ตอนที่ 10

1429 คำ
คนที่กำลังถูกสองแม่ลูกเป็นห่วง ยามนี้เจ้าตัวนั่งสบายอารมณ์อยู่หน้าเฟรมผ้าใบ มือเรียวจับพู่กันปัดป่ายบรรจงแต่งแต้มสีสันบนรูป ท่ามกลางสวนสวยที่ตกแต่งด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ ดอกไม้หลากสีเบ่งบานอวดความงาม ส่งกลิ่นหอมกำจายไปทั่วบริเวณ ร่างเล็กเพรียวบางอยู่ในชุดเสื้อยืดสีสดกับกางเกงยีนส์ สีซีด มีรอยขาดปุปะอย่างเจตนาให้แลดูเป็นแฟชั่น มากกว่าจะเกิดจากการใช้งานมานาน ผมยาวถูกมัดรวบไว้ด้านหลังด้วยเชือกหนังอย่างง่ายๆ ใบหน้าเรียวงามไร้การแต้มแต่ง แม้เพียงลิปสติกก็ไม่ปรากฎให้เห็นบนริมฝีปากอิ่มเต็มนั้นแม้เพียงน้อย เสี้ยวหน้าที่โผล่พ้นผมยาวรุ่ยร่ายนั้น ดูอ่อนเยาว์จนคนมองเผลอถอนหายใจ “คุณพ่อนะคุณพ่อ แอบไปหิ้วเด็กนี่มาเลี้ยงดู ฮึ... ไม่นึกว่าจะเปลี่ยนรสนิยม มาชอบพวกติสท์ๆแบบนี้ได้” ฆนากรบ่นพึมพำในคอ ดวงตาสีสนิมยังคงมองร่างของจิตรกรสาวไม่ยอมวาง ผู้หญิงของบิดาที่เขาเคยเห็นผ่านตา ล้วนมีรูปโฉมสคราญตา ใบหน้าถูกแต้มแต่งด้วยเครื่องสำอางจนฉ่ำเยิ้ม งดงามตามแบบผู้หญิงสมัยใหม่ แต่ผู้หญิงคนนี้มาแปลกกว่าเพื่อน เธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าง่ายๆ หน้าตาไม่แต่งเติม ตามประสาศิลปินตามอาชีพของเธอ กิริยาขณะเขียนรูปราวกับมีความสุขกับสิ่งที่ทำเหลือประมาณ จนคนที่แอบดูอยู่ด้านหลังเผลอมองเพลิน ชายหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อเห็นร่างของชายวัยกลางคนเดินเข้ามาทักทายหญิงสาวด้วยท่าทีสนิทสนม ร่างเล็กบางนั้นขยับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่ศีรษะของเจ้าหล่อนสูงแค่ระดับอกของชายคนนั้น ฆนากรหันหลังให้คนทั้งสอง เขาเดินจากสวนหลังบ้าน กลับมานั่งรอบิดาที่ห้องโถงกลางบ้าน สาวใช้นำชามาเสิร์ฟให้ลูกชายเจ้าของบ้านที่นั่งหน้าบึ้ง ก่อนจะเดินตัวลีบออกไปเพราะกลัวอีกฝ่ายอาละวาด แต่ไม่ทันพ้นประตูห้องก็ถูกเรียกไว้ก่อน “แหวว ไปเรียนคุณพ่อที ฉันมีเรื่องงานจะคุยด้วย เร็วนะ” คำสุดท้ายลงเสียงหนัก ทำให้คนได้ยินรีบโค้งศีรษะรับ แล้วซอยเท้าออกไปทันที ราวสิบห้านาทีต่อมา สุริยะก็เข้ามาพบลูกชาย เขาตบไหล่อีกฝ่ายแรงๆอย่างรักใคร่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ บนโซฟานุ่มตัวเดียวกัน “ไงเจ้าเมฆ แวะมาคุยอะไรกับพ่อ” เขาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี สีหน้ายามนี้เต็มไปด้วยความสดใส จนคนเป็นลูกอดแขวะไม่ได้ “ดูคุณพ่อสดชื่นขึ้นมากเลยนะครับ” ฆนากร แค่นยิ้ม คนแก่ได้เมียสาว มีหรือจะไม่สดชื่น เหอะ... หายไปทำงานร่วมสองเดือน พอกลับมาก็มีผู้หญิงคนนี้มาอยู่ที่บ้านด้วย ชายหนุ่มนึกถึงใบหน้าของแม่สาวน้อยของเล่นชิ้นใหม่ของบิดาอย่างชิงชัง “พ่อยังไม่แก่นี่ จะให้ทำตัวเหมือนคนแก่ได้ไง” สุริยะยิ้มกว้าง เต็มไปด้วยความร่าเริง “ครับผมรู้ ว่าคุณพ่อยังไม่แก่” น้ำเสียงนั้นกระแทกกระทั้นอย่างจงใจ “งานที่รีสอร์ทเป็นไงบ้าง เห็นขจรบอกว่า ช่วงเทศกาลห้องพักเต็มตลอดนี่” ผู้เป็นบิดาหันมาถามเรื่องงาน “ครับ ห้องพักถูกจองล่วงหน้าเต็มทั้งสามเดือน รีสอร์ทแห่งใหม่ของเราที่ภูสอยดาวเหลือแค่ตกแต่งอีกนิดหน่อย ก็พร้อมเปิดตัวได้แล้วครับ” ฆนากร แจงรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่เขาดูแลอยู่ให้บิดาทราบ สุริยะให้ลูกชายดูแลกิจการด้านนี้แทนเขา หลังจากฆนากร เรียนจบการบริหารจากต่างประเทศ ตัวเขามุ่งมาสนใจธุรกิจด้านจิวเวอรี่ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ร่วมทุนกับนักธุรกิจต่างชาติ รีสอร์ทแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้น เพื่อรองรับนักธุรกิจด้านอัญมณีที่เดินทางมายังจันทบุรี รวมถึงนักท่องเที่ยวจากบริษัททัวร์ของเขา ที่มีสาขาอยู่ในต่างประเทศ “พ่อภูมิใจในตัวลูกมากนะ ลูกไม่ทำให้พ่อผิดหวังจริงๆ” สุริยะหัวเราะชอบใจ “แต่คุณพ่อทำให้ผมผิดหวัง ในตัวคุณพ่อมาก” เสียงหัวเราะของนักธุรกิจใหญ่หายไปทันที เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้จากปากลูกชาย เขาหันมามองหน้าอีกฝ่าย เจอสายตาคมกริบจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน ยามนี้แววตาของฆนากร ไม่ต่างกับเปลวเพลิงพร้อมจะเผาไหม้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า “ทำไมแกพูดแบบนี้” ความเป็นพ่อทำให้สุริยะไม่หวั่นเกรงกับสายตาของผู้เป็นลูก สายตาที่เขาเคยได้ยินลูกจ้างในบริษัทบอกว่า เป็นแววตาของเพชฌฆาต หากยามใดฆนากรมองใครด้วยแววตาแบบนี้ นั่นแปลว่ากำลังอารมณ์ครุกรุ่น ราวกับภูเขาไฟใกล้ระเบิด “ลองถามตัวเองดูสิครับ” ฆนากรลุกขึ้นยืน ร่างสูงขยับกายเดินมาหยุดหน้าเปียโนมุมห้อง เท้าแขนกับเปียโนด้วยท่าที คล้ายคนกำลังสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเองอย่างสุดความสามารถ “เราเคยตกลงกันว่ายังไง คุณพ่อจำได้หรือเปล่า” เขาแค่นเสียงถาม คนถูกถามเงียบไป ไม่โต้ตอบสักคำ นั่นทำให้อารมณ์ของคนถามถึงจุดเดือด ด้วยเข้าใจว่าบิดาจำนนต่อคำกล่าวหา ชายหนุ่มหันขวับมามองหน้าผู้ให้กำเนิด แววตาที่เคยราบเรียบสงบนิ่งเป็นนิจ ยามนี้เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว “คุณพ่อจะไปเหลวไหล กับผู้หญิงที่ไหน กี่คนผมไม่เคยว่า ขอเพียงทำตามที่เราตกลงกัน ทำไมล่ะครับ... ทำไมคุณพ่อถึงเอายายผู้หญิงนั่น มาอยู่ที่บ้านเรา” คำว่าบ้านเราเต็มไปด้วยความหวงแหน สิ่งเดียวในชีวิตที่สุริยะ อรรถไกร นักธุรกิจใหญ่หลงใหล นอกจากการสะสมรถยนต์แล้ว ก็คือผู้หญิง มีหญิงสาวมากหน้าหลายตาหลากหลายชาติพันธุ์ ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ได้รับเกียรติให้มาพักอยู่ที่บ้านหลังนี้ บ้านที่ฆนากร ถือว่าเป็นเขตหวงห้ามสำหรับผู้หญิงชั้นต่ำพวกนั้น แต่คนเป็นพ่อกลับพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่ หนำซ้ำ ยังปกปิดไม่ให้เขารู้ เมื่อข่าวนี้แว่วถึงหูทำให้ฆนากรต้องรีบเดินทาง จากการดูแลการก่อสร้างรีสอร์ทกลับมาในทันที “ปลายรุ้งไม่ได้เหมือนผู้หญิงพวกนั้น เธอ...” “พ่อจะบอกผมว่า พ่อคิดจริงจังกับผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม” ฆนากรพูดแทรกขึ้นก่อนที่บิดาจะพูดจบ ชายหนุ่มหมุนกายมาเผชิญหน้ากับผู้ให้กำเนิดที่ลุกขึ้นมายืน สองพ่อลูกประจันหน้ากันด้วยท่าทางไม่ต่างกับพยัคฆ์ร้ายที่กำลังจ้องประลองกำลังกัน ในยามนี้อารมณ์ของผู้เป็นลูกคุโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งความชิงชัง ผสมปนเปไปด้วยความผิดหวังในตัวของพ่อ ผู้หญิงคนใหม่มีอิทธิพลจนทำให้นักธุรกิจใหญ่ยอมตระบัดสัตย์เชียวหรือ “พ่อจะไม่พูดกับแก ถ้าแกยังบ้าไม่เลิกแบบนี้” สุริยะตอกกลับลูกชายด้วยน้ำเสียงเข้มจัด “ผมคงบ้าไม่เท่าพ่อหรอกครับ เพราะความมักมากบ้าผู้หญิงของพ่อ ทำให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้” เขาระบายความขมขื่นออกมา อย่างสุดกลั้น “หุบปาก! แกไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน” สุริยะตวาดลูกชายเต็มเสียง เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความโกรธที่ถูกอีกฝ่ายพูดกระทบจุดเจ็บของเขาขึ้นมา “คุณลุงค้า!” เสียงใสๆของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะ เจ้าของเสียงเดินแกมวิ่งเข้ามาในห้อง ทำให้คนที่กำลังถกเถียงกันหันไปมอง ร่างเพรียวบาง ยิ้มกว้างสีหน้าร่าเริง ดวงตากลมโตคู่นั้นมองคนที่อยู่ในห้อง ก่อนจะร้องลั่นเมื่อเห็นหน้าของคนที่ยืนอยู่ข้างเปียโน “เฮ้ย! วินท์ นายมาได้ยังไง” หญิงสาวโผเข้ากอดชายหนุ่ม ที่คิดว่าเป็นเพื่อนชาย “ลุงอินบอกนายเหรอ ว่าฉันอยู่ที่นี่ โอ้ย... รู้มั้ยว่าฉันดีใจแค่ไหนที่เห็นหน้านาย” ปลายรุ้งรัวคำพูดเข้าใส่อีกฝ่ายราวปืนกล ขณะที่อ้อมแขนยังรัดร่างหนาไม่ยอมปล่อย ผ่านไปร่วมนาทีจึงจับสังเกตได้ว่าเพื่อนชายไม่ยอมตอบโต้อะไร อีกทั้งยังยืนนิ่งเป็นหุ่นโชว์เสื้อให้เธอกอดรัดอยู่แบบนั้น ผิดวิสัยของนภวินท์ ที่มักยอมให้เธอแตะตัวได้ไม่เกินสิบวิ “เป็นอะไรไปวินท์ ไม่สบายหรือเปล่า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม