“ฉันถาม... เธอเอาชุดของไอรีนมาใส่ทำไม”
เขาเร็วมาก แค่วินาทีเดียวก็กระโจนมาคว้าหล่อนเข้าไปเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอนได้ หญิงสาวปากสั่น ตัวสั่น หัวใจสะเทือนด้วยความขลาดกลัว
“คุณคิลล์ ฟังมะลิพูดก่อน”
หล่อนวิงวอนแต่เขาไม่ยอมรับฟังเลย
“ฉันบอกเธอแล้วไง บอกแล้วไงว่าต่อให้เธอศัลยกรรมมายังไงก็ไม่มีทางแทนที่ไอรีนได้ เธอมันก็เป็นได้แค่ผู้หญิงเห็นแก่เงิน ผู้หญิงแพศยาเท่านั้น”
“คุณคิลล์คะ มะลิ... มะลิจะไปถอดออกเดี๋ยวนี้ ขอโทษ...”
หญิงสาวยังพูดไม่ทันจบร่างของหล่อนถูกจับเหวี่ยงจนตกลงไปในสระว่ายน้ำ โดยที่เขากระโดดตามลงมาหา
“จำเอาไว้ อย่าแตะต้องของๆ ไอรีนอีก อย่าแตะต้องอะไรที่เป็นของเมียฉันอีก จำเอาไว้”
เขากระชากเส้นผมสีบลอนด์ของหล่อนเอาไว้ และดึงรั้งเข้ามาหา แม้จะอยู่ในน้ำด้วยกัน แต่เขาก็ยังดูไม่ผิดจากมัจจุราชเหมือนเดิม
“มะลิขอโทษค่ะ มะลิจะจำเอาไว้”
หล่อนพร่ำบอกเขาทั้งน้ำตา คาดหวังว่าเขาจะใจอ่อนลงสักนิดแต่ไม่เลย ไม่มีเลย
“ถ้าเธอทำผิดอีก ฉันจะฆ่าเธอ มัลลิกา”
แล้วเขาก็ผลักหล่อนออกห่างด้วยท่าทางรังเกียจ ก่อนจะรีบว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งไป มัลลิการ้องไห้ปริ่มจะขาดใจ เจ็บปวดทรมานเหมือนถูกฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ
ทำไมนะ หล่อนทำอะไรถึงได้ผิดเสมอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้...
“เป็นยังไงบ้างคุณมะลิ ดิฉันเห็นคุณคิลล์ตัวเปียกปอนเดินผ่านไป จึงรีบเข้ามาดูเพราะเป็นห่วง”
นาเดียเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยหล่อน
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ตกน้ำแค่นี้เอง”
มัลลิกากะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาแห่งความน้อยใจเข้าไปในอก
“ฉันขอตัวก่อนนะ ฉันหนาวน่ะ อยากเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“งั้นให้ดิฉันประคองไปนะคะ”
เมื่อคู่สนทนาแสดงความห่วงใย หญิงสาวจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
“ขอบใจจ้ะ”
ไม่นานนาเดียก็ประคองร่างของหล่อนมาถึงห้องพัก และก่อนที่จะกลับออกไปนาเดียก็เอ่ยเตือนบางสิ่งออกมา
“ฉันให้คนมาทำกลอนด้านในให้แล้ว ดังนั้นต่อให้คุณคิลล์มีกุญแจก็เข้ามาไม่ได้”
มัลลิกามองคนพูดด้วยสายตาประหลาดใจ
“ฉันหมายถึง... เข้ามาทำร้ายคุณมะลิไม่ได้น่ะค่ะ”
“ขอบใจมากน่ะที่ทำเพื่อฉันขนาดนี้”
นาเดียไม่ตอบ และหมุนตัวเดินออกไปทันที มัลลิกาดึงประตูห้องให้ปิดสนิทลง ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
“คุณคิลล์... เมื่อไหร่คุณจะหายบ้าสักที... มะลิต้องทำยังไง ต้องช่วยคุณยังไง”
ไม่มีคำตอบว่าสิ่งใดที่ควรจะทำ มีเพียงแค่สายลมเย็นฉ่ำจากด้านนอกเท่านั้นที่พัดเข้ามาแต้มผิวกายจนหนาวสั่น หญิงสาวเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายามสายเป็นสีฟ้าครามสดใส ซึ่งมันช่างต่างกับชีวิตที่ต้องดิ้นรนของหล่อนยิ่งนัก
“พ่อจ๋า... พ่อไปอยู่ที่ไหนนะ เมื่อไหร่เราถึงจะได้เจอกันสักทีคะ”
หยาดน้ำตาหลั่งรินลงมาอาบแก้ม ไหลเป็นทางลงไปสู่หัวใจ หล่อนคิดผิดใช่ไหมที่รับจ้างทำงานบ้าบอแบบนี้ ผิดมากใช่ไหมที่ต้องการเงินเพื่อต่อลมหายใจให้กับตัวเอง
“มะลิผิดมากไหมพ่อ... ผิดมากใช่ไหม...”
สองมือเล็กเย็นเฉียบยกขึ้นปิดหน้าร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ
คิลเลียนก้าวออกมาจากห้องแต่งตัว ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นดีแลนปรากฏตัวอยู่ภายในห้องนอน ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยเส้นผมที่ยังคงเปียกชุ่มอย่างไม่ไยดี ก่อนจะกัดฟันเอ่ยทักทายพี่ชาย
“ไม่ไปทำงานหรือครับพี่ดีน”
“พี่จะไปตอนบ่าย ตอนนี้เลยแวะมาเยี่ยมนายก่อน เป็นไงบ้างล่ะ”
สีหน้าของคิลเลียนเย็นชา เมื่อเดินมาทรุดตัวนั่งบนขอบเตียง
“ไอ้คำว่าเป็นไงบ้างนี่ พี่ดีนหมายถึงผม หรือว่าแม่นั่นกันล่ะครับ”
ดีแลนอมยิ้ม ไหวไหล่กว้างบึกบึนในชุดสูทราคาแพงของตัวเองน้อยๆ
“พี่หมายถึงมัลลิกา”
“ถ้าหมายถึงแม่นั่นก็อย่ามาถามผมเลยครับ ผมไม่รู้... เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของผมก็คือไอรีน...”
“เจ้าคิลล์... ทำไมนายไม่ปลงบ้าง ไอรีนตายไปนานแล้วนะ และตอนนี้พี่ก็อุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อให้นายได้ไอรีนกลับคืนมาอีกครั้ง”
“แต่หล่อนไม่ใช่...”
คิลเลียนแผดเสียงเถียงดังลั่น
“โอเค... มัลลิกาไม่มีทางใช่ไอรีน แต่หน้าตาของเธอก็คือไอรีน พี่ว่านายควรจะยอมรับเธอ และใช้เธอเพื่อฆ่าความทุกข์ที่อยู่ในใจของนายให้หมดสิ้น แล้วหลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับนายว่าจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้”
คิลเลียนนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ผู้เป็นพี่ชายจึงพูดต่อ
“พี่รู้ว่าผู้หญิงคนไหนก็แทนไอรีนไม่ได้ แต่นายลองคิดดูให้ดีๆ นะคิลล์ การมีมัลลิกาอยู่ด้วย ก็เท่ากับว่านายมีไอรีนคนที่สองอยู่ข้างกายตลอดเวลา”
“แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องอยู่ในเงาของไอรีนไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือครับ”
“ไม่ตลอดชีวิตหรอก แค่ชั่วคราว จนกว่านายจะทำใจได้”
คิลเลียนลุกขึ้นยืน หน้าตาบูดบึ้ง
“ผมไม่มีวันสนใจแม่มัลลิกา ต่อให้หล่อนจะเหมือนไอรีนแค่ไหนก็ตาม”
“โอเค งั้นพี่จะพามัลลิกากลับ”
ผู้เป็นน้องชายหันขวับกลับมาหา ก่อนจะค้านเสียงแข็ง
“มัลลิกาต้องอยู่ที่นี่กับผม”
“ทำไมล่ะ ในเมื่อนายไม่ต้องการเธอไม่ใช่หรือ”
นัยน์ตาสีเทาของคิลเลียนเต็มไปด้วยความเลือดเย็น
“ไม่มีคำตอบครับ”
แล้วคิลเลียนก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ดีแลนเป่าปากถอนใจออกมาด้วยความหนักอกหนักใจอยู่เพียงลำพัง
“ไอ้น้องชายคนนี้มันจะเอายังไงของมันนะ บอกว่าไม่ต้องการเขา แต่ก็ไม่ยอมให้เขาไป ไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ”