะเอ่ยขึ้นมา
“งั้นก็ขึ้นรถเลยกลับพร้อมกัน เดี๋ยวเราไปส่งเอง”
“ธันกำลังจะไปไหน มีธุระที่ไหนต้องไปหรือเปล่า เราไม่อยากรบกวน”
“ไม่มีธุระต้องไปแล้ว นี่ก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านเหมือนกัน ขึ้นรถเถอะเดี๋ยวเราไปส่งบ้าน”
“เอาแบบนั้นก็ได้ขอบใจมากนะ” เพราะไม่อยากเรื่องมากและเชื่อว่าหากต้องยืนหารถต่อไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน จริงๆการกลับกับธันวามันก็ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ทำให้ตัดสินใจยากสักเท่าไหร่ เราสองคนเป็นเพื่อนกันรู้จักกันมานานแล้วและอีกอย่างธันวาก็ไว้ใจได้
@บนรถ
“แล้วนี่ถ้าเราไม่บังเอิญมาเจอ พายก็ต้องยืนรอแท็กซี่แบบนี้เหรอ”
“อือ ตอนแรกปริมจะไปส่ง แต่เห็นว่าหลานไม่สบายเลยอยากให้ปริมกลับบ้านก่อน”
“แล้วทำไมไม่โทรหาไอ้สิง ฝนตกแบบนี้ทำไมไม่โทรให้มันมารับ” คนถูกถามเม้มริมฝีปากแน่นคำตอบในใจของเธอเอาจริงๆ เธอแทบไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าหากโทรไปขอความช่วยเหลือจากเขาเขาจะยอมเห็นใจและยอมช่วยเหลือเธอหรือเปล่า นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่เธอขอกลับพร้อมเขาเขายังเลือกที่จะปล่อยเธอทิ้งไว้แบบนั้นทั้งที่เห็นอยู่ว่าฝนกำลังจะตก คนแบบเขามันเลือดเย็นเกินกว่าจะไปขอร้องขอความเห็นใจ
“พอดีว่าแบตโทรศัพท์หมดน่ะ” เพราะไม่อยากมีปัญหาและไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเลยเลือกที่จะตอบออกไปแบบนั้น
“อ๋อ แล้วอยู่ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง ทะเลาะกับไอ้สิงมันไหม”
“ธันก็รู้ว่าเพื่อนธันโกรธเรามาก”
“บางทีไอ้สิงมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ควรเข้าใจง่ายๆ มันก็ทำตัวแปลกด้วยการเข้าใจยาก เบื่อหน้ามันเหมือนกัน” พระพายยิ้มแทนคำตอบ
“แล้วครอบครัวของพายเป็นยังไงบ้างพ่อแม่สบายดีหรือเปล่า”
“สบายดี ขอบใจมากนะ”
“ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย ถ้ามีอะไรไม่สบายใจหรือมีเรื่องอะไรอยากให้ช่วยพายบอกได้ตลอดเลยนะไม่ต้องเกรงใจถือว่าเพื่อนช่วยเพื่อนนั่นแหละ”
“โอเค ขอบใจมาก” ธันวาหันมองคนข้างๆ เล็กน้อย ยอมรับว่าเขากำลังคิดว่าเขาควรคุยกับเธอในเรื่องที่คุยกับสิงหาก่อนหน้านี้ดีไหม
หากเขาพูดแล้วได้ผลมันก็เป็นผลดีกับพระพายเธอจะได้ไม่ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ต้องทนแบกรับความผิดทั้งที่คนผิดมันไม่ใช่เธอ
“พาย…”
“ว่า”
“ทำไมพายไม่บอกไอ้สิงไป ว่าพิณอยู่ที่ไหนหรือพายเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” คนถูกถามหันมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างกันเล็กน้อย
“ทำไมถึงถามแบบนี้”
“เอาความจริงเลยก็แล้วกันนะ ที่จริงไอ้สิงมันเคยบอกเรา ว่าถ้ามันรู้ว่าพิณอยู่ที่ไหนมันจะปล่อยพายให้เป็นอิสระ มันจะไม่ยุ่งไม่วุ่นวายอีกเลย” คนฟังหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ในเมื่อเขากล้าที่จะคุยกับเธอตรงๆ เธอเองก็พร้อมที่จะคุยตรงๆ เช่นกัน
“เขาอาจจะปล่อยเราก็จริงเพราะเขาจะไปเอาคืนน้องสาวเราไง”
“จริงๆ สองคนนั้นเคยรักกันมาก ตอนนี้มันอาจจะโกรธแต่บางทีถ้าสองคนนั้นกลับมาเจอหน้ากันความโกรธมันอาจจะลดลงก็ได้นะ พายก็รู้ว่าไอ้สิงมันรักพิณมาก”
“ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็คงดีนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงเชื่อแต่ตอนนี้สิงหาเปลี่ยนไปมากเลยนะเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้วตอนนี้ทุกอย่างภายในใจของเขามีแต่คำว่าโกรธเกลียดอยากแก้แค้น อยากเอาคืน เราแทบมองไม่เห็นความเป็นไปได้ที่เขาจะให้อภัยเลย”
“พายคิดแบบนั้นเหรอ”
“เราเชื่อว่าสิ่งที่เราคิดมันถูกต้องที่สุดแล้ว สองหาไม่มีทางให้อภัยง่ายๆ แน่”
“งั้นเอาเป็นว่าถ้ามีอะไรอยากให้เราช่วย พายบอกเรานะ เราเต็มใจช่วยทุกเรื่องเลย”
“ขอบใจนะ เรารู้ว่าน้องของเราทำให้เขาเสียใจเหตุผลที่วันนี้เรายอมทน เพราะเราอยากชดเชยให้เขา ไม่ว่าสิงหาจะเห็นค่าหรือไม่เห็นค่าก็ตาม” ธันวาพยักหน้ารับ เขาเองก็เข้าใจว่าพระพายรักน้องมากแค่ไหน แต่อีกมุมมองหนึ่งคือเขาเองก็รู้ว่าพระพายหวังดีกับสิงหาไม่ต่างกัน
สุดท้ายพอต้องเลือกระหว่างน้องสาวและเพื่อน พระพายเลือกน้องสาวสินะ ที่จริงมันก็คงต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว