ภาพที่คนนอกมองเข้ามา มีแต่คนอิจฉา ว่าฉันคือเจ้าของหัวใจพี่ไม้ สุดฮอตคนนี้ และเป็นความรักที่ ทำให้สาว ๆ หลายคนอกหักไปตาม ๆ กัน เพราะพี่ไม้ รักฉันมาก ดูแลฉันดี
วันรุ่งขึ้น เหมือนพี่ไม้รู้สึกผิด ที่กระชากลากถูฉันรุนแรงไปซึ่งเมื่อคืนฉันก็หนี ไม่รับสาย ไม่อยากคุย ไม่อยากจะเจอหน้าเขาทั้งสิ้น เลิกคลาสออกมาพึ่งจะเห็นว่าข้างนอกฝนตก
ขณะที่ฉันกำลังเดินลงบันไดมากับเพื่อน เกิดสะดุดเชือกรองเท้าผ้าใบสีขาว ที่หลุดอยู่ ทำให้เกือบล้มหน้าคว่ำลงมา… แต่โชคยังดีที่เมล กับแอนนี่ ที่อยู่ข้าง ๆ ช่วยพยุงไว้ทัน ทำให้ไม่เจ็บตัวอะไรเลย
เดินลงมาถึงข้างล่าง ขณะที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ตรงลานหน้าตึก ที่เดินออกมา… พี่ไม้ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ พร้อมร่มคันใหญ่ในมือ
บอกให้ฉันถือไว้… แล้วตัวเองก็ก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้ฉัน พร้อมทั้งพูดว่า…
“พราวไม่ต้องก้มนะคะ เดี๋ยวมือเปื้อน”
“พี่ผูกให้เอง.. ไม่อยากให้พราวเปียกฝน” พี่เขาโผล่มาในซีนแบบพระเอก ฉันรู้สึกได้ว่าเขายอมง้อฉัน โดยกันมาดักรอที่หน้าตึก ฉันไม่อยากจะทำให้เสียหน้า เลยเลือกที่จะนิ่งเฉยกับเรื่องที่เราทะเลาะกันเมื่อวานนี้
“ขอบคุณค่ะ” ตอบกลับพี่ไม้ไปแบบสุภาพ ยิ้มนิด ๆ ไม่ได้รู้สึกซึ้งอะไรเท่าไหร่ เพราะมองที่มือก็ยังเห็นรอยแดงชัดอยู่
“หูยยย…” เสียงซี๊ดปากแซวฉันหนึ่งกรุบ โดยเพื่อน ๆ ที่มาจากความอิจฉา หมั่นไส้ รำคาญ ใด ๆ ก็แล้วแต่... ค่อนข้างเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้พอตัว ก็ทั้งลานตึกบริหารนั่นละมองกันใหญ่เลย…
(หึ้ย!! เพื่อนยังแซวขนาดนี้... คิดดูว่าคนที่ได้ยินอีกมากและเห็นภาพแบบนั้นจะรู้สึกยังไง?) วาสนา หรือ คราวเคราะห์ของพราวน้า
เพื่อน ๆ เห็นภาพแบบนี้กันจนชาชินตา และทุกคน โดยส่วนมากก็รู้จักเราสองคนเป็นอย่างดี หลังจากที่เราคบกันมาได้ประมาณ 4 เดือนได้
…
วันกิจกรรมชมรถ ออกบูท
งานกิจกรรมของคณะอักษร รัฐศาสตร์ นิเทศ บริหาร พวกเรามีกิจกรรมรวมกัน สี่คณะ รวมเด็กจากหลายสาขาวิชา ภาพยนตร์ โฆษณา influence ปกครอง การตลาด การเงิน การจัดการ 10 กว่าสาขาได้ ที่มาออกร้านจัดกิจกรรมในวันนี้ รวมถึงมีเด็กจากคณะอื่น ทั้งวิศว นิติ อักษร การบิน แพทย์ เดินเล่นภายกันทั่วไปหมดเพราะงานจัดถึง 7 วัน มหาวิทยาลัยวันนี้เลยค่อนข้างครึกครื้นเป็นพิเศษ
มีเด็กต่างสาขาเดินทั่วไปหมด เป็นอาหารตาของพวกเพื่อนฉันเลย พวกมันแฮปปี้มากลงไปเดินเล่นในงาน ทุกวัน บอกว่าไปอ่อย ผู้ ต่างคณะที่นาน ๆ จะหลงเข้ามาเดินเที่ยวแถวตึกเรากัน
ฉันซึ่งไม่ค่อยได้เจอหน้าพี่ไม้ เพราะช่วงนี้งานกิจกรรมของคณะค่อนข้างยุ่ง ตามที่ภาวนาไว้ในใจตอนนั้น ก็สมหวังแล้ว หลังจากวันฝนตก ก็มีงานกิจกรรมนี้ละ มาคั่นไว้ทำให้ห่างกันบ้าง พอให้คิดถึงกัน และฉันก็หายโกรธเขาได้สักพักแล้ว คุยกันปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขี้เกียจจะให้เรื่องนั้นมากวนใจเลยไม่เคลียร์ ปล่อยผ่านสถานการณ์นั้นไป
พี่เขาก็ยังเจียดเวลามากินข้าวด้วย เรายังแชต และคุยกันก่อนนอนทุกคืน พี่ไม้บอกว่าเหนื่อยมาก กว่าจะเก็บบูท ประชุมแก้ไขปัญหากันในแต่ละวัน ก็เล่นเอาถึงบ้านดึกแล้วก็ต้องรีบมาแต่เช้าเพื่อดูความเรียบร้อยของงาน
ยุ่งมาก...แต่ก็ยังแอบมาเซอร์ไพรส์ ที่บ้านตอนสามทุ่มได้อีก..คิดดู! ความสวยมันฉุดไม่อยู่ผู้ชายก็ติดไม่หยุด++
Line Chat
MEKMAI:
“พราวครับ”
“โผล่หน้ามาทางหน้าต่างหน่อยเร็ว”
“พี่แวะมาหา”
“คิดถึง”
“จอดรถอยู่ ฝั่งตรงข้าม เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี”
PPRAW:
“ฮะ”
“แปบนะคะ”
MEKMAI is calling you…… (เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าพราว)
“(ฮัลโหล! คิดถึงไหม..คะ)” เสียงค่อนข้างแหบ เหมือนคนจะไม่สบายเลย น่าสงสารจัง T^T
“คิดถึงม๊าก มากค่ะสุดหล่อ”
“(พราวขา.. ลงมาหน้าบ้านหน่อยได้ไหมคะ พี่อยากเห็นหน้าหนู)”
“ตอนนี้พราวล้างหน้าแล้วอ่า..ไม่ลงได้ไหมคะ >
“(ไม่ต้องอายหรอกค่ะ สวยอยู่แล้ว ไม่แต่งหน้าก็สวยน้า)”
“แหม พี่ไม้อ่า.. ชมแบบนี้”
“อ้อน อีกแล้วน้า ” ฉันยิ้มไปคุยไปจนแก้มแทบแตก
“รอแป๊บหนึ่งนะคะเดี๋ยวพราวลงไปหา”
“(ครับ พี่จอดรถฝั่งตรงข้ามนะคะคนสวย)” -End call-
“นี่ครับ” พี่ไม้พูดพร้อมกับยื่นกล่องเล็ก ๆ อันหนึ่งมาให้ฉันจากกระเป๋ากางเกง
“อะไรเอ่ย?” ฉันรับไว้ พร้อมส่งยิ้มตาหยีให้แฟนสุดที่รัก
“คิดถึงจัง... ขอหอมแก้มหน่อยได้เปล่าครับ” คนเจ้าเล่ห์ไม่พูดเปล่า..ขยับเข้ามาใกล้ แล้วรีบฉกแก้มฉันอย่างไว!
“อย่างนี้เค้าไม่เรียกว่าขอค่ะ นี่พี่หอมไปแล้ว…น..นะ >
“อ่าว ไม่ขอก็ได้ด้วยหรอ..” ไม่พูดเปล่าแถมยังทำหน้าทะเล้นใส่ฉันอีก
“งั้นวันหลังไม่ขอแล้ว.. ทำเลยได้ใช่เปล่า?” พี่ไม้พูดพร้อมยิ้มโชว์ฟันขาวเป็นนายแบบยาสีฟันไปเลย
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มาส่ง ไม่ได้ดูแลเต็มที่ขอโทษทีน้า”
“ตอนนี้หาเวลามาเจอได้แป๊บ ๆ แบบนี้ อะไรที่ทำให้พราวมีความสุขได้พี่ก็อยากทำให้ หวังว่าพราวจะชอบของชิ้นนี้นะคะ” เขาตอบกลับมาด้วยสายตาคนคลั่งรัก ที่ทำให้ฉันใจอ่อนอีกแล้ว ให้อภัยได้ทุกเรื่องเลยพอมาเจอน้ำเสียงและแววตาแบบนี้
เฮ้อ ทำไมน้า…แฟนฉันหล่อล่ำ น่ากินได้ขนาดนี้ เวลาดีก็ดีใจหาย ขนาดทำงานกิจกรรมยุ่งแค่ไหน ก็ยังแวะมาหาอีก เวลาร้ายก็แทบอยากจะหนีให้ไกล นี่ละนะความรักหวานอมขมกลืน