ตอนที่ 2 พาฝัน

1263 คำ
“พาฝันจะได้ไปอยู่กับฟลินต์ที่มาเก๊าแล้วนะ” ริมฝีปากบางระบายยิ้มกับแผ่นกระดาษที่วางอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ เอกสารจากทางมหาวิทยาลัยที่บ่งบอกว่านางสาวพรนับพันเรียนจบปริญญาตรี ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และเหรียญทอง ตามที่ได้ทำข้อตกลงไว้กับผู้พ่อ หากเธอเรียนได้เกียรตินิยมจะยอมให้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่มาเก๊า เสียงหวานใสแฝงไว้ด้วยความดีใจ ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่อยู่ทางไกลแจ่มชัดในมโนภาพ การรอคอยอันยาวนานกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว… เอี๊ยดดดดดด!! “เห้ย!! …ชนไหมเนี่ย” พาฝันอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อละสายตาจากเอกสารบนเบาะ แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงมายืนขวางหน้ารถ ทั้งที่อีกไม่กี่สิบเมตรก็จะถึงคฤหาสน์หรู เท้าเรียวเหยียบเบรครถอย่างกะทันหัน เสียงเบรครถลากยาว จนศีรษะของคนขับโยกไปด้านหน้า และสะบัดกลับด้านหลังตามแรงโน้มถ่วง เมื่อตั้งสติได้จึงรีบชะโงกไปด้านหน้ารถทันที ดวงตาคู่งามเบิกกว้างเมื่อผู้หญิงคนนั้นนอนฟุบอยู่บนพื้นถนน ห่างจากหน้ารถเพียงคืบ จึงรีบเปิดประตูรถออกไปดู “คุณเป็นยังไงบ้าง” พาฝันประคองร่างของหญิงวัยกลางคนขึ้นมาอย่างไร้ซึ่งความรังเกียจ แม้อีกฝ่ายจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าซอมซ่อ อีกทั้งอายุอานามก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับพ่อแม่ของเธอ “พาฝัน” เสียงแหบแห้งแผ่วเบา พร้อมมือหยาบกระด้างที่ยกขึ้นมาสัมผัสผิวแก้มเนียน ความระวังตัวทำให้พาฝันผงะหน้าหนี “รู้จักพาฝันด้วยเหรอคะ” พาฝันถามกลับไปด้วยความฉงนสงสัย เธอแน่ใจว่าไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน “พาฝัน…พาฝันลูกแม่” ดวงตาของหญิงวัยกลางคนไหวระริก น้ำตารื้นขอบตา พยายามจะสัมผัสใบหน้าของพาฝัน “คุณคงจำคนผิดแล้วละค่ะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” “ไม่ แม่ไม่เจ็บ” ผู้หญิงคนนี้ยังแทนตัวเองว่าแม่ พาฝันไม่ได้นึกถือสา คิดไปว่าอาจจะคิดถึงลูกมากจนสติฟั่นเฟือน “ถ้างั้นลุกไหวไหมคะ” มือเล็กประคองร่างขะมุกขะมอมขึ้นยืน เป็นจังหวะที่รถตู้ MPV สุดหรูหราขับเคลื่อนมาหยุดต่อท้ายรถสปอร์ตของพาฝัน ร่างสูงภูมิฐานก้าวลงมาจากรถ “พาฝันลูก” พาฝันหันไปมองตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย “คุณพ่อ อะ…อ้าว” ในจังหวะที่พาฝันหันไปหาคนเป็นพ่อ หญิงวัยกลางคนก็ผละออกจากร่างเพรียว แล้ววิ่งหายเข้าไปในซอยใกล้ๆ “เกิดอะไรขึ้น” ปุณณ์สาวเท้าเข้าไปหาลูกสาวด้วยความเป็นห่วง “พาฝันเกือบขับรถชนผู้หญิงคนเมื่อกี้ค่ะ ทำไมต้องหนีด้วยนะ” “แล้วพาฝันเป็นอะไรหรือเปล่าลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” “พาฝันไม่เป็นอะไรค่ะ แต่น่าแปลกมากเลย ผู้หญิงคนนั้นเขารู้ชื่อพาฝันด้วย แล้วยังแทนตัวเองว่าแม่อีก” ปุณณ์มีสีหน้าตระหนกตกใจ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติในพลัน แล้วส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้บอดี้การ์ดตามผู้หญิงคนนั้นไป “คงสติไม่ดี พาฝันอย่าไปสนใจเลยลูก เข้าบ้านกันดีกว่า พ่อขับให้” ปุณณ์รั้งลูกสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกรักและหวงแหน สายตาจับจ้องไปยังซอยที่อยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาแข็งกร้าว ก่อนจะเดินไปยังรถของพาฝัน และทำหน้าที่คนขับ “คุณแม่” เสียงหวานใสร้องเรียกผู้เป็นแม่ที่ออกมายืนรอรับ วิ่งเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึงทั้งที่ห่างกันไปไม่กี่ชั่วโมง “ทำไมกลับมาพร้อมกันได้ แล้วทำไมคุณพ่อทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ” นาวสังเกตเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของสามี “เมื่อกี้พาฝันเกือบขับรถชนคนค่ะ” “แล้วพาฝันเป็นอะไรหรือเปล่าลูก” “พาฝันไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ แค่ตกใจ” “แล้วคนที่พาฝันเกือบขับรถชนล่ะ” “น่าจะไม่เป็นอะไรค่ะ พอคุณพ่อมาก็วิ่งหนีไป ทำเหมือนกลัวคุณพ่อเลย” “ปุณณ์…” นาวรับรู้ได้ว่าคนเป็นสามีกำลังเป็นกังวล แต่ในความกังวลนั้นก็แฝงความกลัวอยู่ด้วย “เราเข้าไปคุยกันต่อในบ้านดีกว่า” ปุณณ์เดินเข้ามาหอมแก้มคนเป็นภรรยาอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวันเมื่อกลับจากทำงาน แววตาของเขายังคงเป็นกังวลจนนาวก็รู้สึกเป็นกังวลไปด้วย “คุณทวด คุณปู่ คุณย่า” พาฝันเข้าไปหอมแก้มทวดแทน ทวดพาย ปู่อาชิ และย่าชะเอม ที่นั่งเอกเขนกพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่น “คนเก่งของทวด” แทนไทหอมแก้มของเหลนสาวคนแรกด้วยความรักใคร่ เช่นเดียวกับพรพระพาย “หน้าระรื่นกลับมาแบบนี้แสดงว่า…” ชะเอมรู้ทันหลานสาว “พาฝันได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และเหรียญทองค่ะ” “เก่งที่สุดเลยลูก” พรพระพายชื่นชมยินดีไปกับเหลนสาว “หลานสาวปู่เก่งมากครับ” อาชิยื่นมือไปลูบศีรษะหลานสาวคนโตอย่างเอ็นดู “คุณพ่อเสียท่าลูกสาวแล้ว” นาวเอ่ยกระเซ้าคนเป็นสามีที่ไปตบปากรับคำลูกสาวอย่างเสียมิได้ “ไปเรียนที่มาเก๊าก็ดีเหมือนกัน” ทุกคนต่างพากันประหลาดใจที่จู่ๆ ปุณณ์ก็มีท่าทีเปลี่ยนไป จากที่เคยคัดค้านไม่อยากให้พาฝันไปเรียนต่อที่มาเก๊า “คุณพ่อน่ารักที่สุดเลย พาฝันรักคุณพ่อที่สุด รักที่สุดเลยค่ะ” พาฝันดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ กระโดดขึ้นไปนั่งตักผู้เป็นพ่อ หอมแก้มซ้ายขวาซ้ำไปซ้ำมาอย่างเอาใจ “พ่อรักพาฝันมากนะลูก” “พาฝันรู้ค่ะ ทุกคนรักพาฝัน พาฝันก็รักทุกคน” “รักทุกคนแต่อยากไปอยู่กับอาฟลินต์” ชะเอมว่า “ก็พาฝันคิดถึงฟลินต์นี่ค่ะ คุณปู่อยากให้ฟลินต์ไปอยู่ไกลพาฝันเองนี่น่า” “ปู่ผิดสินะที่ส่งฟลินต์ไปดูแลกาสิโนที่มาเก๊า” “ไม่ผิดค่ะ แต่คุณปู่ให้ฟลินต์ทำงานเยอะเกิน เยอะจนฟลินต์ไม่มีเวลามาหาพาฝัน” “เรียกฟลินต์จนติดปาก บอกให้เรียกอาฟลินต์ตั้งแต่เล็กจนนี่เรียนจบก็ไม่เคยจำ” “คุณแม่ก็บอกพาฝันตั้งแต่พาฝันเป็นเด็กน้อยจนโตเป็นสาวสวยอย่างทุกวันนี้ คุณแม่ไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ” “ยอกย้อนเก่งนักนะลูกคนนี้” นาวแกล้งหยิกแขนลูกสาวให้พอเจ็บๆ คันๆ แต่พาฝันกลับร้องโอดโอยราวกับเจ็บปวดมากมาย “โอ๊ยยยยย!! คุณแม่อย่าใจร้ายกับพาฝันสิคะ” พาฝันสวมกอดผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน “เจ้าเล่ห์จริงลูกคนนี้” นาวหอมแก้มลูกสาวด้วยรักและเอ็นดู “ย่าได้ยินแว่วๆ ใครขับรถชนใครลูก” “อ๋อ…” พาฝันเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง และต่างมีสีหน้าตื่นตระหนก โดยเฉพาะนาวที่ความกลัวเข้ามาเกาะกินหัวใจ “พาฝันเป็นลูกของแม่ จะไปเป็นลูกของคนอื่นได้ยังไง” นาวโอบกอดพาฝันไว้ด้วยความรู้สึกรักและหวงแหน “จริงที่สุดค่ะ พาฝันสวยเหมือนคุณแม่ จะเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง คงสติไม่ดีอย่างที่คุณพ่อว่าแหละค่ะ” พาฝันไม่เชื่อคำพูดที่เลื่อนลอยของผู้หญิงคนนั้น ไม่แม้แต่จะเก็บมาใส่ใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม