“น้อมใช้เองค่ะ”
พสุธามองไปทางคุณน้อมด้วยสายตาเฉยเมย แต่ในใจติดจะไม่พอใจอยู่บ้าง คุณน้อมเป็นคนที่นเรนทร์หามาให้คอยดูแลความเรียบร้อยภายในบ้านของเขา แต่กลับไม่ฟังคำสั่งของเขา ดูเหมือนจะฟังแต่คำสั่งของนเรนทร์
เขายังไม่คิดจะคัดคนออก แต่ถ้าจะเอาออกเมื่อไร คุณน้อมขึ้นแท่นมาเป็นอันดับหนึ่งในใจเขาเลยล่ะ
บอกเสียงขรึมไปว่า “ทีหลังให้มาคอยยกจาน ยกกับข้าวให้ผมนะคุณน้อม ห้ามใช้งานนอกเหนือจากที่ผมสั่ง”
คุณน้อมหลุบตาลงมองที่มือตัวเอง ตอบเสียงไม่พอใจ “ค่ะ”
“เช้ากับเย็นต้องมาคอยยกอาหารวางตั้งโต๊ะ แล้วก็ยืนคอยใกล้ ๆ นี่ เผื่อมีอะไรจะเรียกใช้จะได้ไม่ต้องแหกปากเหมือนคนบ้า ส่วนงานไหนที่ไม่ได้สั่งก็ไม่ต้องแสล๋นไปทำ”
“ค่ะ” เสียงตอบรับของคุณน้อมดังขึ้นอีกครั้ง
จบธุระแล้ว พสุธาก็บอกเสียงเรียบว่า “ไปได้”
คุณน้อมมองมาที่เธอก่อนจะสั่งสำทับอีกที “ได้ยินคุณพุธพูดไหม ไปได้แล้ว”
พสุธามีสีหน้ารำคาญเล็กน้อย มองไปที่คุณน้อม ก่อนจะบอกว่า “คุณน้อมนั่นแหละ ไปได้แล้ว”
คุณน้อมข่มอาการไม่พอใจเอาไว้ในอก ตอบรับว่า “ค่ะ” ก่อนจะเดินออกจากห้องรับประทานอาหารไปในนาทีต่อมา
เขากินข้าวไม่นานก็ลุกออกจากโต๊ะไป
แล้วสองสัปดาห์หลังจากนั้น อภิยาก็รับหน้าที่ยกอาหารมาวางรอเขา พร้อมกับยืนคอยให้บริการจนกว่าพสุธาจะกินอิ่ม ค่อยออกไปทำงานที่สำนักงานได้ ชีวิตผ่านไปแบบนั้นทุกวัน ๆ
จนมาถึงคืนนี้เองที่พสุธาได้รับเชิญไปงานเลี้ยงฉลองสมรสของบุตรสาวผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดคนหนึ่ง คงไม่พ้นสังสรรค์อีกตามเคย เขาไม่ลืมหอบเอาศักดิ์ไปด้วย เพราะคำว่า ‘ทุเรศ’ ยังผุดเข้ามาในหัวทุกครั้งที่มองไปที่รถของตัวเอง
และคืนนี้เขาก็เมาอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ คงเพราะนั่งรวมโต๊ะกับพรรคพวกคอเดียวกัน กลับถึงบ้าน กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน ก็เห็นร่างเล็ก ๆ นั่งจ๋องอยู่ตรงหน้าบ้าน ดีที่ไอ้ศักดิ์มันง่วงมาก จนมองไม่เห็นร่างเล็ก ๆ ที่นั่งราวกับผีบ้านผีเรือนอยู่ตรงเงามืด ๆ ตรงนั้น
นึกครึ้มใจ เดินไปหา พร้อมกับส่งเสียงทัก
“เธออีกแล้วหรือ มารอเอาอะไรอีกล่ะคืนนี้”
ถามจบก็หันไปมองรถของตัวเอง
คืนนี้เขาเมาจริง แต่ไม่ได้หนักเท่าเมื่อวันโน้น และที่สำคัญ เขาไม่ได้ขับรถกลับด้วย ไอ้ศักดิ์มันขับมา
หวังว่าจะไม่โดนด่าว่าทุเรศอีกนะ
ตาใส ๆ มองเขาเขม็ง แล้วลุกเดินเข้าไปยื่นจมูกดมฟุดฟิด พร้อมกับส่งเสียงถาม “คุณดื่มอีกแล้วหรือคะ”
พสุธาชักโมโห แม่นี่มีสิทธิ์อะไรมาถามเขาแบบนี้ เขาจะดื่มหรือดมอะไรมามันก็เรื่องของเขาหรือเปล่าวะ
“รู้ไหมคะ ว่าคนที่ดื่มมาก ๆ อวัยวะส่วนไหนจะไปก่อน”
พสุธาแกล้งทำมึน ส่งเสียงยานคางว่า “ไม่รู้” แล้วทำท่าเซเข้าไปหาคนถาม ก้มหน้าลงใกล้ ๆ “ส่วนไหนหรือที่จะไปก่อน บน ล่าง หรือกลาง” ถามจบเอนส่วนนั้นเข้าไปใกล้ ๆ คนถามอีกด้วย
อภิยาขยับหนี ตามองท่าทางเมา ๆ มึน ๆ ของเขาแล้วก็ส่ายหน้าน้อย ๆ ไม่พูดอะไร พสุธาเลยว่า “เอ หรือว่าที่มารอนี่ เพราะอยากได้งานสบาย ๆ อย่างเช่นงานบนเตียงทำแทนงานออฟฟิศ พูดมาตรง ๆ เถอะน่า”
เธอถอนใจเบา ๆ บอกกลับไปว่า
“คุณดื่มขนาดนี้ระวังตับจะแข็งก่อนนะคะ”
พสุธาร้องเหอะออกมาดังลั่น เธอมองเขาตรง ๆ แล้วก็พูดออกมาอีกประโยค “หยินเห็นคุณวันแรก ก็นึกชื่นชมคุณมาตลอดว่าคุณเป็นเจ้าของกิจการที่น่าเกรงขามมาก แต่ทำไมถึงพูดจาไม่ดี แล้วยังทำตัวแบบนี้อีกก็ไม่รู้นะคะ น่าผิดหวังจริง ๆ เลยค่ะ” พูดจบ เจ้าหล่อนถอยหลังออกห่างจากเขา ก่อนจะหันกลับไปยังห้องพักของคนงาน
พสุธามองตามด้วยสายตางุนงงเล็กน้อย
อะไรนะ
แม่นั่นบอกว่าผิดหวังในตัวเขาอย่างนั้นหรือ
พสุธาขมวดคิ้วนิด ๆ คิดทบทวนว่า เออ แล้วทำไมเขาจะต้องรู้สึกดาวน์กับคำพูดของแม่นั่นด้วย ผิดหวังก็ช่างแม่งสิวะ
แล้วอดนึกถึงเรื่องที่พ่อของเขาโทรศัพท์เข้ามาหาเมื่อตอนเช้าวันนั้นไม่ได้
‘เรื่องเด็กนั่นไปถึงไหนแล้ว’
ตอนนั้นเขากำลังจะฟังเรื่องที่เจ้าหล่อนคุยอยู่พอดี เลยต้องหยิบแตงโมเข้าปากก่อนจะลุกเดินออกมาจากตรงนั้น ตอบรับพ่อไปแค่ครับคำเดียว ท่านก็ตวาดถามออกมาว่า
‘ว่ายังไง พ่อถามว่าได้เรื่องถึงไหนแล้ว’
‘ก็...ยังครับ’
‘แกต้องจัดการเด็กนั่นให้ไว ทำเป็นไหม จับนังนั่นปล้ำทำเมีย แล้วก็ปล่อยให้มันท้อง ท้องแล้วก็เฉดหัวมันกลับบ้านไปน่ะ ทำได้หรือเปล่า’
แม่นั่นอายุเท่าไรกันเชียว ตัวเล็กนิดเดียว อะไร ๆ ก็คงเล็กไปหมด และเขาก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงที่อะไรเล็ก ๆ แบบนี้เลย ให้ตายเถอะ เขานอนด้วยไม่ลงหรอก
ก่อนจะนึกย้อนจากตัว ลากขึ้นไปถึงใบหน้าที่ไม่ได้สวยมากมายอะไร แต่ก็ดูน่ารักดี พสุธารีบส่ายหัวให้ภาพใบหน้าน่ารักของแม่นั่นหลุดออกไปจากความคิดของเขาเสีย
บอกตัวเองว่าคืนต่อไปเขาจะไม่รับนัดกับใครอีกแล้ว
ขอพักตับสักหน่อยเถอะ
กลัวมีคนผิดหวังในตัวเขาล่ะสิ เสียงหนึ่งในหัวถามขึ้นมา
“ไม่ใช่เว้ย!” พสุธาร้องตอบเสียงดัง ก่อนจะปัดใบหน้าของคนที่บอกว่าผิดหวังในตัวเขาทิ้งไป
ส่วนเรื่องที่พ่อของเขาสั่งนั่น เอาไว้เขาจะหาทางจัดการทำอย่างอื่นที่โหดร้ายไม่แพ้กันเป็นการทดแทน แต่จะให้เขาทำอย่างที่พ่อแนะนำ บอกเลยว่าตอนนี้เขาทำไม่ลง