ปัง! ปัง!
เสียงปืนสองนัดดังติดกันมาจากภายในบ้านเช่าโกโรโกโสแห่งหนึ่ง ชายชุดดำนับสิบคนต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในนั้นอย่างรวดเร็ว พบกลุ่มนักเลงหัวไม้จ่อปืนไปยังชายหญิงที่อยู่ในวัยชราช่วงอายุหกสิบปลายๆ ในสภาพโชกเลือด แต่ยังคงมีลมหายใจ การปะทะระหว่างคนสองกลุ่มจึงเกิดขึ้น ด้วยชั้นเชิงการต่อสู้ที่เหนือกว่า อีกทั้งจำนวนคนก็มากกว่าสองเท่าตัว ไม่นานพวกนักเลงหัวไม้ก็พ่ายแพ้อย่างหมดท่า สะบักสะบอมไปตามๆ กัน
“พวกมึงเป็นใครว่ะ ถึงมาช่วยไอ้อีพวกนี้” หนึ่งในพวกนักเลงเอ่ยถามด้วยความข้องใจ แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นเพราะปลายกระบอกปืนแนบอยู่ที่ท้ายทอย
“พวกกูไม่ได้มาช่วย แต่มาล่า” หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดที่ปฏิบัติการตามคำสั่งของผู้เป็นนายเอ่ยบอกเสียงยะเยือก
“อ้าว อย่าบอกนะว่าพวกมันไปกู้เงินพวกมึงมา”
“ก็ไม่ใช่อีกนั่นละ ผู้หญิงอีกคนอยู่ที่ไหน”
“ถ้าหมายถึงนังนุ่น พวกกูก็กำลังหามันอยู่เหมือนกัน อีนังแพศยา หลอกเงินกูไปเป็นล้าน มิหนำซ้ำยังเป็นสายให้ตำรวจอีก อย่าให้เจอตัวนะ กูไม่เอามันไว้แน่” เสียงแข็งกร้าวแสดงความเครียดแค้นในสิ่งที่ถูกหญิงร้ายกระทำไว้อย่างเจ็บแสบ
“ลูกสาวของมึงสองคนอยู่ที่ไหน” บอดี้การ์ดหันไปถามเจนภพกับวิภาดาที่ร้องโอดโอยเจ็บปวดจากรอยกระสุนที่ฝังอยู่ในต้นแขนด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวถึงนุ่น เรวิยา บุตรสาวของทั้งสอง ตัวปัญหาที่เจ้านายต้องการตัว แต่ขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่
“ฉันไม่รู้ นังนุ่นไม่ได้กลับมาที่นี่หลายวันแล้ว นังลูกชั่ว” วิภาดาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นกลัวแฝงความเคืองโกรธลูกสาวที่หนีหายเอาตัวรอดไปตามลำพัง ปล่อยให้พ่อแม่รับชะตากรรมอยู่ฝ่ายเดียว สีหน้าแสดงความเจ็บปวดจากแผลที่ถูกยิงเป็นอย่างมาก
“มันคงหนีเอาตัวรอดไปแล้ว นังลูกสารเลว ทิ้งพ่อทิ้งแม่ให้รับกรรม” เจนภพเกรี้ยวกราดเมื่อพูดถึงลูกสาวที่คอยแต่จะสร้างปัญหาให้ตนตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงทุกวันนี้ โดยไม่เคยเอ่ยโทษตัวเองว่าเป็นพ่อแม่ที่เห็นแก่ตัว ผลาญเงินไปกับการเสียงโชคในบ่อน ไม่ต่างจากคนเป็นลูกที่เอาแต่เที่ยวเตร่ เปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เรียนไม่จบ ไม่ทำงานทำการ พัวพันกับยาเสพติด
“อยู่นั่น” เสียงเหยียบขวดน้ำพลาสติกทำให้ทุกสายตาหันไปมอง ร่างขะมุกขะมอมของคนที่ทุกคนกำลังตามล่าปรากฏตัวด้วยใบหน้าตื่นตระหนก สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เธอต้องหนี
นุ่นสะดุดล้มลง เธอรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพาตัวเองวิ่งหนีสุดแรงเกิด เลือดในกายทุกหยาดหยดเย็นเฉียบราวน้ำแข็งขั้วโลก
“หยุด ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก” เสียงกร้าวแข็งดังไล่ตามมาจากด้านหลัง กลุ่มชายฉกรรจ์กำลังไล่ตามไปอย่างไม่ลดละ ความหวาดหวั่นทำให้นุ่นวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งออกจากซอยเล็กตรงไปยังถนนใหญ่ ก่อนจะเลือกเลี้ยวไปทางซ้ายแบบไม่ต้องคิด วิ่งไปเรื่อยๆ บนถนนมืดมิดไร้ผู้คน สิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้คือวิ่ง วิ่ง และวิ่ง วิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนีให้พ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช
นุ่นวิ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดจะผ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย กลับกันเธอพยายามวิ่งให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ หันซ้ายหันขวาด้วยคาดหวังว่าอาจจะเห็นใครสักคนหรือรถสักคันตามข้างถนนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีเลย ตึกรามบ้านช่องทั้งสองข้างทางของถนนใหญ่ดับไฟมืดสนิททุกหลัง บริเวณโดยรอบไม่มีที่ให้เธอได้หลบซ่อนแม้แต่น้อย เธอพยายามเพ่งสายตาฝ่าความมืด ทว่ามองอย่างไรก็ไร้ผล พวกชายชุดดำไล่ตามมาแล้ว ในใจของเธอตื่นตระหนกจนแทบระงับไว้ไม่อยู่ จึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปในพงหญ้าข้างทางอย่างไม่คิดชีวิต
“แค่ผู้หญิงคนเดียวยังปล่อยให้หนีไปได้ หรือต้องให้ฉันลงไปจัดการด้วยตัวเองห๊ะ!!” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวเมื่อรู้ว่าบอดี้การ์ดทำงานที่สั่งพลาดดังลั่น หัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างไม่ได้ดั่งใจ สร้างความหวาดเกรงให้กับลูกน้องที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเป็นอย่างมาก
“ขอโทษครับนาย แต่เราได้ตัวพ่อกับแม่ของเธอมาด้วย ทั้งสองคนถูกแก๊งทวงหนี้ยิงได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ผมให้ลูกน้องเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”
“ฉันต้องการตัวผู้หญิงคนนั้น” ปุณณ์อยากจัดการผู้หญิงแพศยาวาจาสับปลับด้วยตัวของเขาเอง ผ่านมายี่สิบปีเขาไม่คิดจะยุ่งเกี่ยว คิดมาตลอดว่าเงินสิบล้านจะปิดปากได้สนิทไปจนวันตาย แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ เขาก็จะทำให้มันพูดอะไรไม่ได้อีก เรื่องนี้จะตัองเป็นความลับไปตลอดกาล
“พวกผมจะล่าตัวมาให้ได้โดยเร็วที่สุดครับ”
“ฉันให้เวลาแค่สามวันเท่านั้น ถ้ายังจัดการไม่ได้ก็ไสหัวพวกนายออกไปให้หมด” น้ำเสียงของปุณณ์เด็ดขาด น่าเกรงขาม
“เกณฑ์คนของเราไปให้มากที่สุด ล่าตัวมาให้ได้” อาชิสั่งการเสียงเหี้ยมไม่แพ้ลูกชาย หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
“พวกผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ” เหล่าบอดี้การ์ดค้อมศีรษะให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะออกไปจัดการตามคำสั่งทันที และครั้งนี้จะไม่มีคำว่าพลาด
“ปุณณ์…” ขณะที่สามีกับลูกชายสั่งการบอดี้การ์ดชะเอมก็คอยกอดลูกสะใภ้ไว้อย่างปลอบโยน เป็นกังวลไม่ต่างจากทุกคน เมื่อบอดี้การ์ดออกจากห้องไป นาวจึงเดินเข้าไปหาคนเป็นสามี สีหน้าของเธอเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด กลัวเหลือเกินหากพาฝันรู้ความจริงว่าเธอไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิด
“พาฝันเป็นลูกของนาวกับปุณณ์ เป็นลูกของนาวกับปุณณ์เท่านั้น ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง นาวอย่ากังวลไปเลยนะ ปุณณ์จะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรได้อีก ความลับทุกอย่างจะถูกฝังไว้ในผืนดินตลอดไป” อ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดอย่างปลอบประโลม แต่นัยน์ตากลับแข็งกร้าวอยากจะกระชากวิญญาณใครบางคน