“เฮ้ย มีใครอยู่บ้านบ้างวะเนี่ย”
ตะโกนจบก็มีเสียงตอบพร้อมร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหาเขาอีกครั้ง “มีค่ะ”
พสุธาพูดโดยไม่มองหน้าเธอ
“ไปเอาขนมปังอะไรที่เธอว่านั่นมาซิ”
“ค่ะ” รับคำเขา รีบหันหลังพร้อมกับอมยิ้มนิด ๆ วิ่งเข้าไปที่ในห้องครัว ไม่นานก็ออกมาพร้อมถาดใส่อาหารเช้าที่เตรียมไว้ให้เขา
“ตบท้ายด้วยแตงโมนะคะ ขนมปังให้พลังงานที่ดีแก่ร่างกาย ส่วนแตงโมมีสาร...”
“ซิทรูลีน (Citrulline)” พสุธาชิงตอบขึ้นมาก่อน
อภิยาอมยิ้มแล้วถามเขากลับไปว่า “คุณพุธก็รู้จักด้วยหรือคะ”
พสุธาเหล่ตามองดุ ๆ ยัดขนมปังโฮลวีตเข้าปากเคี้ยวพร้อมถามกลับมาว่า “หน้าตาดูโง่มากหรือไง”
เธอยิ้มแล้วก็เลือกจะไม่ตอบเขาดีกว่า ร่ายให้ฟังถึงสรรพคุณของอาหารตรงหน้าเขาต่อจากนั้น “ในเม็ดแตงโมยังมีสรรพคุณช่วยแก้กระหายน้ำแล้วยังถอนพิษสุราได้ด้วยนะคะ”
พสุธาเบือนหน้าไปทางอื่น เขาต้องฟังเลกเชอร์เรื่องสารอาหารตอนเช้านี้ด้วยหรือไงวะ ถามแทรกอย่างเบื่อ ๆ
“คุณน้อมไปไหน”
“ไปวัดค่ะ วันนี้วันพระ” บอกจบก็วิ่งกลับเข้าไปในครัว ออกมาพร้อมน้ำสีเหลืองอ่อนในแก้วใบใส
พสุธามองนิ่ง ๆ “อะไรของเธออีก”
“น้ำขิงค่ะ ช่วยให้หายแฮงก์ได้ค่ะ”
พสุธาส่ายหัว หยิบขนมปังอีกแผ่นเข้าปากเคี้ยวแล้วว่า “นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเธอเรียนคณะอะไรมานะ นึกว่าเรียนพวกวิทยาศาสตร์อาหารหรืออะไรพวกนั้นซะอีก”
“หยินก็อยากเรียนนะคะ แต่ความรู้พวกนี้หาได้ง่าย ๆ ค่ะ ไม่ต้องไปเรียนที่ไหนหรอก จริง ๆ หยินก็ได้ความรู้พวกนี้จากตอนไปทำงานพิเศษที่บ้านของคุณ...”
พสุธาเลิกสนใจ พร้อมกับที่มีเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขัดพอดี ล้วงเอาขึ้นมาดู ก่อนจะยื่นมือไปหยิบแตงโมมาสามชิ้นยัดเข้าปากแล้วเลี่ยงออกไปรับสายที่ด้านนอก
“ครับ”
“ก็...” เขาบอกไม่เต็มเสียงนัก “ยังครับ”
พสุธาพูดได้แค่นั้นก็จำต้องเงียบ เมื่อปลายสายตวาดต่อว่าเขาเป็นชุดที่เขายังไม่ลงมือทำอะไรเลย ฟังไป หันมองในบ้านไปพลาง ร่างเล็ก ๆ นั่นมองตามเขาอีกต่างหาก
เจ้าหล่อนยิ้มให้เขา ทำปากขมุบขมิบอะไรสักอย่าง คงหมายถึงอาหารบนโต๊ะล่ะมั้ง เลยโบกมือว่าให้เก็บไป แล้วเดินขึ้นรถ ขับไปยังออฟฟิศ ไม่ได้ลากเอาแม่นั่นขึ้นรถไปด้วยแบบวันนั้นอีก
อภิยามองตามท้ายรถของเขาแล้วก็ยักไหล่
หวังว่าอาการแฮงก์ของเขาจะหายดีและไม่รบกวนการทำงานของเขานะ
เธอตั้งใจทำงาน ทำเกินหน้าที่ เกินเงินค่าจ้างแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะไปทำที่ไหน ทำเพราะอยากทำ ไม่ได้คิดเอาหน้าแต่อย่างใด แล้วก็หวังว่านายจ้างจะเข้าใจเธอ
หญิงสาวเข้าบ้าน คว้าถุงใส่กล่องข้าวมื้อเที่ยงที่ขอคุณน้อมห่อใส่กล่องไปกินที่สำนักงาน แล้วเดินไปตามทางจนถึงหน้าอาคารสำนักงานในที่สุด
ก่อนจะลงมือทำงานของวันนั้น ถึงเวลาเลิกงาน เธออยู่ต่ออีกเกือบหกโมงเย็น ในขณะที่คนอื่น ๆ กลับกันไปหมดแล้ว แม่บ้านมานั่งรอจะปิดอาคาร เธอช่วยแม่บ้านปิดห้องหับจนเรียบร้อย ออกจากตรงนั้นได้ ก็เดินกลับเข้าบ้าน เก็บข้าวของแล้วก็ช่วยเหลืองานบ้านต่อจากนั้น
พสุธาเลิกจากงานแล้ว ก็จำใจต้องออกไปดื่มสังสรรค์ตามคำชวนของพรรคพวกอย่างเลี่ยงไม่ได้ พอเดินไปถึงรถ จะออกไปยังจุดนัดหมาย ก็เห็นแต่คำว่า ‘ทุเรศ’ เกลื่อนกระจายเต็มรถไปหมด นึกอะไรได้ว่าเขากำลังจะไปดื่มนี่นา แล้วก็อาจจะเมากลับบ้านเหมือนทุกที เลยหันหลัง ร้องเรียกหาลูกน้องคนสนิท “ศักดิ์”
เรียกไปทีเดียวก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมา เขาส่งเสียงเรียกต่ออีกครั้ง “ไอ้ศักดิ์!”
“ครับเจ้านาย”
“เดี๋ยวมึงไปกับกู”
“ไปไหนหรือครับ”
“ร้านคุณปอเทือง”
“หวานปากไอ้ศักดิ์แล้ววันนี้ เชิญครับเจ้านาย” ศักดิ์วิ่งไปเปิดประตูให้นายพร้อมทำท่าผายมือรอ
“มึงขับรถกลับให้กูด้วย”
“ให้ผมพาเจ้านายไปแล้วก็ให้พากลับด้วย แล้วให้ผมกินด้วยได้ไหมครับ”
“เออ” พสุธาตอบไปคำเดียว แล้วส่งกุญแจรถให้ลูกน้อง “อนุญาตให้กินกับแกล้มได้ แต่ห้ามดื่ม”
“อ้าว ชวนไปเพื่อให้ผมขับรถให้เนี่ยนะครับ”
“เออ มึงไม่รู้หรือไง ว่าเวลาเมาแล้วขับรถน่ะมันทุเรศ”
“อะไรนะครับ”
ศักดิ์พึมพำด้วยความงุนงง พร้อมเกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะขับรถพานายออกจากไร่เทียมพสุธาไป
พสุธาไม่อยากขัดคำชวนของคนกลุ่มนี้
ตั้งใจจะดื่มนิดหน่อย แต่แล้วก็คุยเพลิน หนักอีกตามเคย
เขาดื่มติดกันมาหลายคืนแล้ว แต่คืนนี้ดีหน่อยที่ก่อนมาเขาลากเอาศักดิ์มาเป็นเพื่อนด้วย
ศักดิ์นั่งเฝ้านายจนวงสนทนาเลิก ค่อยพามาส่งที่บ้าน ส่วนตัวเองเดินย้อนกลับไปที่บ้านพักคนงานในตอนตีสามกว่า ๆ เดินไปบ่นไปพลางตามประสาศักดิ์
เช้าวันต่อมาพสุธาตื่นนอนตามเวลาเดิม แต่แล้วกลับไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นมาคอยที่โต๊ะอาหาร คนในบ้านที่กำลังจะดวงขาดคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี เขาส่งสายตามองนิ่ง ๆ ไปทางนั้น แล้วสั่งเสียงเหี้ยมขึ้นว่า
“ไปตามคนนั้นมา”
คนงานตัวสั่น ปากสั่นตอนที่ถามกลับไปว่า
“โคะ คนไหนคะคุณพุธ”
“ก็คนที่มาใหม่นั่นไง อยู่ไหน ไปตามมา”
“ค่ะ ค่ะ ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูรีบไปตามมาให้ค่ะ”
ทางนั้นวิ่งหายไปไม่นาน คนมาใหม่ที่พสุธาเรียกหาก็เดินไว ๆ ด้วยใบหน้าชื้นเหงื่อมาตรงข้างโต๊ะรัยประทานอาหารที่เขานั่งละเลียดกินมื้อเช้าอยู่
“คุณพุธมีอะไรหรือคะ”
“มัวทำอะไร ทำไมไม่คอยมายกจานชามมื้อเช้าตั้งโต๊ะ”
“หยินไปช่วยป้าใจมาค่ะ”
“ป้าใจ?” พสุธาทวนชื่อกับตัวเอง ก็แว่วเสียงตอบกลับมาว่า
“ป้าใจที่ดูแลสวนของบ้านน่ะค่ะ”
เขาจิ้มเนื้อทอดเข้าปากพร้อมกับถามขึ้น “ใครใช้ให้ไปช่วย”
ถามจบเสียงคุณน้อมก็ดังตามมาว่า “น้อมใช้เองค่ะ”