ตอนที่ 7

2109 คำ
ตอนที่ 7 รุ่งเช้าวันใหม่ ลู่เหมยและหลิงปิง สองพี่น้องตระกูลหานเดินหัวร่อต่อกระซิกกันไปขึ้นรถม้าเพื่อตรงไปยังที่ได้นัดหมายกับชายหนุ่เอาไว้ เมื่อไปถึงก็พบกับเยว่เทียนที่มารออยู่ก่อนแล้ว “รอพวกข้าสองคนนานหรือไม่?” ลู่เหมยเอ่ยถามเขา “ไม่นานหรอก ข้าเองก็เพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เอง” ชายหนุ่มรีบตอบกลับ แม้ความจริงเขาจะมาถึงนานแล้วก็ตาม หญิงสาวหัวเราะร่วน “ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็รีบไปกันเถิด” จากนั้นสองพี่น้องจึงเข้าไปช่วยเลือกซื้อของตามที่ชายหนุ่มต้องการ โดยมีหลิงปิงเป็นคนช่วยเลือก เยว่เทียนหันไปส่งยิ้มให้กับ หานลู่เหมยที่กำลังเดินดูเครื่องประดับอยู่อีกมุมหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้กับหานหลิงปิงและเอ่ยประโยคที่ทำให้นางถึงกับชะงัก “ปิงเอ๋อร์ หากข้าจะขออยู่กับลู่เหมยเพียงลำพังได้หรือไม่” ชายหนุ่มพูดขึ้นโดยที่ไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของหญิงสาว ที่บัดนี้พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้สั่นไหว “แล้วทำไมท่านถึงไม่บอกท่านพี่ไปตามตรงเล่า ไยต้องให้ข้ามาด้วย” นางถามเขากลับ สายตามีแววแข็งกร้าวอยู่ไม่น้อย “หากข้าทำเช่นนั้น นางก็จะไม่ยอมมาด้วยน่ะสิ” “ท…ท่านก็เลยหลอกให้ข้ามาด้วยแล้วค่อยเอ่ยปากไล่ทางอ้อมเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” ตอนนี้หญิงสาวเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ นี่เขาเห็นนางเป็นอะไร สาเหตุที่ยอมให้นางมาด้วยก็เพราะไม่อยากให้พี่สาวได้เอ่ยปฏิเสธอย่างนั้นหรือ อีกทั้งยังกล้ามาเอ่ยปากไล่นางซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ นอกจากจะไม่ไว้หน้ากันแล้ว ยังเห็นว่านางเป็นเพียงแค่ส่วนเกินอีกด้วย “ได้เจ้าค่ะ หากท่านต้องการ” กล่าวจบนางก็รีบวิ่งออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจเสียงเรียกของชายหนุ่มที่ดังตามไล่หลังมา “เกิดเรื่องอะไรขึ้น! แล้วนั่นปิงเอ๋อร์วิ่งไปไหน” ลู่เหมยที่กำลังเลือกซื้อของได้ยินเสียงร้องตะโกนของเยว่เทียนก็รีบหันกลับมามองด้วยความตกใจ ก่อนที่นางจะเห็นว่านางสาวกำลังวิ่งร้องไห้ออกไปโดยที่ไม่สนใจใครเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวหันกลับไปมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าทำอะไรน้องสาวของข้า เยว่เทียน” “ข…ข้าขอโทษ ข้าเพียงแค่อยากอยู่กับเจ้าสองคน ล…เลยเผลอ พูดจาทำร้ายนาง” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว เพราะเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าเมื่อครู่นี้ตนเองได้พูดจาไม่ไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าผิดหวังในตัวเจ้ายิ่งนัก” กล่าวจบนางก็รีบวิ่งตามน้องสาวออกไป โดยมีเยว่เทียนวิ่งตามออกไปด้วย หานหลิงปิงวิ่งออกมาโดยที่ไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะวิ่งไปในทิศทางใด นางรู้แต่เพียงว่าจะต้องออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด ก่อนจะมาหยุดทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พลางตั้งคำถามว่าทำไมเขาถึงได้พูดจาทำร้ายจิตใจกันถึงเพียงนี้ แค่ไม่ได้รักก็ว่าเจ็บปวดมากพอแล้ว หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า หากแต่นางก็หาได้ใส่ใจไม่ ยังคงนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น “แม่นาง เจ้ามานั่งร้องไห้ทำไมอยู่แถวนี้ ให้พวกข้าช่วยปลอบดีหรือไม่” หนึ่งในพวกมันพูดขึ้น ก่อนจะพากันหัวเราะออกมาเสียงดัง ทำให้หญิงสาวถึงกับชะงัก ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้ามองเจ้าของเสียงนั้น แต่แล้วนางก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อมีชายหนุ่มแปลกหน้าท่าทางไม่น่าไว้ใจกำลังยืนมองนางด้วยสีหน้าหื่นกระหาย จนหานหลิงปิงรีบลุกขึ้นยืน พลางถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว “ว่าอย่างไรเล่าแม่นาง ให้พวกข้าช่วยปลอบดีหรือไม่” พร้อมกับสาวเท้าเข้ามาใกล้หญิงสาวขึ้นเรื่อย ๆ “ข…ข…ข้ามิได้เป็นอันใดเจ้าค่ะ ขอตัวก่อนจะเจ้าคะ” นางเอ่ยตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ หนึ่งในพวกมันฉุดแขนของนางเอาไว้แน่น พร้อมกับดึงร่างอรชรเข้าไปปะทะกับแผ่นอกกว้าง กลิ่นตัวของมันทำให้นางรู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่ไม่น้อย “กรี๊ดดดด!! ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า” หญิงสาวกรีดร้องออกมาเสียงดัง รู้สึกขยะแขยงพวกมันที่บังเอิญมาแตะต้องเนื้อตัวนางโดยที่ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง หลิงปิงพยายามออกแรงดิ้นให้หลุดออกจากการถูกกอดรัด แต่ลำพังผู้หญิงตัวคนเดียวจะทำอะไรได้ พวกมันผลักร่างของนางจนล้ม ก่อนที่นางจะสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ข้อเท้า หญิงสาวมองพวกมันด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย และคิดว่าหากนางจะต้องถูกพวกคนโฉดกระทำย่ำยี นางจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายดีกว่าตกเป็นเหยื่อของพวกมัน “ฮ่าฮ่าฮ่า แม่นาง เจ้ามิต้องกลัวไปหรอก พวกข้าสัญญาว่าจะไม่ทำรุนแรงกับเจ้า สวย ๆ อย่างเจ้าข้าจะไม่ให้ทำให้เจ็บอย่างเด็ดขาด” คนที่ดูตัวใหญ่ว่าซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหื่นกระจาย นางที่รู้สึกเจ็บข้อเท้า แม้อยากจะลุกหนีแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจนึก นางจึงได้หลับตาและคิดว่าวันนี้ตัวเองคงไม่รอดแล้ว ครั้นตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจนเสียงแหบแห้งก็ไม่พบว่าจะมีใครที่จะเข้ามาช่วยเหลือนางได้เลย หรือวันนี้จะเป็นวันตายของนางอย่างนั้นหรือ “พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าคงไม่มีโอกาสได้อยู่เล่นกับพวกท่านอีกแล้ว” หญิงสาวพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ก่อนที่นางจะทันได้ตัดสินใจทำอะไร จู่ ๆ ร่างของพวกมันที่กำลังจะเข้ามากระทำย่ำยีนางก็ล้มไปนอนกองอยู่กับพื้น เลือดสีแดงสดที่ไหลทะลักออกมาจากตัวพวกมัน ทำให้นางกรีดร้องจนแทบสิ้นสติ หากแต่ก็ได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นมาเสียก่อน “เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ามาเพื่อช่วยเจ้า” สิ้นคำพูดก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งในมือถือกระบี่ที่ชุ่มไปด้วยเลือด พวกมันตายโดยที่ไม่มีเสียงร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว หญิงสาวมองเขาอย่างตกตะลึง นี่เขาเป็นใครกันแน่นะ ทำไมถึงได้ฆ่าพวกมันโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็นับว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณกับนาง “เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” ชายหนุ่มแปลกหน้าเข้ามาถามอาการของนางด้วยความเป็นห่วง “ดูเหมือนข้อเท้าของเจ้าจะแพลง” ไม่พูดเปล่า เขากลับฉีกชายผ้าของตัวเองและเอามาพันที่ข้อเท้าของนางอย่างแผ่วเบา “ข…ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นข้าคง…” นางพูดได้เพียงแค่นั้นก็ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง ในเวลานี้นางรู้สึกสั่นกลัวอย่าง มิอาจห้ามได้ ภาพที่พวกมันกอดรัด และกลิ่นตัวที่เหม็นชวนคลื่นไส้ ทำให้นางต้องรีบยกมือขึ้นมาถูทำความสะอาดร่างกายของตัวเองราวกับคนไม่มีสติ บุรุษแปลกหน้าที่เห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะดึงร่างของนางเข้ามากอดพร้อมลูบศีรษะเพื่อปลอบประโลมและไม่ให้นางตื่นตกใจกลัวไปมากกว่านี้ ปากก็เอ่ยว่า “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” “ฮือออออ!! ข…ข้ากลัว” หญิงสาวโอบกอดเขาไว้อย่างลืมตัวเช่นกัน และเป็นเวลาเดียวกับที่ลู่เหมยและเยว่เทียนมาถึง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ปิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไร” หญิงสาวรีบเข้าไปหาน้องสาวของตนด้วยความเป็นตกใจและห่วง โดยที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมน้องสาวของนางถึงได้มาตกอยู่ในสภาพที่หวาดกลัวกับทุกสิ่งเช่นนั้น “พี่รอง ฮืออออ พี่รอง ข…ข้ากลัวเจ้าค่ะ” หญิงสาวเข้าไปสวมกอด พี่สาวไว้แน่น ร้องไห้จนตัวโยง “ไม่เป็นอันใดแล้วนะ เจ้าปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่กับเจ้าแล้ว” หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ก็พบกับร่างของชายฉกรรจ์ทั้งหกคน นอนตายจมกองเลือด ภาพตรงหน้าช่างสยดสยองยิ่งนัก ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มแปลกหน้า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องของข้ากันแน่เจ้าคะ” นางเอ่ยถาม แม้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน้องสาวของตนกำลังถูกพวกมันกระทำย่ำยี หากคาดเดาไม่ผิดเขาจะต้องเป็นผู้มีพระคุณที่เข้ามาช่วยเหลือน้องสาวของนางได้ทันเวลา “หลิงปิง ข้าขอโทษ” เยว่เทียนคุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาวด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเป็นความผิดของเขาเอง หากเขาไม่พูดจาแบบนั้นออกไปนางก็คงไม่ต้องมาเสียใจและวิ่งหนีออกมาเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ หานหลิงปิงหันมามองเขาด้วยแววตาที่เจ็บปวด แม้นางจะไม่ได้โกรธเขา แต่คำพูดของเขายังคงทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจ ทำให้นางเลือก ที่จะเมินเฉย ครั้นเมื่อสงบสติอารมณ์ได้พอสมควร หญิงสาวจึงหันไปขอบคุณ ชายแปลกหน้าผู้นั้น “ขอบคุณท่านมากจริง ๆ นะเจ้าคะ หากไม่ได้ท่านเข้ามาช่วยเหลือได้ทันเวลา ป่านนี้ข้าก็คงตายไปแล้ว บุญคุณนี้แม้นตายก็คงชดใช้ไม่หมด” “ไม่เป็นไรหรอก ข้าเองก็ผ่านมาทางนี้พอดี” เขาเอ่ยเสียงเรียบ และส่งยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่ ท่านเป็นผู้มีพระคุณของข้า” “ข้าไป่เถียนลู่” เขาเอ่ยแนะนำตัว “ข้าหานหลิงปิง เพิ่งรู้ว่าเจ้าเป็นคนตระกูลไป่ แต่ทำไมข้ามิเคยเห็นเจ้ามาก่อน” หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ “ข้าเกิดและโตที่เมืองอื่น วันนี้เพียงแค่กลับมาเยี่ยมครอบครัวก็เท่านั้น” เขาเลือกที่จะตอบออกไปเช่นนั้น เพราะไม่อยากให้ใครมารับรู้เรื่องราวของเขา “ข้าลู่เหมยต้องขอบคุณท่านอีกครั้งที่ช่วยเหลือน้องสาวของข้าเอาไว้ บุญคุณนี้พวกข้าตระกูลหานแม้นตายก็จะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน หากท่านต้องการให้พวกเราช่วยอะไรสามารถบอกได้ทันที อีกอย่างท่านช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้หรือไม่ ข้าเกรงว่าหากข่าวนี้ถูกแพร่กระจาย ออกไปคงไม่ดีแน่” “แม่นางโปรดวางใจ ข้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปอย่างเด็ดขาด ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อน หากมีโอกาสพวกเราคงได้พบกันอีกครั้ง” เขากล่าวลาทุกคน ก่อนจะรีบเดินแยกไปอีกทาง “ปิงเอ๋อร์ กลับจวนกันเถิด ลุกไหวหรือไม่” หานลู่เหมยเอ่ยถาม หลังจากที่สังเกตเห็นว่าข้อเท้าของนางบวมแดง “พอลุกไหวเจ้าค่ะ โชคดีที่บุรุษผู้นั้นช่วยปฐมพยาบาลให้ข้าเบื้องต้น” นางตอบพี่สาวไปตามตรง หากแต่เมื่อพยายามที่จะลุกขึ้น จู่ ๆก็รู้สึกเสียวแปลบที่ข้อเท้า “โอ๊ย!!” “พี่ว่าเจ้าคงจะลุกไม่ไหว ถ้าไงเดี๋ยวพี่…” ลู่เหมยยังพูดไม่ทันจบเยว่เทียนก็พูดสวนขึ้นมาเสียก่อน “ให้ข้าเป็นคนอุ้มนางเถิด และหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยไว้แบบนี้” สองพี่น้องมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจยอมให้เขาอุ้มนางไปขึ้นรถม้า หญิงสาวเหลือบมองร่างที่ไร้ลมหายใจของมันและรีบเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นแม้แต่วินาทีเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม