ตอนที่ 9.

1424 คำ
เกือบตีสองแล้ว... นภวินท์มองเข็มนาฬิกากระดิกไปเรื่อยๆ ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ คืนนี้เป็นอีกคืนที่เขานอนดึก หากไม่ใช่เพราะทำงานจนเพลินเหมือนทุกคืน หรือเข้านอนดึกเพราะมัวแต่สังสรรค์กับเพื่อนฝูง แต่สาเหตุที่ทำให้เขาตาแข็งค้างแบบนี้มาร่วมชั่วโมง เกิดจากข้อความทางอีเมล์ของปลายรุ้ง นภวินท์หยิบกระดาษที่เขาปริ๊นข้อความพร้อมรูปภาพของเพื่อนสาวมาดูอีกครั้ง ... สบายดีใช่ไหมวินท์ ตอนนี้ฉันอยู่ที่เชียงใหม่ ลุงอินคงบอกนายแล้วว่าฉันมาทำงานที่นี่ ฝากบอกป้ารจด้วยว่าหนูปลายของป้าสุขสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นายจ้างของฉัน ดูแลฉันดีมากๆ จนทำให้ฉันแอบรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเจ้าหญิงในปราสาทเลยแหละ อ้อ... ลืมบอกไป เจ้านายของฉันเขาชื่อ คุณสุริยะ อรรถไกร จ้า... เขาใจดีมากดูแลเอาใจใส่ฉันทุกอย่างเลย ที่สำคัญเขาเป็นโสดด้วย วินท์จะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะรับเขาไว้พิจารณาสักคน ฉันส่งรูปของเขาให้วินท์ช่วยออกความเห็น ว่าเราเหมาะสมกันดีไหม... อย่าเพิ่งบอกป้ารจนะ ว่าฉันแอบปิ๊งหนุ่ม(สูงวัย)อยู่ คิดถึงนะ ปลายรุ้ง... ช่างภาพหนุ่ม ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่ออ่านข้อความนั้นจบ เขามองดูรูปถ่ายของปลายรุ้งกับชายวัยกลางคนร่างใหญ่ นายจ้างที่จิตรกรสาวบอกว่าเอาอกเอาใจเธอราวกับเจ้าหญิงด้วยแววตาขุ่นเคือง นายสุริยะ อรรถไกร ชื่อนั้น ทำให้นภวินท์ถึงกับตัวชาเมื่อรับรู้ ว่าเพื่อนสาวทำงานให้ใคร ความสามารถทางธุรกิจของสุริยะ ทำให้เขากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่ง เป็นที่รู้จักของคนในแวดวง รวมถึงข่าวฉาวเรื่องผู้หญิงก็ดังไม่แพ้กัน แม้วัยของสุริยะ จะล่วงเลยจากวัยหนุ่มมาหลายขวบปี แต่อำนาจเงินตรา บวกกับบุคลิกและหน้าตาที่ยังทรงเสน่ห์ทำให้ผู้หญิงหลายต่อหลายคนติดกับโดยง่าย และผู้หญิงอีกคนที่กำลังจะติดบ่วงเล่ห์ของสุริยะ คือปลายรุ้ง “แม่ครับ... ผมจะบอกเรื่องนี้กับแม่ดีหรือเปล่า” นภวินท์พึมพำในคอ ปวดหัวหนึบขึ้นมาทันที หากมารดารู้ ว่าปลายรุ้งกำลังใกล้ชิดอยู่กับใคร ท่านต้องเป็นห่วงหญิงสาวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่ แม้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่แม่ของเขารักปลายรุ้งเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ครอบครัวของเขากับเธอเป็นมากกว่าเพื่อนบ้านธรรมดา หลังจากพ่อแม่ของปลายรุ้งเสียชีวิต หญิงสาวก็มีเพียงเขาและมารดาเท่านั้น... “วินท์ ลูกรู้ข่าวหนูปลายหรือยัง” คุณรจนาเอ่ยถามลูกชายทันทีที่เห็นหน้า นภวินท์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งยิ้มร่าเริง ที่เจ้าตัวต้องฉาบใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มไว้ปกปิดความร้อนรนในใจ ขณะโอบเอวมารดาพาไปนั่งที่เก้าอี้ริมระเบียงชายน้ำ สายลมเย็นๆ พัดพาละอองฉ่ำชื่นของสายน้ำมาสัมผัสผิว หากคนที่นั่งอยู่ กลับรู้สึกเร่าร้อนแทบจะระเบิด เขาจะบอกมารดายังไงดี เรื่องของปลายรุ้งมันร้ายแรงจนอาจทำให้คนฟัง พลอยร้อนใจไปด้วย และอาจทำให้ความรู้สึกที่มารดามีต่อบิดาเลวร้ายลงไปกว่าเดิม “ปลายส่งข่าวมาบอกวินท์แล้วครับ ตอนนี้เขาทำงานที่ต่างจังหวัด สุขสบายดี แม่ไม่ต้องเป็นห่วงปลายแล้วนะครับ” นภวินท์ ปรับเสียงให้ฟังดูสบายๆ คุณรจนามองหน้าลูกชาย แววตาของผู้เป็นแม่จ้องมองนิ่งราวกับเจาะทะลุหัวใจ ทำให้คนเป็นลูกต้องหลบสายตา เสมองไปทางอื่น กลัวอีกฝ่ายจะเห็นความจริงในแววตาที่เขาปกปิดไว้ หากนั่นทำให้ รจนาแน่ใจว่าเธอไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปเอง “วินท์แน่ใจนะลูก ว่าหนูปลายปลอดภัยดี” คนเป็นแม่เอ่ยขึ้น คำถามนั้นทำให้คนฟังสะดุดใจ น้ำเสียงของแม่คล้ายกับรู้อะไร นภวินท์หันมามองหน้ามารดา แววตาของผู้ให้กำเนิดนิ่งสงบ ไม่ต่างกับผิวน้ำ ยามไร้คลื่น หากสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ ท่าทีอันสงบเย็นนั้นเล่า... ไม่หรอก... แม่คงพูดไปอย่างนั้นเอง แม่จะรู้เรื่องของปลายรุ้งได้ยังไง ปลายรุ้งคงไม่กล้าบอกคุณป้ารจของเธอแน่ ข้อความในอีเมล์ก็ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามบอก นภวินท์พยายามปัดความกังวลทิ้ง “ปลายรุ้ง สบายดีครับแม่ เขาคงจะกลับมาเร็วๆนี้ครับ งานใกล้เสร็จแล้ว” เมื่อโกหกคำแรก คำต่อมาก็ต้องโกหกต่อให้เนียน “แม่รักหนูปลายเหมือนลูกคนหนึ่งของแม่ และแม่เชื่อว่าวินท์ก็รักหนูปลายเหมือนกัน” คุณรจนาขยับลุกขึ้นยืนเมื่อเอ่ยจบ แล้วเดินไปหยิบซองเอกสารบนโต๊ะข้างโทรศัพท์ ยื่นส่งให้ลูกชาย “ เมื่อกลางวันมีคนส่งนี่ให้แม่ วินท์ดูแล้วให้คำตอบแม่ด้วย ว่าเราจะทำยังไงกันดี” นภวินท์รับซองเอกสารมาเปิดดู ข้างในมีรูปถ่ายของปลายรุ้งในอิริยาบถต่างๆ หนึ่งในภาพเหล่านั้น เป็นภาพของปลายรุ้งกับผู้ชายวัยคราวพ่อ ช่างภาพคล้ายตั้งใจซูมให้เห็นรายละเอียดชัดเจน ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ต่างจากปลายรุ้งที่ยิ้มร่าเริง ความสัมพันธ์ของทั้งสอง แม้คนที่โง่ที่สุดก็มองออก ว่าสนิทสนมกันเพียงใด “เจ้านายของฉันเขาชื่อ คุณสุริยะ อรรถไกรจ้า... เขาใจดีมากดูแลเอาใจใส่ฉันทุกอย่างเลย ที่สำคัญเขาเป็นโสดด้วย วินท์จะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะรับเขาไว้พิจารณาสักคน” ภาพทั้งหมดตอกย้ำข้อความที่เพื่อนสาวบอกเขาได้เป็นอย่างดี นภวินท์วางรูปลงบนโต๊ะ สีหน้าเคร่งเครียด ขณะซบลงบนฝ่ามือ ทอดถอนใจอย่างหนักใจ คุณรจนาโอบไหล่ลูกชาย รับรู้ความรู้สึกของเขา ซึ่งไม่ต่างจากเธอเลย ผู้ชายอย่างสุริยะคือเสือผู้หญิงโดยแท้ เขาทำให้เธอต้องเสียน้ำตา ต้องทุกข์ใจอย่างสาหัส คำว่ารักของเขาทำให้เธอยอมทนจน ให้กำเนิดลูกชายสองคน แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอหยุดเขาได้ สุริยะยังคงมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตอยู่เรื่อยๆ “คุณคือยอดดวงใจ เป็นแม่ของลูกผม ผู้หญิงคนอื่น เป็นแค่ความสนุกชั่วคราว” คำพูดที่ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกเธอ เมื่อเธอเผชิญหน้ากับผู้หญิงอีกคนของเขา สุริยะเลือกเธอกับลูกอย่างที่เขาบอก ผู้หญิงคนอื่นเป็นเพียงของเล่นชั่วคราวเมื่อเขาเบื่อเขาก็เลิกราไปเอง จนมาถึงผู้หญิงที่ชื่อรติมา ลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ รติมาต่างจากผู้หญิงคนอื่นทีเข้ามาพัวพันกับสุริยะ เธอเข้ามาหาเขาด้วยแรงเสน่ห์ ไม่ได้หวังเงินทองเหมือนผู้หญิงหลายคนของเขา เธอเป็นลูกสาวของนักธุรกิจผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง ฐานะไม่ได้ด้อยกว่าสุริยะเลย ดูเหมือนเขาจะหลงใหลเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่ผ่านมา จนรติมากล้าระรานคุณรจนา เพื่อหวังชิงตำแหน่งภรรยาตัวจริงของเขา สุริยะพาผู้หญิงคนนี้มาอยู่ร่วมบ้านกับคนเป็นภรรยา รจนาถือว่าบ้านเป็นอาณาเขตของเธอและลูกทั้งสอง ไม่เคยอนุญาตให้สามีพาผู้หญิงคนอื่นเหยียบย่างเข้ามารุกรานความเป็นส่วนตัวของเธอ หากยามนั้นสุริยะกลับลืมสิ้นถึงคำสัญญา ที่เคยให้ไว้ “รจนา เธอคงไม่รู้ว่าคุณสุริยะรักฉันมากแค่ไหน ที่เขาอยู่กับเธอเพราะเธอเป็นแม่ของลูกเขาเท่านั้น” คำพูดของรติมาไม่ได้ทำให้รจนาเจ็บช้ำ ได้มากกว่าการที่เธอได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังจะมีลูกกับสามีของเธอความอดทนได้สิ้นสุดลงทันที คุณรจนาหันหลังให้สามีหอบลูกชายวัยสิบสองหนีจากมาตัดขาดกับสามีตั้งแต่นั้น มีเพียงความผูกพันเดียวที่เธอยังตัดไม่ขาด คือลูกชายฝาแฝดคนโต ลูกที่เธอไม่สามารถพามาด้วยได้ “วินท์ ลูกจะทำยังไงต่อไป” คุณรจนากระชับอ้อมแขนที่โอบไหล่ลูกชายแน่นขึ้น คำถามนั้น คนถามเองมีคำตอบให้ตัวเองแล้ว หากต้องการการยืนยันจากคนเป็นลูกอีกครั้ง ทำให้นภวินท์เงยหน้าขึ้นสบตากับมารดา “เราต้องพาปลายกลับมา” เขาบอกมารดาสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงและแววตาแข็งกร้าว กว่าครั้งไหนๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม