ที่หวางสู่ผิงคอยดูแลเมิ่งถิงเซ่อ นั่นเป็นเพราะได้รับการไหว้วานจากผู้เฒ่าหวงซวน อยู่ด้วยกันมาก็หลายวันต่อให้ไม่รักไม่เอ็นดูก็อดเวทนาสงสารไม่ได้ ดังนั้นทุกๆ อย่างที่ทำให้ล้วนเต็มไปด้วยความใส่ใจ
พออาการปวดหายไปความทรงจำจากร่างกายนี้ก็คล้ายจะเด่นชัดกว่าวันแรกที่มาถึงภพนี้มากนัก
ความจริงแล้ว นางเป็นบุตรสาวของเมิ่งหรูถิง จอมยุทธ์หญิงผู้นี้เป็นศิษย์รักของท่านผู้เฒ่าหวงซวน มิน่าต่อให้สติไม่ดีเช่นไรท่านตาหวงซวนก็ยังรักยังเวทนา
หลายปีมานี้ท่านตาล้วนทุ่มเทกำลังเพื่อรักษาอาการของนาง จนเพิ่งจะดีขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง
ที่ดีขึ้น หากถามหาความเป็นจริงนั้นคงเป็นเพราะวิญญาณแท้จริงของเมิ่งถิงเซ่อได้จากไปแล้ว นางซึ่งมาจากอีกภพเข้าครอบครองร่าง จึงทำให้อาการเจ็บป่วยที่ยืดเยื้อมานานหลายปีค่อยๆ หายขาด
บัดนี้ร่างกายแข็งแรงแล้ว แต่กลับไม่อาจสลัดภาพหญิงบ้าไปได้ เพราะถ้าเมื่อใดที่ภาพลักษณ์หญิงบ้าหายไป แม่เล้าแซ่ฟู่ย่อมต้องทำทุกวิถีทางให้นางเป็นหญิงคณิกาปรนนิบัติบุรุษเป็นแน่
ปรนนิบัติชายแปลกหน้าหมื่นพันหรือ แค่คิดวราลีก็ขนลุกเกรียวทั้งตัว ชาตินี้นางคงทำไม่ได้เหมือนพี่สาวทั้งหลายเป็นแน่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้คงมีทางเลือกเดียวเท่านั้น นั่นคือ ตามหาบิดาแท้จริงของเมิ่งถิงเซ่อ หวังว่าคนที่อยู่ในความทรงจำแสนเลือนรางนั้นจะเป็นพ่อคนหนึ่งที่พึ่งพิงได้ หาไม่แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้ชีวิตต่อไปเช่นใด แต่ว่าพอคิดถึงบิดาผู้นี้ คิ้วเรียวกลับขมวดเข้าหากัน หากคนผู้นี้ดีจริงจะทิ้งเจ้าของร่างไว้กับมารดาจนเกิดเรื่องเลวร้ายเฉกเช่นที่ผ่านมาได้อย่างไร
ครั้นคิดไม่ตก จึงทำเพียงปิดตาลงพักผ่อน เรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้ล้วนต้องใช้เวลาไม่ใช่หรือ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้นอกจากกินกับนอนแล้วก็คงมีเพียงการบำรุงร่างกายให้แข็งแรง เพราะนางทนไม่ไหวที่ต้องใช้ร่างผอมแห้งราวกับกระดูกเดินได้ไปจนวันตาย หากยังปล่อยให้ตนอาศัยอยู่ในร่างผ่ายผอมเช่นนี้มิใช่เป็นการผิดต่อการมีชีวิตถึงสองชาติภพ และยังผิดต่อการเป็นนักแสดงสาวที่มีทรวดทรงองค์เอวราวกับเทพธิดาหรอกหรือ
เพราะร่างกายของเมิ่งถิงเซ่อค่อยๆ ดีขึ้น สองสามวันมานี้หวางสู่ผิงจึงตระเตรียมถังอาบน้ำกับเครื่องขัดสีฉวีวรรณให้ มองไปถ้วนทั่วหอคณิกาอวี้หลิง ต่อให้ใช้ชีวิตอยู่ได้ยากสักหน่อย แต่เครื่องประทินโฉมเสริมความงามพวกนี้นับว่ามีมาก ดังนั้นด้วยฐานะของหวางสู่ผิงที่ทำงานรับใช้ท่านผู้เฒ่าหวงซวนมานาน การหยิบจับของพวกนี้มาใช้นับว่าง่ายดายนัก
ได้เครื่องบำรุงชั้นดีจากหญิงสาวในหอคณิกา อาบน้ำชำระล้างร่างกายนานอีกสักหน่อยผิวกระด่างกระดำก็เริ่มเผยให้เห็นความขาวบ้าง แม้ไม่สม่ำเสมอแต่ไม่น่าเกลียดเหมือนคราวที่เห็นครั้งแรก ดูแล้วนับว่าร่างกายของสตรีผู้นี้ไม่ได้ขี้เหร่สักเท่าไหร่นัก ขยันบำรุงสักหน่อยย่อมดีขึ้น เห็นเช่นนี้ก็อดนึกถึงชาติภพที่จากมาไม่ได้
เครื่องสำอาง ยาบำรุง สถานเสริมความงาม ถ้าหากเป็นไปได้ ยกมาไว้แคว้นนี้สักแห่งสองแห่งคงดีนัก
แต่เมื่อนึกถึงก็ได้แต่ทอดถอนใจแรงๆ มองไปจนถ้วนทั่ว นอกจากเรือนไม้เก่าๆ กับความเอ็นดูจากท่านตาแล้วนางก็หามีข้าวของล้ำค่าใดติดตัวไม่ ที่สำคัญเงินทองไม่มีก็ช่างเถิด แต่นอกกำแพงไม้กั้นกลับเป็นหอคณิกาที่ขายเรือนร่างให้บุรุษเชยชมนี่สิ ช่างชวนวุ่นวายแท้
หลับตาลงเพื่อสงบใจฟุ้งซ่านของตนให้เข้าที่เข้าทาง แต่กลับรับรู้ว่าช่องว่างระหว่างไม้เก่าๆ ที่ผุพังปรากฏตาดำขลับคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ เพียงตวัดตามองความโกรธพลันพวยพุ่งขึ้นเต็มอก จึงซัดฝ่ามือตรงไปยังผนังไม้เก่าๆ นั้น ไม่รู้ว่าออกแรงมากไปหรือว่ากำลังภายในของตนสามารถใช้การได้แล้วกันแน่ ถึงทำให้ผนังไม้แตกกระจาย ด้านล่างมีคนผู้หนึ่งในชุดสาวใช้เก่าๆ นอนกุมท้องอยู่
พอเห็นคนผู้นั้นนางพลันเอื้อมมือหยิบชุดมาห่อหุ้มร่าง บดบังเรือนกายเปล่าเปลือยของตนเอาไว้ภายใต้ผ้าสีซีด แม้อากาศช่วงนี้จะหนาวเพราะหิมะตกหนักจนทับถมเป็นชั้นหนา ทว่าน่าเสียดายที่ความหนาวนี้ไม่อาจทำให้สั่นสะท้านได้ เพราะร่างกายของนางผิดปกติหาเหมือนผู้อื่นไม่
ความทรมานหลายปีหล่อหลวมให้เมิ่งถิงเซ่อกลายเป็นสตรีเช่นนี้ แข็งกร้าว เด็ดเดี่ยว บ้าบิ่น และที่สำคัญความสามารถจากชาติก่อนหาได้ลดน้อยลง ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นนักแสดง ต่อให้ร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะต้านลม แต่ก็ยังสามารถกัดฟันสู้ เพราะกว่าจะขึ้นเป็นนักแสดงแถวหน้าได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยสักนิด
“เจ้าเป็นใคร”
เดิมทีวราลีไม่คุ้นชินกับการที่ร่างกายมีกำลังภายในเลยสักนิด แต่เมื่อตนเคลื่อนไหวมาตรงหน้าคนผู้นี้ได้อย่างรวดเร็วก็เริ่มทำให้นางพอใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยการมีฝีมือติดตัวคงทำให้สามารถเอาชีวิตรอดจากชาติภพที่ไม่คุ้นเคยได้
ยังไม่ทันที่เจ้าของร่างขดงออยู่กับพื้นจะตอบ หวางสู่ผิงก็เร่งรีบเดินมาประคองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เสี่ยวชุน...เสี่ยวชุน เจ้าเป็นยังไงบ้าง”
ดีหน่อยที่ท่านผู้เฒ่าหวงซวนมาทันเวลา เพียงแตะชีพจรก็ถอนใจโล่งอก “พานางกลับห้อง กินยาของข้าสักสองเทียบย่อมทุเลาขึ้น” หลังบอกหวางสู่ผิง ท่านตาก็หันมาจ้องมองหลานสาวที่เริ่มมีสติของตนพลางว่า “เจ้าเกือบฆ่าคนบริสุทธิ์เข้าให้แล้ว”
“นางคือใครหรือเจ้าคะ”
“เรื่องของเสี่ยวชุนผู้นี้ เห็นทีต้องใช้เวลาบอกเจ้าสักหลายชั่วยามหน่อย กลับเข้าเรือนเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิด”
นางเม้มปากก่อนจะมองสภาพของตนเอง เวลานี้หิมะด้านนอกเริ่มตกแรงแต่นางกลับมีเพียงเศษผ้าห่อหุ้มร่างกาย เส้นผมสีดำยุ่งเหยิงเปียกชื้น หากเป็นผู้อื่นยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวจัดเช่นนี้มิใช่ว่าต้องตัวสั่นจนจับไข้แล้วหรอกหรือ แต่สำหรับนางกลับรับรู้แค่เพียงความร้อนขุมหนึ่งแผ่ซ่านตั้งแต่กลางหน้าท้องจนแผดเผาไปทั้งร่างกายเท่านั้น
มือทั้งสองข้างจึงกำชายผ้าหยาบๆ ไว้แน่น ก่อนจะกัดฟันหมุนตัวกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ ส่วนเรื่องเด็กคนนั้นไม่ว่ายังไงต้องรู้แน่ชัดให้ได้
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม วราลีในร่างของเมิ่งถิงเซ่อก็มานั่งอยู่ข้างเตียงคนเจ็บ ด้านหลังมีท่านผู้เฒ่าหวงซวนกับหวางสู่ผิงนั่งอยู่บนตั่งด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่สายตาของทั้งสองกลับทอดมองเงาร่างบอบบางของคนอยู่ข้างเตียงตาไม่วาง
เมิ่งถิงเซ่อยามนี้สวมชุดเรียบง่ายสีเก่าซีด เส้นผมที่ยุ่งเหยิงเกินกว่าจะหวีให้ตรงสวยถูกเช็ดจนแห้งหมาดแล้วปล่อยทิ้งตัวคดโค้งลงมาเป็นเส้นสาย
ใบหน้าไร้แป้งประทินโฉม ดีหน่อยที่ผิวกายกับกลิ่นตัวนั้นไม่ได้เหม็นหืนเฉกเช่นที่แล้วมา ผิวตามแขนตามขาเริ่มเผยให้เห็นความขาวเนียนบ้างแล้ว
ทว่าสายตากลับจดจ่ออยู่กับใบหน้าซูบซีดตาไม่วาง ก่อนหน้านี้ท่านตาหวงซวนได้บอกเล่าความเป็นมาของคนผู้นี้ให้รู้หมดแล้ว
เสี่ยวชุน เป็นเด็กกำพร้าที่มารดาของนางช่วยไว้เมื่อครั้งยังท่องยุทธภพ หลังจากคลอดนางออกมาก็ให้เสี่ยวชุนคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายเพราะหลังจากเกิดเภทภัยกับมารดาคราวนั้น เด็กคนนี้พลอยเคราะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บมาด้วย สติปัญญาล้วนไม่แตกต่างจากนางมากนัก ดีกว่าก็ตรงที่ไม่ต้องรับกำลังภายในจนรู้สึกทรมาน