มัลลิกาปิดประตูอย่างแน่นหนา ทรุดกายลงกับพื้นด้วยความปวดร้าว หล่อนพยายามจะรักษาแผลใจให้กับเขา แต่เขากลับไม่ต้องการเลย กลับมองหล่อนด้วยสายตาเหยียดหยามชิงชัง หล่อนทำอะไรก็ผิดไปซะทุกอย่าง
“ฉันพยายามแล้วนะ... พยายามแล้ว...”
เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้มัลลิกาต้องปาดน้ำตาทิ้ง และเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงสะอื้นไห้
“ใครคะ”
“ฉันเอง นาเดีย”
เมื่อรู้ว่าเป็นใคร มัลลิกาก็กัดฟันลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู นาเดียมองหล่อนด้วยสายตาเป็นห่วง ก่อนจะก้าวเข้ามาภายในห้อง
“คุณโอเคนะคุณมะลิ”
“ฉันพยายามจะโอเค... แต่คุณคิลล์ร้ายกาจเหลือเกิน”
นาเดียมองสภาพของคู่สนทนา ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
“คุณก็ต้องทำใจหน่อย คุณคิลล์เธอไม่ชินกับการที่มีผู้หญิงหน้าตาเหมือนกับคนที่เธอรักมาอยู่ข้างๆ แบบนี้ หากคุณคิลล์สติไม่ดี หรือเป็นบ้าเธอคงยอมรับคุณไปแล้ว แต่นี่เธอยังมีสติครบถ้วนทุกอย่าง เธอไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคุณคือคุณไอรีน”
“ฉันเข้าใจที่คุณพูดดี... หากเป็นฉัน... ฉันก็คงต่อต้านแบบนี้เหมือนกัน”
มัลลิกาพูดด้วยความเศร้าหมอง
“แต่ฉันเชื่อว่าสักวัน คุณคิลล์ก็จะต้องปรับตัวได้ และก็จะกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง”
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนั่นแหละนาเดีย และหวังว่ามันจะในเร็ววันนี้”
มัลลิกาถอนใจออกมา และเดินไปเกาะที่ขอบหน้าต่าง เบื้องล่างคือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และริมสระที่โต๊ะไม้ก็มีร่างของผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่
“คุณคิลล์ใช่ไหม”
ไม่ต้องเดินไปมองนาเดียก็รู้ดีว่ามัลลิกาหมายถึงใคร
“ใช่ค่ะ กำลังดื่มเหล้าอยู่ นี่คือกิจวัตรประจำวันของคุณคิลล์ ดื่มและก็ดื่ม ไม่มีเวลาพัก”
มัลลิกาถอนใจอีกครั้งอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับนาเดียอีกครั้ง
“ฉันควรจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ”
“ทำตามคำแนะนำของฉัน ไม่นานคุณคิลล์คงจะเลิกต่อต้านคุณไปเอง”
ผู้หญิงที่มีใบหน้าเหมือนกับไอรีนทุกกระเบียดนิ้วพยักหน้ารับน้อยๆ
“ได้... ฉันหวังว่าสิ่งที่ทำจะสำเร็จ”
คู่สนทนาของหล่อนยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“คุณไปอาบน้ำล้างคราบอาหารบนตัวเถอะ แล้วก็พักผ่อนซะ พรุ่งนี้ยังต้องเผชิญศึกหนักอีกมากนัก”
“ขอบใจที่เป็นห่วงฉันนะนาเดีย ถ้าไม่มีเธอฉันคงเหมือนตัวคนเดียว”
ไม่มีคำตอบใดจากปากของนาเดีย นอกจากรอยยิ้ม ไม่นานแม่บ้านสาวสวยก็ก้าวออกไป มัลลิการีบเดินไปล็อกประตู และตั้งใจจะเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ แต่โทรศัพท์มือถือดังขึ้นเสียก่อน หล่อนรีบหยิบมาแนบหู
“สวัสดีค่ะคุณดีน”
“เป็นยังไงบ้างมัลลิกา เจ้าคิลล์ทำร้ายเธอหรือเปล่า”
มัลลิกาอึกอักไม่กล้าตอบ และนั่นก็ทำให้ดีแลนเดาได้ทันที
“ถูกแกล้งอะไรล่ะ”
“เอ่อ เล็กน้อยเท่านั้นค่ะ”
“ไอ้ที่เล็กน้อยน่ะคืออะไรล่ะ บอกฉันมาหน่อยเถอะ”
เมื่อถูกคาดคั้นหนักเข้าก็จำต้องบอกออกไป
“คุณคิลล์เธอไม่พอใจที่ดิฉันไปนั่งเก้าอี้ประจำของคุณไอรีนน่ะค่ะ ก็เลย... สาดอาหารใส่ดิฉัน แต่ดิฉันไม่เป็นอะไรมากนะคะ แค่เปื้อนเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
“โอ้ พระเจ้า!”
ดีแลนอุทานอย่างตกใจ ก่อนจะเค้นเสียงถามด้วยความข้องใจ
“แปลกจริง ทำไมนาเดียไม่บอกเธอล่ะว่าอย่าแตะต้องของที่เป็นของไอรีนน่ะ”
“อย่าไปว่าคุณนาเดียเธอเลยค่ะ เธอคงหวังดี”
เสียงถอนใจแรงๆ ของดีแลนดังมาตามสาย
“แล้วเธอไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่นี้เอง ชีวิตที่ผ่านมาของดิฉันเจอหนักกว่านี้หลายเท่าค่ะ คุณดีนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ดิฉันจะทนให้ถึงที่สุด จะทำให้คุณคิลล์กลับมาเป็นคนเดิมให้ได้”
น้ำเสียงหนักแน่นจริงใจของมัลลิกาทำให้ดีแลนยิ่งไม่สบายใจ
“ฉันรู้ว่าเธอทำเพราะไม่มีทางเลือก แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ บอกฉันนะ ฉันยินดีจะจ่ายเงินที่เหลือให้เธอทั้งหมด แม้ว่าเธอจะยกเลิกก็ตาม”
“ขอบคุณมากค่ะคุณดีน... ถ้าไม่ไหวจริงๆ ดิฉันจะบอกคุณดีนเป็นคนแรกเลยค่ะ ดิฉันสัญญา”
“อืม... รักษาตัวให้ดีล่ะ ฉันไม่รู้ว่าเจ้าคิลล์มันคิดจะทำอะไรต่อไปอีก หมอนี่ดีก็ดีใจหาย แต่ถ้าร้ายก็สุดจะคาดเดาเหมือนกัน”
“อย่าห่วงเลยค่ะ ดิฉันมีเลือดนักสู้อยู่เต็มตัว ยังไงก็ไม่คิดจะแพ้ตั้งแต่ยกแรกแน่ๆ ค่ะ” คำพูดของมัลลิกาแม้จะมาจากน้ำเสียงที่เศร้านัก แต่ความหมายของประโยคก็ทำให้ดีแลนอมยิ้มออกมาได้
“ดูแลตัวเองดีๆ ก็แล้วกัน แล้วฉันจะโทรมาถามความคืบหน้าใหม่”
“ขอบคุณค่ะคุณดีน” มัลลิกาปล่อยโทรศัพท์มือถือให้ร่วงลงกับเตียง ภาพความเข้มแข็งที่แสดงให้ดีแลนเข้าใจหายวับไปในพริบตา หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอ่อนล้า
มัลลิกาที่พึ่งจะบังคับตัวเองให้ดำดิ่งลงสู่ทะเลนิทราได้เพียงไม่ถึงชั่วโมง มีอันต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อประตูห้องถูกเคาะแรงๆ ไม่สิ... เรียกว่าทุบได้เลยต่างหาก
“เปิด... เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้เปิดไง มัลลิกา!”
เสียงอ้อแอ้ที่เต็มไปด้วยความเมามายของคนด้านนอกบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขาคนนั้นกำลังตกอยู่ในอำนาจของปีศาจสุราเต็มขั้นเลยทีเดียว มัลลิกาก้าวลงจากเตียง เดินไปหยุดใกล้ๆ กับประตู แต่หญิงสาวไม่คิดจะเปิดมันออก
“คุณคิลล์มีอะไรกับมะลิหรือคะ”
เพื่อให้ฟังดูไม่ห่างเหินนักหล่อนจึงเลือกที่จะแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น แต่หากคนภายนอกที่เมาแอ๋ไม่ได้ให้ความสำคัญเลยสักนิด เขายังคงเขย่าประตูไม้บานใหญ่ตรงหน้าต่อไปด้วยความบ้าคลั่ง ปากก็ร้องตะโกนก้องบอกให้หล่อนเปิดประตู
“เธอไม่มีสิทธิ์มาถามอะไรฉันทั้งนั้น เปิดประตู! นี่หูแตกหรือไงบอกให้เปิดประตู”
“มันดึกแล้วค่ะ มีอะไรกับมะลิเอาไว้คุยพรุ่งนี้ก็ได้ ว๊าย...”
มัลลิกาอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ประตูห้องก็สั่นไหวไปทั้งบานเพราะถูกคิลเลียนกระแทกเข้าใส่ทั้งตัว
“คุณคิลล์คะ อย่าทำแบบนี้ค่ะ”
“ถ้าเธอไม่เปิดไอ้ประตูระยำนี่ซะ ฉันจะพังเข้าไปเดี๋ยวนี้”
หญิงสาวหน้าซีดเผือด มือเล็กยื่นไปกุมลูกบิดประตูเย็นเฉียบเอาไว้แน่น ตัดสินใจว่าจะเปิดเพื่อคุยกับคนพาลให้รู้เรื่อง แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า จำต้องชักมือกลับมาทิ้งอยู่ข้างลำตัว
“ไม่ค่ะ มันดึกแล้ว มะลิจะนอน”