หลังจากที่เราสองคน ตกลงคบหาดูใจกัน ในฐานะแฟนซึ่งก็คือแฟนคนแรกของฉันเลยนะ : ) เราคุยกันทุกวันไม่มีขาด…
พี่ไม้บอกกับฉันว่า…จะไม่ได้เจอกันทุกวัน และคงไม่ได้ไปส่งฉันที่บ้านบ่อย ๆ เนื่องจากพี่ไม้เป็นถึงรองประธานคณะรัฐศาสตร์ มีกิจกรรม ต้องเข้าชมรม และต้องไปเตะบอลกับพวกเพื่อนอีกอาทิตย์ละ 2 วันเป็นอย่างต่ำ
พี่เขาจะค่อนข้างยุ่ง จนฉันอาจจะน้อยใจ ที่ไม่มีเวลาให้กันเลยก็ได้ พี่ไม้บอกว่า จะพยายามหาเวลาว่าง ระหว่างอยู่ในมหาวิทยาลัย แวะมานั่งเล่น นั่งคุยกันกับฉันแทน…
อันนั้นคือ ภาพจินตนาการของพี่ไม้ที่บรรยายไว้ให้ฉันฟังตอนแรก….
แต่ในความเป็นจริงนั้น! พี่ไม้ติดฉันมาก อารมณ์แบบคนที่พึ่งเคยมีความรัก เราจะเรียกอาการแบบนี้ว่า “รักเอย..” เหมือนพวกคนคลั่งรักสุด ๆ มีแมกไม้ ต้องมีพริบพราว พี่เขาแทบจะสิงตัวฉันอยู่แล้วค่ะ!
บางวันพี่ไม้ก็โดดเรียน มานั่งกับฉันที่โต๊ะประจำ ไม่ยอมเข้าไปเรียนหนังสือหนังหา เขาอ้างว่าเรียนเก่งอยู่แล้ว ไม่เข้าเรียนก็ยังเรียนรู้เรื่อง อ่านเลคเชอร์เพื่อนก็เข้าใจ ไม่รู้ว่าจริงไหมแต่ห้ามยังไงไหว พูดดี ๆ ก็แล้ว ไล่ก็แล้ว พี่เขาก็ยังไม่ยอมกลับไปเข้าเรียนเอง…
พี่ไม้ก็จะขอเข้าไปเรียนวิชาที่ฉันลงไว้ด้วย เรียกได้ว่าตัวติดกันเป็นแฝดอินจันกันเลยทีเดียว เพื่อนในกลุ่มฉันแซวว่า…เหม็นความรัก ทุกวัน ถามว่าอายไหม? ตอบเลยว่ามากกก
ตั้งแต่คบกันเปิดเผย เรียกสถานะกันว่า แฟน เวลาเดียวที่ฉันจะเป็นอิสระตอนที่ไปมหาลัย คือตอนไปเข้าห้องน้ำ…และไปนานมากก็ไม่ได้ พี่ไม้ก็จะตามมาเฝ้า กลัวฉันจะไปแอบคุย หรือเจอผู้ชายคนอื่นมาจีบ
เพื่อนผู้ชายในเซคเดียวกัน แค่ยืมปากกา หรือ แชตคุยเรื่องรายงานกลุ่ม ถ้าวันไหนไลน์เด้งแล้วชื่อแปลก ก็จะมีสายตาพิฆาตส่งมาถึงฉันทันที แต่มันไม่จบแค่นั้นนะซิ!
ถ้ามีคนไม่รู้เรื่องรู้ราว เผลอมาจีบฉัน พี่ไม้ก็จะไปหาเรื่องประกาศความเป็นเจ้าของต่อฉัน กับผู้ชายพวกนั้นด้วย ที่จริงแล้วตอนที่มีเรื่องกันฉันก็ไม่รู้หรอกนะ... แต่ยัยตาต้าคาบข่าวมาบอก หรือบางทีก็มีคลิปหลุดใน Social media ของเพื่อนในมหาลัย แล้วยัยพวกนั้นก็จะส่งคลิปมาในกรุ๊ปหอยหลอดต่ออีกที
เจ้าชายพระอาทิตย์ของฉัน เขาร้อนแรงมาก แสงของเขานิสัย ตัวตน เท่าที่เห็น ทำให้เวลาเข้าใกล้ ฉันก็รู้สึกแพ้รังสีที่แผดเผา… มันร้อนเกินไป
ถ้าถามว่าเราเคยทะเลาะกันบ้างไหม ก็ตอบว่า มีบ้าง เรื่องที่ทำให้เกิดปัญหาหลัก ๆ เลย คือความหึงหวงเกินเหตุ กับคนรอบตัวฉัน ทำให้อึดอัด เพราะมันมากเกินไป สำหรับชีวิตผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ชื่อพริบพราว ชีวิตประจำวันที่เคยทำได้ การมีแฟนนั้น… อะไรที่เคยง่ายมันก็ดูยากไปหมด!
ณ หลังตึกคณะ บริหาร
“ปล่อย… บอกให้ปล่อยไง ไม่ไป!”
“คุยกันดี ๆ ได้ไหม พราว”
“ไม่คุยค่ะ ไม่อยากคุย เสียเวลา”
“อย่ามาทำแบบนี้ ถ้าพี่เป็นแบบนี้อีก ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า พูดไม่รู้เรื่อง”
ฉันตอบไปแบบหงุดหงิด เป็นเมนส์ก็ปวดท้องพออยู่แล้ว ยังต้องมานั่งโดนฉุดกระชากลากถู กับพี่ไม้อยู่หลังตึกแบบนี้ ดีนะที่มันไม่มีคนพลุกพล่าน ไม่งั้นได้มีข่าวซุบซิบเสียหาย ในเพจมหาลัยอีกแน่ ๆ
เรื่องของเรื่องก็คือ มีผู้ชายในคลาสเรียนวิชาทางเลือก อยู่กลุ่มเดียวกัน เป็นคนหน้าตาดี (พี่ไม้บอกแต่ฉันเฉย ๆ อะนะ)
วิชานี้เรียนที่ตึกรัฐศาสตร์ พี่ไม้ก็เลยรู้ทุกความเคลื่อนไหวของฉันไปหมด เราต้องนัดทำรายงานกลุ่ม ซึ่งก็มีการแชตคุยกันปกติ ถามตอบเรื่องงาน เพราะจะต้องแยกกันทำ ตามหัวข้อรายงานสรุปของกลุ่ม ฉันจำเป็น ต้องนัดกับทุกคนนอกห้องเรียน ที่ห้องสมุดเพื่อเอาบทสรุปต่าง ๆ มารีไรท์ให้กันอีกที เราจำเป็นต้องมีการประชุม เจอหน้ากัน ไม่ใช่แชตกลุ่มคุยอย่างเดียว
ซึ่งพี่ไม้ ก็มาอ่านแชตแยกที่ผู้ชายคนนั้นทักมา มันเป็นเรื่องงาน ล้วน ๆ อ่านยังไงก็ไม่มีการจีบกันเลย แต่พี่ไม้ก็แปลทุกอย่างให้เป็นไป โดยแย่ ด้วยการคิดเข้าข้างตัวเองสุดโต่ง หาว่าคนนั้นอยากหาเรื่องมาคุยกับฉัน เลยเอาเรื่องงานมาอ้าง ไร้สาระขั้นสุด
และเหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ ที่เกิดขึ้น พี่ไม้ไปลากฉันออกมาจากห้องสมุดทั้ง ๆ ที่ฉัน กำลังทำงานกับเพื่อนอยู่ สำหรับคนอื่นอาจจะรู้สึกว่า เป็นเรื่องพ่อแง่แม่งอน แต่บอกตามตรงว่าฉันเริ่มรู้สึกแย่แล้วละ
เนื่องจากตอนที่พี่ไม้ลากฉันออกมาคุยที่หลังตึก เพื่อจะให้ขึ้นรถกลับบ้าน เขาบีบข้อมือฉันแรงมาก แดง จนเจ็บไปหมดด้วยอารมณ์ของเขา ฉันทั้งเหนื่อย ปวดท้อง และรู้สึกกลัวมาก ๆ ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย
จริง ๆ
…ถ้าวันนี้ ไม่มีคนเดินผ่านเข้ามาทักแบบนั้น มันคงเป็นเรื่องใหญ่! ฉันคงต้องกลับบ้านไปกับพี่ไม้ โดยทิ้งเพื่อนทำรายงานไว้ ที่ห้องสมุดทั้งอย่างนั้น แล้วคนจะมองฉันยังไง? จะให้ทำงานกลุ่มด้วยอีกไหมในอนาคต?
ทุกอย่างมันเริ่มเป็นปัญหาสำหรับฉันมากขึ้นทุกวัน ฉันอยากให้พี่ไม้ไปใช้เวลากับตัวเอง ตามที่เขาเคยบอกไว้ตอนแรก แบบไม่มีเวลาให้กันอาทิตย์ละสองสามวันก็ได้ เพราะฉันเริ่มจะหมดความอดทน แล้วพานจะอยากหลบหน้าเขาไปนาน ๆ
ทุกครั้งที่มีเรื่องทะเลาะกัน ฉันรู้สึก เครียด ไม่มีความสุขเลย… ชีวิตฉันเคยสดใสมากนะ ตอนนี้ ทำไม มันเริ่มหม่นหมองลง เพราะความไม่สบายใจ หรือว่า ไม่เป็นตัวของตัวเอง
ด้วยความที่รักครั้งนี้เป็นรักครั้งแรก ฉันเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าความสัมพันธ์แบบที่เป็นอยู่มันดี หรือว่า ไม่ดี
ทุกคนที่มองมาต่างมีสายตาที่อิจฉาฉัน ทุกคนชื่นชมถึงความเหมาะสม และ ความรักของเราดูดีมากในสายตาของคน อื่น พอมีคนพูดแบบนั้น ฉันเลยคิดว่ามันคือความสัมพันธ์ที่ดี
แต่จริง ๆ แล้ว นี่หละ >> คือจุดเริ่มต้นอาการป่วยของฉัน
และมันคือความฉิบหายครั้งใหญ่ของชีวิตเลยก็ว่าได้!