“อยากได้เงินมากขนาดนั้นเลยหรือ” พสุธาถามจบไม่รอคำตอบ สั่งเสียงเข้มอย่างคนเคยชินเป็นนิสัย “ไปนอนได้แล้ว”
อภิยาตกใจเสียงของเขา รีบหมุนตัวเดินไว ๆ กลับเข้าห้องพักคนงานของตนเองในทันที
นึกถึงที่พ่อโทรมาสั่งเขาว่าให้จัดการยัยนี่ให้หนัก
เอาไว้ก่อนเถอะ เรื่องนั้นไม่ได้สำคัญกับชีวิตของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เอาไว้จัดการกับผู้หญิงคนนั้นวันหลัง พสุธาคิดพร้อมกับเดินเข้าบ้าน ตรงขึ้นไปยังห้องส่วนตัวของเขาหลังจากนั้น
อภิยากลับไปนอนได้หน่อยเดียวก็ตื่น เธอลุกขึ้นตอนตีสี่ พอออกจากที่นอนได้แล้ว ก็รีบเข้าไปช่วยงานในห้องครัวก่อนเป็นอันดับแรก เสร็จเรียบร้อย เข้าห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ เพื่อออกมารอจะไปทำงานที่ออฟฟิศตามที่พสุธาได้บอกเอาไว้
ตอนนั้นเอง มีเสียงดังที่หน้าบ้าน หญิงสาวเพิ่งเดินพ้นจากหลังบ้านมา เธอมองอย่างสนใจว่ามีอะไรกัน จนเห็นว่าต่องยืนดูเหตุการณ์ตรงนั้นพอดี เลยตรงเข้าไปถาม
“มีอะไรกันหรือพี่ต่อง”
“ไอ้หนอม คนงานในสวน มันขโมยของไปขายน่ะสิ”
“ไหนหรือจ๊ะ” ถามพร้อมกับเขย่งขึ้นมองเพราะความสูงไม่ทัดเทียมคนอื่น ๆ ที่มุงดูอยู่ก่อนหน้า แล้วถึงได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างกับชายคนเมื่อวานที่พาเธอเข้ามาที่นี่ กำลังยืนคอตกเป็นจำเลยอยู่กลางวงล้อม ก็นึกเห็นใจ บอกต่องไปว่า “ไม่ใช่หรอกมั้งพี่ต่อง”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นเขาว่ามันขโมย แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานว่ามันขโมยเลยนะ”
ต่องเล่าจบ เธอก็นึกถึงที่ต่องบอกเมื่อวานได้ ว่าพสุธาเป็นพวกไม่มีเหตุผล อยากไล่ใครออกก็ไล่ อ้อ เป็นอย่างนี้เอง ได้ยินตอนแรกเธอไม่เชื่อต่อง ตอนนี้ชักอยากจะเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว จึงถามต่องไปว่า
“เขาไปขโมยของตอนไหนหรือพี่ต่อง”
“เห็นว่าตอนบ่ายสามมั้งนะ ตอนนั้นคนงานจะเปลี่ยนกะพอดี เขาเลยว่ามันคงอาศัยจังหวะนั้นแหละขโมย”
ตอนบ่ายสามเธอมาถึงที่นี่ และชายคนนั้นก็ขับรถมาจากทางถนนใหญ่ เขาเป็นคนพาเธอเข้ามาในนี้นี่นา จะเอาเวลาตอนไหนไปขโมย
“ไม่ใช่หรอกพี่ต่อง เข้าใจผิดกันแล้วล่ะ” อภิยาบอกกับต่องแล้ว ก็หาทางแหวกคนเข้าไปยังด้านในวงล้อมที่เหมือนกำลังพิพากษาคนงานคนนั้นอยู่
พอมุดเข้าไปได้ ก็ส่งเสียงถามออกไปว่า
“ทำไมถึงคิดว่าเขาขโมยของไปขายล่ะคะ มีหลักฐานแล้วหรือ” เธอถาม พร้อมกับมองไปรอบ ๆ เห็นว่าเจ้าของไร่เทียมพสุธาเองก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เขามองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยติดเย็นชา
หญิงสาวมองไปรอบวงอีกที เอ่ยขึ้นอีกประโยค
“ของพวกนี้ เขาอาจจะซื้อมาจากข้างนอกก็ได้นี่คะ”
พสุธาก้าวออกมาก้าวหนึ่ง ถามเสียงเครียด “แล้วรู้ได้ยังไงว่ามันไม่ได้ขโมยจากในนี้”
“แล้วคุณพุธรู้ได้ยังไงล่ะคะว่าของพวกนี้เป็นของในไร่คุณ”
ชายร่างใหญ่ที่ยืนรายล้อมเงียบกริบ ไม่ใช่ว่าไม่มีใครกล้าเถียง แต่เพราะสายตาของเจ้าของไร่เทียมพสุธาที่ยืนกลางวงล้อมนั่นต่างหาก ดวงตากำลังลุกเป็นไฟเพราะมีคนกล้าเข้าไปแทรกการตัดสินใจของเขาอยู่
พสุธาพยักพเยิดหน้าถามด้วยท่าทีไม่พอใจ
“แล้วเธอไปแก้ต่างให้ไอ้หนอมทำไม”
“หยินไม่ได้แก้ต่างค่ะ หยินแค่ถามว่ารู้กันได้ยังไง ว่าอันไหนของที่ในไร่ อันไหนของข้างนอก บางทีเขาอาจซื้อมาจากข้างนอกก็ได้นี่คะ”
มีเสียงโวยที่อีกด้านดังขึ้นทันทีหลังจากเธอถามจบ “ไม่มีทาง”
“ไอ้หนอมมันทำงานเป็นคนงานขนของ มันจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อของได้เยอะแยะขนาดนี้”
พสุธาเลื่อนสายตาจากเธอไปมองยังนเรนทร์ สั่งด้วยสายตาว่าให้จัดการตรงนี้ด้วย แล้วเข้าไปดึงเธอออกจากวงล้อม ตรงไปยังรถยนต์คันใหญ่ที่จอดอยู่ เขาเปิดประตูรถได้ ดันเธอให้เข้าไปในนั้น แล้วตามขึ้นนั่งที่ฝั่งคนขับ พารถออกจากบริเวณนั้นไป พร้อมพูดเสียงเข้มขึ้นว่า
“ที่นี่มีเจ้าของคนเดียวชื่อพสุธา เธอมาทำงานใหม่อาจจะยังไม่รู้กฎ ไม่รู้ระเบียบดี แต่ควรต้องรู้กฎขั้นพื้นฐานเอาไว้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์มาท้วง แย้ง แทรกแซงหรือต่อปากต่อคำกับเจ้าของพื้นที่”
ได้ยินเขาว่ามาแบบนั้นก็นั่งเงียบ ยังไม่ทันพูดอะไร พสุธาออกปากไล่เธอ “หรือถ้าไม่พอใจ ก็ไปทำงานที่อื่นได้เลย ที่นี่ไม่เคยง้อคน”
ใครว่าเธอโกรธคนไม่เป็น ได้ยินเขาไล่แบบนี้ ก็ให้โกรธขึ้นมาเหมือนกัน “ถือว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นหรือยังไงคะ เลยคิดจะไล่ใครให้ไปที่ไหนก็ได้อย่างนั้นน่ะ”
“ไม่เคยคิดแบบนั้น อย่ามากล่าวหาลอย ๆ แล้วตกลงจะไปทำงานที่อื่นไหม ถ้าจะไป ก็เก็บกระเป๋าแล้วออกไปได้เลย”
ตอบเขากลับแทบทันทีแบบไม่ต้องคิดทบทวน “ไม่ไปค่ะ”
ใบหน้าบึ้งตึงของพสุธากระตุกนิดเดียวหลังจบคำตอบของเธอ เขาขับรถตรงไปยังด้านหน้า ที่นั่นมีร้านขายของและคาเฟ่ตั้งอยู่
เสียงถามของเขาติดห้วนไม่น้อย “กินข้าวหรือยัง”
เงียบไปครู่เดียว ค่อยตอบเขากลับไปว่า “ยังค่ะ”
“แล้วทำไมไม่กิน”
เธอช่วยงานในครัวเสร็จ ก็รีบเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วถึงได้ยินเสียงเอะอะดังตรงหน้าบ้านเสียก่อนเลยเข้าไปดู ก่อนถูกเขาดึงออกจากวงล้อม ลากขึ้นรถ จะเอาเวลาไหนไปกิน
เธอเงียบ นั่งถอนลมหายใจเบา ๆ ไม่ได้ตอบอะไรเขาไป เพราะถ้าตอบก็คงยาว ประเดี๋ยวเขาจะหาว่าเธอมีข้อโต้แย้งกับเขาอีก
พสุธาเหลือบตามองหญิงสาวที่เบาะข้าง ๆ
แม่นี่คงอยากเรียกร้องความสนใจจากเขาอยู่แน่ ๆ