“ได้ค่ะ”
อภิยาทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ก่อนหน้านี้เสร็จพอดี จึงหอบเอากองเอกสารที่ว่านั่น เดินออกไปตามที่มีคนสั่ง กลับมาแล้วก็มีคนเรียกใช้งานเธออีก ทางนั้นเรียกที ทางนี้เรียกที จนไม่ได้นั่งที่โต๊ะอีกเลย
เธอชอบทำงาน เพราะเวลาทำแล้วรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ ดีกว่าอยู่เฉย ๆ เป็นไหน ๆ แล้ววันนั้นทั้งวัน ชื่อของเธอก็ถูกเรียกใช้อยู่ตลอดที่ในสำนักงานนั่นเอง จนเลิกงานก็เดินไปตามทางกลับเข้าบ้านพัก มาถึงลานบ้านก็เห็นคนงานนั่งจับกลุ่มคุยกัน
“นี่ไง ๆ มาแล้ว”
เสียงคนกลุ่มนั้นพูดซุบซิบบอกกันตอนเธอเดินเข้าบ้านมา จึงหยุดเดินแล้วหันหน้าไปถามพวกเขา “มีอะไรหรือ”
“ดูสิ ถามหน้าตาเอาเรื่องน่าดูเลย”
ท่าทางของเธอดูเป็นแบบนั้นหรือ อภิยาหยุดคิด แล้วเสียงของคุณน้อมก็ดังขึ้นที่อีกทาง “ฉันขอเตือนเธอหน่อยนะ ว่าอย่าได้เสนอตัวเสนอหน้าทำแบบเมื่อเช้านี้อีก”
“ทำอะไรหรือคะ”
“ที่ไปออกหน้าแทนคนอื่นนั่นไง เธอเพิ่งมาถึงที่นี่ รู้หรือว่าใครเป็นใคร นิสัยยังไง หรือคิดว่าเป็นเด็กของคุณท่าน ก็เลยชูคอทำวางท่างัดข้อกับคุณพุธ”
อ้อ เรื่องนั้นนั่นเอง ถอนลมหายใจเบา ๆ แล้วพยักหน้าไม่ได้ตอบโต้ว่าอะไร ก็จริงอย่างที่คุณน้อมบอก เธอเพิ่งมาถึงที่นี่ ต้องรอดูก่อนว่าใครเป็นใคร นิสัยเป็นอย่างไร
คุณน้อมต่อว่าเธอแล้ว ก็สั่งให้ไปล้างห้องน้ำที่ในห้องเจ้านาย รวมถึงห้องอื่น ๆ ในบ้านด้วย อภิยาไม่ได้อิดออดแย้งไปว่าอะไร เธอทำงานได้อยู่แล้วแค่นั้นเอง
เช้าวันต่อมา เธอตื่นตอนตีสามได้ แล้วก็ช่วยงานในบ้าน กินข้าว แล้วก็ออกไปทำงาน ตกเย็นเธอกลับบ้านไปช่วยงานอีกจนค่ำ ก็นอนแต่หัววัน แล้วก็ตื่นมาตอนตีสามอีกเช่นคืนวาน
จึงค่อย ๆ ลุกไปล้างหน้าล้างตา ออกไปรอช่วยงานในห้องครัว แต่แล้วก็ยังไม่มีใครตื่นเลยสักคน จึงเดินเลยไปยังหน้าบ้านเพื่อจะเก็บกวาดตรงนั้นให้เรียบร้อย แต่แล้วสายตาของเธอก็มองเห็นแสงไฟสาดเข้ามา พร้อมกับที่รถคันหนึ่งขับส่ายไปส่ายมาจอดทิ่มพรวดตรงสนาม ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะผลักประตู ลงมาจากฟากของคนขับ
อภิยาขมวดคิ้วมองที่เขา เห็นว่าเดินเซเล็กน้อย ก็ยืนนิ่งจนเขาเดินมาเจอเธอเข้า จึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมถามขึ้นว่า
“คุณเมา แล้วยังขับรถอีกหรือคะ”
พสุธาเมาจริง และเขาก็ขับรถจริง ๆ อีกนั่นแหละ แต่เขาไม่ได้ออกไปถนนใหญ่ เขาดื่มกับพรรคพวกที่เป็นตำรวจในพื้นที่ที่เข้ามาสังสรรค์กันในคาเฟ่ของเขานี่เอง
ออกจากตรงนั้นแล้ว เขาก็กลับบ้านเลย ไม่ได้ออกไปข้างนอกเสียหน่อย ไม่ให้ขับกลับมา จะให้เขาเข็นรถกลับมาหรือยังไง คิดอย่างคนขวางโลก ตวาดถามไปว่า
“ใช่ แล้วมีอะไรไหม เป็นตำรวจบ้านหรือไงเธอน่ะ”
“คุณไร้ความรับผิดชอบมากเลยนะคะที่เมาแล้วยังขับรถอีกน่ะค่ะ เกิดไปชนใครเข้า จะทำยังไงคะ”
“ก็โทรเรียกประกัน ให้ประกันเคลียร์ จะต้องทำอะไรอีกวะ”
อภิยาพูดอะไรต่อจากนั้นไม่ออก
พ่อของเธอเสียชีวิตก็เพราะว่าคู่กรณีเมาแล้วขับมาชนท่านนี่เอง ทำให้ท่านเสียหลักชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางจนเสียชีวิต ประกันไม่ได้จ่ายอะไรให้เลย ทางนั้นอ้างว่าไม่มีประกัน ให้ไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอาเอง เรื่องนี้คุณลุงอรรถพลบอกว่าจะช่วยเหลือแต่ก็เห็นเงียบ ๆ ไป เธอเกรงใจเพราะรบกวนท่านหลายเรื่องแล้วเลยไม่กล้าถาม
แล้วเลยยืนพึมพำคนเดียวอย่างมีโมโห “ทุเรศมาก” ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังทางเข้าห้องครัวหลังจากนั้น
พสุธายืนมองตามร่างเล็ก ๆ จนลับตาเขาไปแล้ว ก็ค่อยหันมองไปที่รถของตัวเอง
อะไรวะ เขาก็ขับมาจากคาเฟ่ของเขา ใกล้ ๆ แค่นี้เอง ทุเรศอะไร ทุเรศตรงไหน ก่อนจะเดินโซเซขึ้นห้อง ฟุบหน้าลงนอน หลับไปได้งีบเดียวก็ต้องตื่นด้วยหัวสมองหนัก ๆ และเสียงพึมพำว่า ทุเรศ ทุเรศ อยู่ในหูของเขา สลัดอย่างไรก็สลัดไม่หลุด
คุณน้อมเพิ่งตื่นตอนที่เธอเดินเข้ามาในห้องครัว
“เพิ่งตื่นหรือไงเธอน่ะ มานี่มา เดี๋ยวทำอาหารเช้าเลยนะ”
“ให้ทำอะไรบ้างคะคุณน้อม”
“พะแนงไก่ แล้วก็ผัดฟักทองใส่ไข่ แล้วก็...ไข่เจียวแล้วกัน”
ได้ยินเมนูมื้อเช้าของคุณน้อมแล้วก็อดนึกไปถึงคนที่เพิ่งกลับบ้านมาในสภาพเมามายไม่ได้ เขาจะกินได้หรือ เมามาขนาดนั้น
ขนาดเธอไม่ได้กินเหล้า ได้ยินว่าเมนูมื้อเช้ามีอะไรบ้าง ยังเลี่ยนเลย จึงทำทีเป็นแย้งไปว่า “เมื่อวานนี้ หยินได้ยินว่าคุณพุธบ่นว่าเบื่อพวกแกงกะทิกับพวกผัด ๆ แล้วค่ะ” เงียบไปอึดใจเดียว เอ่ยถามไปว่า “มีขนมปังกับไข่ดาวไหมคะ ลองทำมื้อเช้าแบบง่าย ๆ ดู เผื่อคุณพุธจะได้ไม่เบื่อค่ะ”
คุณน้อมมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ ขยับมุมปากยกขึ้นข้างเดียว แล้วบอกด้วยน้ำเสียงมีโมโห “ไปคั้นกะทิ ตำพริกแกง อ้อ แล้วก็ปอกฟักทอง หั่นรอไว้เลย เสร็จแล้วจะได้ผัดแล้วค่อยไปทำไข่เจียว”
เลยจำต้องเงียบ ช่วยเป็นลูกมือทำมื้อเช้าจนเรียบร้อยในตอนรุ่งสางนั่นเอง
พสุธานอนไปได้นิดเดียว เขาจำต้องตื่นขึ้นมาตอนแปดโมงเช้าเห็นจะได้ ถ่างตาออกให้กว้างที่สุด ก่อนจะตรงไปอาบน้ำ ลงมาที่ด้านล่าง เห็นอาหารที่โต๊ะก็ร้องหาคนในบ้านทันที
“เฮ้ย!”
ร่างเล็ก ๆ รีบตรงเข้ามาหาเขา เพราะอยู่แถวนั้นแค่คนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ น่ะหรือ พอเห็นพสุธาเดินลงมาจากชั้นบน ก็รีบวิ่งเข้าหลังบ้านกันไปหมด
เขาเห็นเธอแล้วก็ชักสีหน้าไม่พอใจ น้ำเสียงฟังดูหงุดหงิดเล็กน้อยตอนถามหามื้อเช้า
“ข้าวไปไหน ขนมปังแบบนี้ใครจะกิน”
“ลองกินก่อนค่ะ เวลาเมาค้าง ต้องกินอะไรซับแอลกอฮอล์ในร่างกายอย่างขนมปังโฮลวีตแบบนี้ไงคะ นี่หยินวิ่งไปเอามาจากคาเฟ่เลยนะคะ หรือถ้าคุณพุธไม่กินขนมปัง หยินเอาซีเรียลธัญญาหารกับนมแบบไขมันต่ำมาเสิร์ฟแทนดีไหมคะ”
พสุธาสั่งขัดขึ้นว่า “ไปเอาข้าวมา”
เงียบ ไม่นำเสนออะไรออกไปอีก แล้วค่อยหันหลังกลับไปยกอาหารมื้อเช้ามาให้
พสุธารอไม่นาน ทันทีที่เห็นมื้อเช้าวางลงที่โต๊ะอาหาร ก็ให้รู้สึกคลื่นเ**ยนเวียนหัวขึ้นในทันที เขายังเมาค้างอยู่ เห็นอาหารเช้าที่มีแกงกะทิ ผัดฟักทองใส่ไข่ แล้วยังมีไข่เจียวน้ำมันเยิ้มนั่น ก็ให้รู้สึกพะอืดพะอมอยู่ไม่น้อย สุดท้ายเงยหน้ามองหาร่างเล็ก ๆ เมื่อครู่นี้ แต่เจ้าหล่อนไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
“เฮ้ย มีใครอยู่บ้านบ้างวะเนี่ย”