บทที่ ๒ เมิ่งถิงเซ่อ(๑)

1242 คำ
เดิมทีหวางสู่ผิงคิดว่าต่อให้เมิ่งถิงเซ่อไม่สนใจหยกประจำตระกูลเจิ้น ก็ต้องอยากรู้เรื่องราวของตระกูลบิดาบ้าง ยังไงคนเป็นลูกเมื่อรู้ว่าบิดาแท้ๆ เป็นใครย่อมต้องใส่ใจถามถึง โดยเฉพาะบิดาที่เป็นถึงท่านโหว ซึ่งอดีตฮ่องเต้ทรงวางพระทัยมอบอำนาจในมือให้มากมายหามีผู้ใดกล้าหมางเมินไม่ แม้ตอนนี้อำนาจของเจิ้นหยางโหวจะไม่เหมือนเมื่อครั้งในอดีต แต่มองไปถ้วนทั่วเมืองหลวงมีใครไม่ไว้หน้าคนผู้นี้สักสามส่วนกัน แต่หลังจากรับรู้ว่าบิดามีบรรดาศักดิ์เป็นถึงท่านโหว สตรีบ้าบอเพราะมีกำลังภายในล้ำเลิศกลับนอนเอกเขนกด้วยท่าทีสบาย ยิ่งพักนี้ถูกประคบประหงมดูแลเป็นอย่างดีนางก็คล้ายไม่สนใจอะไรอีก ภายในห้องอ่างไฟใบเล็กกำลังสาดความอบอุ่นไม่มากไม่น้อย แต่นางกลับไม่ได้นั่งรับไออุ่นร้อน ปล่อยให้เสี่ยวชุนยื่นมือไปอังรับความร้อนเพื่อคลายหนาว ส่วนเมิ่งถิงเซ่อน่ะหรืออากาศหนาวถึงเพียงนี้ยังสวมใส่อาภรณ์โปร่งบาง นอนคว่ำหน้าหลับตาพักผ่อน ปากคอยอ้ากว้างรอรับขนมนมเนยไม่ขาด สองนายบ่าวเป็นเช่นนี้มานับครึ่งเดือน สำหรับวราลี ไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจ แต่เป็นเพราะในหัวกำลังคิดไตร่ตรองทุกอย่างให้ถี่ถ้วนเพราะรู้ดีว่าตัวนางที่มาจากชาติภพอื่นย่อมไม่คุ้นเคยกับธรรมเนียมปฏิบัติในชาติภพนี้มากนัก ในเมื่อจะเป็นเมิ่งถิงเซ่อทั้งที ย่อมต้องแสดงให้สมบทบาท มิเช่นนั้นคงผิดต่ออาชีพนักแสดงของตนเป็นแน่ ไหนจะครูบาอาจารย์จากชาติที่แล้วอีก หากทำผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยจะไม่ทำให้อาจารย์ผู้สอนการแสดงอับอายขายหน้าหรอกหรือ ต่อให้สมองจะคิดวุ่นวายมากเท่าไหร่ สิ่งที่เผยให้ผู้อื่นเห็นค่อนข้างเรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง วันๆ กินแล้วก็นอน ขุนร่างกายแห้งกระด้างให้มีน้ำมีนวลขึ้น นอกเหนือจากสองสิ่งนี้คือให้หวางสู่ผิงควานหาของบำรุงความงาม โดยเฉพาะจากเหล่าคณิกามีชื่อประจำหอ ใครมีของดีขึ้นชื่ออะไรล้วนให้ป้าหวางไปขอแบ่งมาทั้งสิ้น บัดนี้ในหมู่หญิงคณิกาไม่ใช่มีคำร่ำลือกันหนาหู ว่าหญิงบ้าแห่งเรือนชิงเถาเกิดอยากเป็นคนบ้าที่สวยงามขึ้นมาหรอกหรือ ทุกคนคงเห็นว่าหญิงบ้าอย่างเมิ่งถิงเซ่อไม่มีวันงดงามมีสติปัญญาสูงส่งได้ จึงแบ่งเครื่องแต่งหน้าทาปากมาให้มากหน่อย แม้แต่ปิ่นประดับหรืออาภรณ์ก็ยังส่งมาตั้งมากมาย มองไปทั่วเรือนชิงเถายามนี้ล้วนมีแต่ของดีๆ ที่พี่สาวทั้งหลายแบ่งให้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะจากยอดหญิงคณิกานามว่าหรานเจาเจาผู้นั้น ของที่แบ่งมานับว่ามีค่ามีราคาที่สุด บนถาดนั้นมีชิ้นใดบ้างที่ไม่ใช่ของล้ำค่าของเมืองหลวง แม้แต่เสี่ยวชุนที่สติไม่ดียังรู้เลยว่าของชิ้นไหนดี เพราะตอนนี้เอาแต่ลูบไล้ของสวยๆ งามๆ ไม่หยุด ยามทะลุมิติมาใหม่ๆ แล้วรู้ว่าตนอาศัยอยู่ในหอคณิกา สำหรับหญิงสาวที่มาจากอีกยุคหนึ่งค่อนข้างไม่ยินยอมกับโชคชะตาชีวิตเช่นนี้อยู่บ้าง ทว่าหลายวันมานี้การมีพี่สาวทั้งหลายเป็นนางคณิกานับว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร จะว่าไปแล้วการเป็นหญิงในหอคณิกาก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกพี่สาวเลือก แม้แต่นางซึ่งต้องมาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่ได้เลือกเองเช่นกัน แทนที่จะรังเกียจกลับค่อยๆ ยอมรับ และพยายามใช้ชีวิตของตนเองอย่างดี ความจริงถ้าหากเลือกได้ นางยอมสวมบทบาทเป็นคนบ้าหลบเร้นอยู่เรือนท้ายของหอคณิกาไปชั่วชีวิต ทว่าไม่รู้ทำไมภายในใจลึกๆ ถึงบอกว่าไม่อาจทำเช่นนั้น หรือบางทีรู้ตัวว่า ข้างกายมีคนคนหนึ่งที่ไม่ยอมให้ทำ “คุณหนู” คราวนี้หวางสู่ผิงอดรนทนไม่ไหวจนต้องรีบหว่านล้อม “คุณหนูเป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนเจิ้นหยางโหว หาควรใช้ชีวิตอยู่ในหอคณิกาเช่นนี้ไม่ หากผู้อื่นรู้เข้าจะมิเป็นการทำลายเกียรติของวงศ์ตระกูลหรอกหรือ” เมิ่งถิงเซ่อค่อยๆ ลืมตามองคนเพิ่งลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ด้วยแววตานิ่งสงบ “ก่อนหน้านี้ข้าก็อยู่ได้ไม่ใช่หรือ” “แต่ยามนี้ร่างกายของคุณหนูค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก ความจริงท่านผู้เฒ่าหวงซวนมิอยากให้คุณหนูมาอยู่ที่นี่ แต่เพราะต้องหลบเร้นหลีกหนีจากเรื่องวุ่นวายในยุทธภพจึงไม่มีทางเลือก บัดนี้คุณหนูมีหยกของสกุลเจิ้นยืนยันฐานะแล้ว ควรหวนคืนสู่ฐานะของตนเอง” “แต่ข้ายังรู้สึกว่าร่างกายนี้ใช้การได้ไม่ดีเท่าใดนัก ท่านป้าหวางดูเอาเถิด ยามนี้เป็นช่วงฤดูเหมันต์ หิมะตกแรงยิ่ง แต่ข้ากลับร้อนอบอ้าวราวกับอยู่ในช่วงฤดูร้อนไม่มีผิด เช่นนี้การออกไปใช้ชีวิตเป็นคุณหนูใหญ่ไม่นับว่าเป็นการทำร้ายตนเองหรอกหรือ” และนางคิดว่าในอดีตถ้าหากการเข้าไปอยู่ในจวนเจิ้นหยางโหวง่ายดายเพียงนั้น มารดากับนางจะอาศัยอยู่ข้างนอกได้อย่างไร ไม่ว่ามากน้อยเพียงใดจวนโหวนั้นคงไม่อาจเข้าไปได้ง่ายๆ และที่สำคัญสถานที่อย่างจวนเจิ้นหยางโหวย่อมไม่ใช่แดนสวรรค์กระมัง บางทีที่แห่งนั้นอาจจะแวดล้อมไปด้วยดงเสือดงหมาป่า “คุณหนู” “อยู่ที่นี่ ให้ข้าตริตรองอีกสักหน่อยเถิด จะไปจวนโหวหรือไม่นั้น ค่อยว่ากันอีกที” นางหลับตาลงเป็นการจบบทสนทนากับสตรีอายุสี่สิบต้นๆ ผู้นี้ เมื่อเห็นว่าไม่อาจเกลี้ยกล่อมเมิ่งถิงเซ่อได้ หวางสู่ผิงจึงถอยออกไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ถึงอย่างไรในใจล้วนเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ภายภาคหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นย่อมต้องคิดหาหนทางให้เมิ่งถิงเซ่อหวนคืนสู่ฐานะคุณหนูใหญ่แน่นอน เห็นหวางสู่ผิงจากไปเช่นนั้น มากน้อยยังไงเมิ่งถึงเซ่อก็อดที่จะทอดถอนใจออกมาไม่ได้อยู่ดี วราลีมาอยู่แคว้นฉินในช่วงรัชสมัยฉินหนานตี้ปีที่สามสิบเอ็ด แต่พอผ่านพ้นคืนวันนี้ไปก็จะเป็นรัชสมัยฉินหนานตี้ปีที่สามสิบสองแล้ว รอบๆ ด้านตรงนอกกำแพงเขตเรือนพักครึกครื้นไม่น้อย คืนวันสิ้นปีเช่นนี้แน่นอนว่าพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายย่อมต้องวุ่นวายกับการเข้าเฝ้าถวายพระพรฮ่องเต้กับฮองเฮาในวังหลวง ส่วนคนตระกูลใหญ่ก็จัดเลี้ยงพบปะกัน บางครอบครัวนั่งล้อมวงกินข้าว บางครอบครัวไหว้พระสวดมนตร์ แต่ยังมีบุรุษจำนวนไม่น้อยที่มาแสวงหาความสุขในหอคณิกาอวี้หลิงแห่งนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม