ยังหัวค่ำอยู่ไม่ดึกมากนัก อินทุภาเดินเลี่ยงญาติๆ ที่ล้อมวงกินเหล้าออกมาทางสวนหลังบ้าน เธอยังอดขำนิดๆ ไม่ได้ว่า พวกเขาคุยกันรู้เรื่องได้อย่างไร เสียงดังเซ็งแซ่จนจับใจความไม่ได้ซะขนาดนั้น แต่ก็คงเป็นเพราะไม่ได้พบปะกันมานาน เลยแข่งกันพูดแข่งกันเล่า ตะโกนคุยกันเสียงดังลั่นไปหมด
อินทุภามีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ต้องเงียบสงัดจริงๆ ถึงจะหลับได้ ถ้ามีเสียงดังเซ็งแซ่แบบนี้ทั้งคืนก็คงไม่ได้นอน เธอกินยาแก้ปวดหัวแล้วเดินออกมา กะว่านั่งหลับตารับลมที่ใต้ต้นอวี้หลันนี้สักครู่ รอให้ยาแก้ปวดออกฤทธิ์ค่อยกลับไปลองพยายามนอนอีกครั้ง
แกร่บ! แกร่บ! แกร่บ!
เสียงฝีเท้าที่ย่ำใบไม้ดังกรอบแกรบใกล้เข้ามา ทำให้อินทุภาลืมตาขึ้นมอง จึงเห็นชายวัยกลางคนที่เป็นญาติห่างๆ ที่พอนับญาติกันไปมากลับมีศักดิ์เป็นหลาน แต่อายุมากกว่าอินทุภาเกือบสองรอบ เดินเข้ามานั่งลงข้างๆ
“ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะ?” เขาถามแล้วนั่งลงข้างๆ
ขณะที่เขาเปิดปากพูด กลิ่นเหล้าก็คละคลุ้งลอยวนอยู่ในอากาศรอบๆ ตัว อินทุภาขยับจะลุก แต่เขากลับคว้าหมับเข้าที่ต้นขาของเธอ อีกมือจับเอวรั้งไว้ไม่ให้ลุก
“ปล่อย!!” อินทุภาเกร็งตัวตวาดเสียงลั่น
“เดี๋ยวๆ! อย่าเข้าใจผิด เฮียแค่อยากมาคุยด้วย” เขาพยายามพูดดีๆ แต่กลิ่นเหล้าหึ่งรุนแรงมาก จนเธอแทบอยากจะอาเจียร จึงผลักอกเขาอย่างแรง พร้อมกับดันตัวถอยห่าง
“บอกให้ปล่อย!! ถ้าไม่ปะ.....!?!” เธอพูดยังไม่ทันจบ นายไหเหล้าก็ตัวลอยคว้าง เหมือนถูกใครกระชากแล้วเหวี่ยงอย่างแรง
อินทุภามองตามร่างที่ลอยไปกองกับพื้นของนายไหเหล้า เธอยังปากอ้าตาค้างอยู่ เมื่อหันหน้ากลับมามองผู้ชายร่างสูงแต่งชุดฮั่นฝู ยืนตัวโตสูงตระหง่านง้ำอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาคมสีดำฉายแววกระด้างดุดัน มองนายไหเหล้าเหมือนอยากจะฆ่าให้ตายคามือ
อินทุผาได้สติ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่นั้นเดินกำหมัดย่างสามขุม ตรงเข้าไปหานายไหเหล้าอย่างมุ่งร้ายหมายกระทืบ หญิงสาวรีบดึงแขนเขาไว้ ออกแรงเหนี่ยวรั้งสุดตัว เขางอแขนขึ้นคงหวังจะให้หลุดจากการเกาะกุม แต่อินทุภายึดไว้แน่นทั้งสองมือ เลยกลายเป็นว่าเขาลากตัวเธอไปด้วยอย่างทุลักทุเล
นายไหเหล้าพยายามยันตัวลุกขึ้นจากพื้น ปากก็ก่นด่าถ้อยคำหยาบคายไปด้วย เขาชะงักไปนิดหนึ่ง เมื่อหันมาเห็นผู้ชายแต่งชุดย้อนยุคหน้าตาเกรี้ยวกราดยืนตระหง่านง้ำอยู่ตรงหน้า อาจจะไม่แน่ใจว่าเป็นคนหรือวิญญาณกันแน่!
“เฮ้ย! มึงจะไปเล่นงิ้วที่ไหนวะ! ไปไหนก็ไปไอ้กาก! อย่ามาเสือก!!”
เจ้าที่! เอ๊ยเจ้าชายโน้มตัวแรงไปข้างหน้า ยกแขนตวัดขึ้นสูงอย่างลืมตัว ทำให้อินทุภาตัวลอยพ้นพื้นไปด้วย มือเล็กทั้งสองข้างของเธอที่รั้งแขนเขาไว้ หลุดออกจากกัน ตัวร่วงกระแทกพื้น
“โอ๊ย!!”
เสียงร้องลั่นของเธอ ทำให้ร่างสูงนั้นหยุดชะงักหันมามอง แต่พอได้ยินเสียงอ้อแอ้ท้าตีท้าต่อยของนายไหเหล้า นัยน์ตาก็ลุกโชนเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีก หันตัวแรงตรงปรี่เข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“พลั่ก” เสียงหมัดกระทบอะไรแข็งๆ สักอย่าง อาจจะโดนแถวๆ กระดูกขากรรไกร
“ไอ้ชาติหมา!! มึงต่อยกู!!”
นายไหเหล้าอุทาน เอามือชี้หน้า อีกมือประคองแถวคางที่เลือดกบปากอยู่ เห็นฟันหักหลายซี่กองอยู่บนมือ แล้วก็ต้องตาเบิกโพลง เมื่อเห็นร่างสูงวาดเท้าหมายจะเตะที่กกหู หุ่นไหเหล้าดีดตัวผลึงขึ้นราวกับมีสปริง หันหลังออกวิ่งเมื่อเห็นมือหมัดทะลวงฟันย่างสามขุมตามมาอีก
“นี่คุณ!! หยุดก่อน!! ฉันเจ็บนะ!!” อินทุภาพยายามเรียก
เขาชะงัก หันกลับมามองตามเสียง เห็นหญิงสาวนอนคว่ำแผ่หราอยู่ที่พื้น หน้าซบอยู่กับท่อนแขนเรียวอย่างหมดแรง
“ว๊าย!! เฮ้ย!!” แล้วอินทุภาก็ร้องลั่นอีก
เธอเบิกตากว้างอย่างตระหนก ตกใจที่อยู่ๆ ก็มีมือมาจับที่เอว แล้วดึงตัวลอยขึ้นจนเท้าพ้นพื้น รัดเอวและแขนของเธอไว้แน่นด้วยลำแขนแข็งแรงของเขา ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน ปากอยู่ใกล้กันแค่คืบ
“หาเรื่องใส่ตัวดีนัก!! ไม่มีใครสั่งใครสอนหรืออย่างไร เวลากลางคืนอย่าออกไปไหนมาไหนคนเดียว!!” เขาดุเสียงกร้าว ยิ่งสายตายิ่งเกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน
อินทุภาชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะตะโกนพูดใส่หน้า
“ตาผีบ้า!! ก็นี่มันบ้านทวดฉัน ใครจะไปคิดว่าจะมีอันตรายในบ้านกันเล่า! ปล่อยนะ!!”
เธอพยายามดิ้นดันตัวออกห่าง ร้องให้เขาปล่อย แต่เหมือนยิ่งว่าจะยิ่งยุ เขากลับรัดแน่นไปเข้าอีก
“ปากดี!! ยังไม่สำนึกอีก!! งั้นจะสั่งสอนให้เอาบุญ!”
เดี๋ยว..!?!
อินทุภาอ้าปากเตรียมจะโวยวายต่อ แต่ก็ต้องชะงักค้าง เพราะเขาบดขยี้ริมฝีปากมาอย่างรวดเร็วและอย่างดุดัน แรงจนใบหน้าเธอเงยแหงนไปด้านหลัง เขาเคี่ยวเข็ญเอาอย่างป่าเถื่อนคล้ายจะลงโทษมากกว่าพิสวาส
เธอมีความรู้สึกปวดไปทั้งปากและคาง ลำแขนแข็งแรงกอดรัดแน่นขึ้นไปอีกจนเจ็บ อินทุภานิ่งงันไปชั่วครู่ สรุปแล้วนี่คงเป็นคนแน่ล่ะ ผีคงทำแบบนี้กับเธอไม่ได้!
“อื้อ!! นี่!!” เธอพยายามประท้วง ขณะที่เขาถอนปากเพื่อหายใจ แล้วเขาก็กดจูบลงมาอีกแรงกว่าเก่า อินทุภาเจ็บแต่ร้องไม่ออก เธอพยายามเหวี่ยงขาเตะเท่าที่จะขยับได้ แต่ก็ไม่มีผลอะไรสักนิด ยิ่งดิ้นเขายิ่งทำรุนแรง เธอไม่เคยถูกจูบมาก่อน ไม่เคยมีใครมีโอกาสลวนลามล่วงเกินเธอได้ถึงขนาดนี้
อินทุภาเริ่มหมดแรงจะดิ้นรนต่อสู้ รู้สึกอ่อนอกอ่อนใจเต็มทีจึงนิ่งหยุดการเคลื่อนไหว แต่แล้วจูบของเขาก็เปลี่ยนไป ริมฝีปากที่เคยรุกรานนั้น บังคับให้ริมฝีปากของเธอเผยอแย้มรับจุมพิตเร่าร้อนของเขาอย่างเต็มที่ เขาค่อยๆ ลดตัวให้เท้าของเธอแตะพื้น มือเลื่อนขึ้นมาประคองหลังศีรษะ นิ้วสอดเข้าไปในเส้นผมให้เงยแหงนไปข้างหลัง บังคับให้รับจุมพิตได้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น
เนื้อหนังอินทุภาร้อนวาบ เนื้อตัวพลอยอ่อนปวกเปียกไปด้วย จุมพิตของเขาทำให้เธอสะท้อนสะท้านไปทั้งตัว เลือดในกายสาวสูบฉีดร้อนรุมด้วยความรู้สึกวาบหวาม ที่แผ่ซ่านเหมือนถูกลนด้วยไฟ เพราะไม่ว่าจะเป็นเพราะโกรธหรือรัก สัมผัสระหว่างหญิงชายก็เหมือนไฟกับฟาง ใกล้ชิดกันก็ติดเป็นเปลวไฟแรงร้อน
เมื่อรู้สึกว่าไม่มีปฏิกิริยาขัดขืน ลิ้นอุ่นๆ ของเขาจึงล่วงล้ำเข้ามาสำรวจเนื้อในที่นุ่มและชื้นในปากของเธอ ทวีความเร่าร้อนดูดดื่มมากขึ้นไปอีก
อินทุภาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน เลยไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน ขาเปลี้ยแทบไม่มีแรงยืน ต้องเอามือเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอเขาไว้เป็นหลัก ก่อนที่จะจูบตอบเขาเหมือนคนละเมอ
เสียงเขาครางเบาๆ ในคอ แล้วเหนี่ยวเธอเข้ามาชิดอีก จนรู้สึกชัดเจนถึงรูปลักษณะแห่งบุรุษเพศ มือใหญ่ของเขาเคล้าคลึงช้าๆ ไปทั่วหลังไหล่ อกเต่งตูม และเอวคอด กอดจูบลูบไล้ไม่วางมือ กระพือไฟพิศวาสให้โหมแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเธอรู้สึกว่าเขาตั้งใจประทับทั้งรอยจูบ และลายมือทั้งหมดไว้ ไม่ให้เธอลบหรือขจัดรอยนั้นออกได้
ชายหนุ่มถอนปากออกช้าๆ เหมือนไม่เต็มใจ เพราะกำลังมัวเมากับรสจูบเต็มอารมณ์หวาม เขาอยากจะเรียกร้อง ให้เธอตอบสนองเขาให้มากกว่านี้ ยิ่งได้กลิ่นหอมละมุนรวยรินจากกายสาว ได้สัมผัสเนื้อนุ่มตัวสั่นเทาเล็กน้อย ยิ่งทำให้เขาแทบจะอดใจไว้ไม่ไหว
ผู้หญิงคนนี้งามนัก รูปร่างก็งาม อกอวบเต่งตึง เอวเล็กคอด สะโพกกลมมน ผิวเนื้อเนียนละเอียดหอมหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว เขาอยากพาเธอไปให้ถึงฝั่งหฤหรรษ์ให้รู้แล้วรู้รอด อยากรักเธอให้สาสมกับที่ห่างหายกันไปเนิ่นนาน แต่เขาจำต้องหยุดตัวเองเอาไว้ก่อน สะกดกั้นอารมณ์ความต้องการเอาไว้จวนเจียนใจแทบขาด ยังไม่ใช่ตอนนี้ เขาเตือนตัวเองว่าอย่าพึ่งรีบร้อน
“ฮื้อ!” อินทุภาส่งเสียงขัดใจเบาๆ หลังจากที่เขาถอนริมฝีปาก ตายังปรือปรอยเคลิบเคลิ้มไปกับอารมณ์แปลกใหม่ที่พึ่งได้ลิ้มลอง
ชายหนุ่มมองสีหน้าเหมือนเด็กถูกขัดใจนั้น ดวงตาหรี่ปรือทอแสงระยิบ เขาอดไม่ได้ที่จะจุ๊บเบาๆ ที่ปากแดงก่ำอีกครั้ง แต่ถูกอินทุภารั้งคอไว้แล้วจูบตอบเขาเต็มอารมณ์หวาม เขารักผู้หญิงเนื้อตัวนุ่มนิ่มคนนี้เหลือเกิน รักมานานมาก รอคอยเพื่อให้เธอกลับมาพบกันอีกครั้ง รอจนเกือบทั้งชีวิต เธอคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขารักเธอมากแค่ไหน เขาค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ อีกครั้ง
“เป่าเปา” เสียงเขาสั่นนิดๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้แก้มอินทุภาเบาๆ
“พอก่อน ถ้าไปไกลกว่านี้ ข้าหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว” หางเสียงของเขาดูแหบพร่าปานใจจะขาด
อินทุภาลืมตาเต็มที่ หน้าแดงเรื่อ ตากลมโตแววหวานดูขัดเขิน สบนัยน์ตาคมเข้มเป็นประกายวับด้วยเปลวไฟเร้นลับที่เธอยังไม่เข้าใจ ก่อนจะหลุบเปลือกตาลงต่ำ กัดริมฝีปากล่างนิดๆ ทำให้ปากอิ่มเต็มเป่งแดงกว่าเดิม หมิงอวี้หลุบตามอง และนั่นทำให้เขาหมดความบังคับตัวเอง เขารีบปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน หันหลังหนีภาพเย้ายวนนั่น
อินทุภาเซนิดๆ งุนงงที่เขาคลายแขนกะทันหัน แต่เห็นอาการก้มหน้าตัวสั่นแข็งเกร็งแบบนั้น ก็คล้ายจะเข้าใจ เธอกระแอมเบาๆ ก่อนจะหาเรื่องชวนคุยเพื่อให้หลุดพ้นสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้