“บิ๊กไบค์”
ในระหว่างที่นั่งรอพี่บิ๊กไบค์ทานอาหารต่อ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายพี่บิ๊กไบค์อย่างสนิทสนม
สนิทสนมยังไงนะเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาหอมแก้มพี่บิ๊กไบค์นะสิ ซึ่งพี่บิ๊กไบค์เองก็ดูจะยินดีให้ผู้หญิงคนนั้นหอมด้วย
“ไง คิสตี้” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยชื่อผู้หญิงคนนั้น
“คิดถึงบิ๊กไบค์จังเลย ช่วงหลังมานี้ไม่ค่อยแวะไปหาคิสตี้บ้างเลยน๊า...” ผู้หญิงที่ชื่อคิสตี้พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ด้วย ดูก็รู้ว่าชีตอแหล... มีแต่ผู้ชายน่าโง่เท่านั้นแหละที่ดูไม่ออก โดยฉะเพราะผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างฉัน
“ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยอ่ะ คิสตี้ ขอโทษด้วย” พี่บิ๊กไบค์ส่งยิ้มหวานกระชากใจไปให้หล่อน
“เห็นรอยยิ้มบิ๊กไบค์แล้ว คิสตี้โกรธไม่ลงจริง ๆ ค่ะ” คิสตี้โน้มหน้าลงมาหอมแก้มพี่บิ๊กไบค์อีกครั้ง พี่บิ๊กไบค์เองก็เอียงหน้าไปให้คิสตี้หอมอย่างเต็มใจ เห็นแล้วขัดตาชะมัด ถ้าจะพลอดรักกันขนาดนี้ก็ไปเปิดห้องเถอะค่ะ ชิ...
ผมชำเลืองมองร่างบางที่นั่งอยู่ข้างผมในตอนนี้ เธอแอบเหลือบตามองบนอย่างหมั่นไส้ ทำให้ผมอดที่จะยิ้มขำไม่ได้ แอบหวงเราเหมือนกันนะเนี่ย
ผมไม่ได้ตั้งใจทำใส่แก้มใสแต่อย่างใดหรอกนะครับ คิสตี้กับผมเราเป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่เราไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษเมื่อช่วงปิดเทอม ม.ปลาย (เป็นช่วงที่โดนแก้มใสปฏิเสธมาใหม่ ๆ ด้วย หัวใจก็เลยต้องการเยียวยานิดหน่อย ^_^) ผมกับคิสตี้ค่อนข้างสนิทกันในระดับหนึ่งซึ่งก็รวมไปถึงเรื่องความสัมพันธ์อันลึกซึ้งด้วย แต่เราไม่ใช่แฟนกันนะครับอย่าพึ่งเข้าใจผมผิด เราแค่สนุกกันเท่านั้น คิสตี้เองก็พอใจในข้อตกลงของเราด้วย
“ว่าแต่... คิสตี้มาทานข้าวคนเดียวเหรอ” ผมจึงเอ่ยถามคิสตี้กลับตามมารยาท และสงสัยนิดหน่อยที่เห็นเธอมาคนเดียว
“อ๋อ คิสตี้นัดเพื่อนไว้น่ะค่ะ”
“งั้นคิสตี้ขอตัวก่อนนะคะ ไม่อยากรบกวนเวลาของบิ๊กไบค์กับสาวน้อยน่ารักคนนี้นาน ไปก่อนนะคะ” คิสตี้ส่งยิ้มมาให้ผมกับแก้มใสพร้อมกับยกมือขึ้นบ๊ายบายก่อนเดินจากไป
“จะกลับได้ยังคะ” แก้มใสเอ่ยถามทันทีที่คิสตี้ไปแล้ว
“อยากกลับแล้วเหรอ” ผมหันกลับมาถามแก้มใสด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้อยากมาตั้งแต่แรกแล้วมากกว่า” แก้มใสบ่นเสียงเบาแต่ว่าทุกคำพูด ผมกลับได้ยินมันชัดเจน
“โกรธเหรอ” ผมยกคิ้วถามอย่างกวนๆ พร้อมกับเอื้อมมือหนาไปโอบไหล่บางอย่างเนียนๆ
“แก้มไปรอที่รถนะคะ”
ยังไม่ทันที่ผมจะโอบไหล่บางได้สมใจ แก้มใสก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากเก้าอี้ทันที เล่นแรงไปหรือเปล่าวะ! แก้มใสดูนิ่งผิดไปจากปกติอย่างมาก ผมจึงเรียกพนักงานมาเช็กบิลแล้วรีบเดินตามแก้มใสไปยังรถของตัวเองทันที ด้วยความที่รีบจึงไม่ทันได้สังเกตว่าบิลค่าอาหารที่ผมถือกลับมานั้น มีบางอย่างติดมาด้วย...
เมื่อเดินมาถึงรถผมก็รีบกดรีโมทปลดล็อกรถให้แก้มใส มือบางรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งเองโดยที่ไม่รอให้ผมไปเปิดให้
“ค่าอาหารเท่าไหร่คะ เดี๋ยวแก้มช่วยหารดีกว่า” แก้มใสเอ่ยขึ้นเมื่อผมขับรถออกมาจากร้านอาหารได้สักพัก ผมจึงยื่นบิลไปให้แก้มใสดูเองเพราะผมก็ไม่ได้ดูค่าอาหารเหมือนกัน
“แก้มว่า... พี่ไบค์จอดรถให้แก้มลงตรงปากทางก็ได้นะคะ เพราะดูเหมือนว่าพี่จะมีธุระต่อ” ผมหันไปมองหน้าแก้มใสอย่างไม่เข้าใจ
“พี่ไม่มีธุระที่ไหน” ผมตอบไปตามความจริง พอดีกับที่รถติดไฟแดง แก้มใสจึงยื่นบิลค่าอาหารกลับมาให้ผมดู ผมก็รับมาอย่างมึนงงก่อนจะถึงบางอ้อ ก็เมื่อได้เห็นเบอร์โทรพร้อมที่อยู่และหมายเลขห้องที่ถูกเขียนด้วยปากกามาบนบิลค่าอาหาร สงสัยจะเป็นพนักงานหญิงคนนั้นแน่ ๆ เลย
“ไม่ใช่ธุระ...” ผมขย้ำบิลค่าอาหารแล้วโยนทิ้งออกไปนอกตัวรถ
“พี่ทำอะไรน่ะ! ถนนสกปรกนะ” แก้มใสร้องบอกพร้อมกับมองตามบิลค่าอาหารนั้น
“ถ้าโยนทิ้งในรถ เดี๋ยวคนบางจะคิดว่าพี่อยากเก็บไว้อีกล่ะ” แก้มใสถึงกลับเงียบไปทันที หึ! ผมเดาถูกสินะ คิดถูกแล้วที่โยนมันออกไปเพราะไม่อย่างนั้น เกิดปัญหาตามมาแน่ ๆ
“ที่จริง... พี่ไบค์ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรกับแก้มหรอกนะคะ” จู่ ๆ แก้มใสก็พูดขึ้นมาหลังจากที่เอาแต่เงียบมาสักพัก
“หมายความว่าไง” ผมหันไปมองหน้าแก้มใสอย่างไม่เข้าใจว่าเธอต้องการจะบอกอะไรกับผมกันแน่
“แก้มหมายถึงเรื่องเมื่อคืนน่ะค่ะ” แก้มใสหันมาสบตากับผม
“แก้มคิดว่า...ที่พี่ทำอยู่นี้ เพราะพี่รู้สึกผิดงั้นเหรอ”
“แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
ผมเลี้ยวรถจอดข้างทางทันทีที่ได้ยินแก้มใสถาม ผมนั่งถอนหายใจอยู่สักพักพยายามระงับอารมณ์ที่เริ่มจะปะทุขึ้นมาเพราะนึกโมโหคนตัวเล็กที่พูดอะไรออกมาชั่งไม่เข้าหูเอาซะเลย
“ทำไมถึงได้คิดแบบนั้น” ผมเริ่มขึ้นเสียงนิดหน่อย ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมแก้มใสถึงได้คิดแบบนั้น สิ่งที่ผมแสดงออกมันยังไม่ชัดพออีกหรือไง
“ก็แทนที่พี่ไบค์จะได้ไปสนุกต่อกับสาวสวย หรือกับผู้หญิงของพี่ กลับต้องมาส่งแก้ม มาทำดีกับแก้ม มันน่าสนุกตรงไหนคะ”
“แก้มใส!” ผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ แก้มใสดูถูกความรู้สึกของผมเกิดไปแล้ว
“พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะคะ แก้มไม่ใช่คนหัวโบราณค่ะ แก้มไม่ได้หวังให้พี่มารับผิดชอบอะไร เพราะว่าเรา... ต่างก็สนุกกันทั้งคู่” พูดจบแก้มใสก็หลบตาผมทันที
“สนุกทั้งคู่งั้นเหรอ” ผมขบกรามแน่นพยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้สุด ๆ
“แก้มขอตัวนะคะ” แก้มใสทำท่าจะเปิดประตูรถออกไป ผมรีบกดล็อกประตูทันที
“กรุณาเปิดประตูให้แก้มด้วยค่ะ” แก้มใสหันมามองหน้าผมด้วยสายตาเคืองนิดๆ
“เมื่อกี้... แก้มบอกว่าเรา สนุกทั้งคู่ ใช่ไหม” ผมเอ่ยถามอีกครั้ง
“ใช่ค่ะ”
“งั้น... ถ้าพี่อยากจะสนุกอีกรอบคงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
แก้มใสถึงกลับหน้าถอดสีอย่างตื่นกลัว มือบางพยายามดึงประตูให้เปิดออกแต่ก็ไร้วี่แววว่ามันจะเปิดได้ แก้มใสจึงหันไปเคาะกระจกแรง ๆ ผมจึงเอื้อมมือไปกระชากตัวพร้อมกับยกร่างบางให้มานั่งตักผม
“ปล่อยแก้มนะ!” แก้มใสดิ้นพล่าน มือบางก็ระดมทุบอกผมไม่หยุด ผมจึงปรับเบาะของตัวเองให้เอนลงไปด้านหลัง เมื่อปรับได้ที่แล้วผมก็พลิกตัวให้แก้มใสไปอยู่ใต้ร่างผมทันที
“พี่ไบค์! ปล่อยแก้มนะ!” แก้มใสพยายามขัดขืน แต่มีเหรอที่เธอจะทำได้ ผมจัดการฉีกเสื้อยืดของแก้มใสจนขาดเป็นสองท่อน เผยให้เห็นดอกบัวคู่งามที่มีร่องรอยความช้ำจากฝีมือของผมโผล่พ้นบราขึ้นมาบางส่วน แก้มใสร้องลั่นด้วยความตกใจ ถามว่าสงสารน้องไหม สงสารครับ แต่แก้มใสเองก็ไม่นึกถึงใจผมเลย พูดออกมาแต่ล่ะอย่าง ดังมีดคมๆ ดีๆ นี่เอง
“แก้มทำให้พี่เป็นแบบนี้เองนะ” ผมพูดลอดไรฟันอย่างโมโห
“แก้มไปทำอะไรให้พี่นักหนา ปล่อยแก้มนะ!” แก้มใสพยายามดิ้นหนีสุดชีวิต ขาเล็กก็ยกขึ้นเตะไปมา ดีนะที่ผมหลบทัน ไม่อย่างนั้นละก็...คนหล่อต้องสูญพันธุ์แน่ ๆ
“ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก พี่แค่อยากได้แก้มน่ะ มีอะไรไหม”
“พะ อุ๊บ!”
ผมปิดปากบางด้วยริมฝีปากของผมทันที ชอบดื้อดีนัก มันต้องขยี้ให้เข็ดจะได้ลดความปากเก่งลงบ้าง ผมบดขยี้ปากบางอย่างรุนแรง ทำให้ริมฝีปากทั้งผมและแก้มใสปริแตกได้รสเลือดนิดๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ยอมล่ะริมฝีปากออกอยู่ดี แก้มใสพยายามขัดขืนสุดแรง ก็ได้แค่นั้นแหละ เธอต้านผมไม่อยู่หรอก
หวังว่ารสจูบครั้งนี้มันจะทำให้แก้มใสจำขึ้นใจแล้วไม่กล้าพูดจาอะไรแบบนี้อีกนะ ผมกะว่าจะแค่สั่งสอน แต่พอได้ชิมสมใจแล้วเนี้ย ผมกลับหยุดยั้งตัวเองไม่ได้ซะงั้น ความหวานจากโพรงปากเล็กมันชั่งดึงดูดอะไรเช่นนี้ ผมไม่อาจล่ะริมฝีปากออกจากปากบางนี้ได้จริงๆ
จากที่ทำโทษก็แปลเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลง แก้มใสเองก็เริ่มอ่อนแรงเพราะเธอใช้แรงทั้งหมดที่มี ดิ้นหนีเอาตัวรอดแต่ก็ไม่รอด แล้วเธอก็เหนื่อยไปเองและหยุดดิ้นในที่สุด เมื่อแก้มใสไร้การขัดขืนทำให้ผมต้องเบาความรุนแรงลงเพราะเริ่มจะสงสารคนตัวเล็กเข้าแล้ว
ผมยอมละริมฝีปากออกแล้วจ้องหน้าแก้มใส เราต่างสบตากันนิ่ง แววตาของแก้มใสมีความสับสนอยู่ไม่น้อยเธอแสดงออกมาอย่างชัดเจน ผมไม่แน่ใจว่าแก้มใสกำลังสับสนเรื่องอะไรอยู่ เรื่องเมื่อคืนหรือเรื่องไอ้โต้งกันแน่
ผมจึงโน้มหน้าลงไปจูบซับที่ลำคอขาวเนียน ค่อยๆ ดูดเม้มจับจองแสดงความเป็นเจ้าของร่างนี้ทุกพื้นที่ที่ริมฝีปากสัมผัส ถึงแม้ว่าจะมีร่องรอยเก่าหลงเหลืออยู่ก็เถอะ แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่พออยู่ดี
“อ๊ะ! พี่ไบค์” แก้มใสร้องเสียงหลงเมื่อผมรั้งบราแสนสวยลงเพื่อเปิดทางให้ริมฝีปากของผมเข้าไปชิมได้ ผมค่อยๆ เขี่ยเม็ดทับทิบเล่นอย่างหยอกล้อก่อนจะอ้าปากงับเข้ามาครอบครองในอุ้งปากพร้อมกับดูดเม้มอย่างหิวกระหาย
“อื้ออ พี่ไบค์...” แก้มใสครางเสียงแผ่วเบา พร้อมกับยกมือบางสานเข้ากับเรือนผมแล้วออกแรงทึ่งเบาๆ ผมคงต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ผมชอบให้แก้มใสเรียกผมด้วยน้ำเสียงแบบนี้ และอยากให้เธอเรียกหาผมอยู่แบบนี้แต่เพียงผู้เดียว
“หยุดเถอะ...” ฉันเอ่ยบอกกับร่างหนาเสียงแผ่วเบา เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของฉันมันกำลังโอนอ่อนไปกับสัมผัสแสนวาบหวามนี้ แต่ว่า...พี่บิ๊กไบค์กลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทรมานฉันง่ายๆ ริมฝีปากหนายังคงดูดเม้มพร้อมกับที่มือหนาบีบเคล้นก้อนเนื้อนิ่มหนักเบาสลับกันไปมาทั้งสองข้าง ทั้งริมฝีปากและมือหนาต่างก็เล้าโลมฉันอย่างต่อเนื่อง
“พี่อยากกินแก้มจัง”
ในที่สุดริมฝีปากหนาก็เลิกทรมานร่างกายฉันสักที พี่บิ๊กไบค์เลื่อนตาคมขึ้นมาสบตากับฉัน สายตาของพี่บิ๊กไบค์แสดงออกชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร
ฉันไม่รู้ว่าจะต้องตอบพี่บิ๊กไบค์อย่างไร ทำได้เพียงแค่สบตาเขานิ่ง แต่ในใจกลับไม่นิ่งตาม หัวใจเต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่งยามได้สบตากับพี่บิ๊กไบค์ เขาทำให้หัวใจของฉันสั่นไหวรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนดุดันแต่ก็อ่อนโยนทุกครั้งเมื่อเขารู้ว่าฉันกลัว ความรู้สึกไม่ต่างจากโดนตบหัวแล้วลูบหลังเลย
ฉันยอมรับว่า พี่บิ๊กไบค์เขาไม่ได้ดูด้อยไปกว่าพี่โต้งเลย ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตาหรือฐานะ เขาดูดีหมดทุกอย่าง แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าสิ่งที่พี่บิ๊กไบค์ทำอยู่ในตอนนี้ เขาต้องการฉันจริงหรือแค่ต้องการจะเอาชนะเพราะฉันเคยปฏิเสธเขาไปเมื่อตอนม.ปลาย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่จะปฏิเสธผู้ชายที่โปรไฟล์ดีขนาดนี้
และการปรากฏตัวของผู้หญิงที่ชื่อคิสตี้ในวันนี้ มันยิ่งตอกย้ำว่าฉันเทียบคิสตี้ไม่ได้เลยสักนิด และยิ่งได้เห็นความสนิทสนมระหว่างพี่บิ๊กไบค์กับคิสตี้ มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่า... มันไม่น่าจะเป็นไปได้ ว่าพี่บิ๊กไบค์จะรอและยังชอบฉันอยู่ เพราะระดับเขาแล้ว แค่ขยิบตาให้ ผู้หญิงสวยๆ ก็พร้อมใจกันเดินเข้ามาให้เขาเลือกอย่างไม่ขาดสาย
“อย่านะ!”
ฉันที่กำลังตกอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือหนาเลื่อนผ่านกางเกงชั้นในเข้ามากอบกุมเนินเนื้ออย่างง่ายดาย ซึ่งฉันไม่รู้ตัวเลยว่าพี่บิ๊กไบค์ปลดกระดุมกางเกงออกไปตั้งแต่เมื่อไร แถมกางเกงยังร่วงลงมาจนเกือบครึ่งก้นแล้ว
ฉันพยายามรั้งมือหนาให้ออกจากกางเกง แต่ก็ทำได้แค่จับข้อมือเขาไว้เท่านั้น คนอะไรก็ไม่รู้ แข็งแรงเป็นบ้าเลย พี่บิ๊กไบค์จ้องมองฉันด้วยสายตาอันร้อนแรง ฉันเผลอสบตาคมนิ่งดังโดนมนต์สะกดให้จ้องมองเพียงแต่เขาผู้เดียว
“แก้มเป็นของพี่...” พี่บิ๊กไบค์โน้มหน้าลงมากระซิบบอกชิดริมหูพร้อมกับหายใจแรงรินรดต้นคอ ทำให้ร่างกายของฉันถึงกลับร้อนวาบไปทั้งตัว
นิ้วเรียวกีดแทรกเข้ามายังดอกไม้งามที่ฉ่ำแฉะไปด้วยหยาดน้ำใส ฉันเบือนหน้าหนีแล้วหลับตาลงพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างแน่นด้วยความสยิว ฉันไม่อาจฉุดตัวเองให้หลุดออกจากความรู้สึกวาบหวามนี้ได้เลย
“อื้ออออ” ฉันพยายามกลั้นเสียงอันน่าเกลียดของตัวเองไว้แต่มันก็เล็ดลอดออกมาอยู่ดี นิ้วเรียวเริ่มขยับขึ้นลงพร้อมกับกดขยี้จุดอ่อนไหวกลางกายสาว ฉันไม่อาจทนความร้ายกาจของพี่บิ๊กไบค์ได้ ฉันเผลอเชิดหน้าขึ้นสูงพร้อมกับหลับตาพริ้มเหมือนเด็กน้อยชั่งฝัน รู้สึกวูบวาบไปทั่วร่างดังไฟฟ้าสถิต และดูเหมือนว่าพี่บิ๊กไบค์ชอบให้ฉันแสดงอาการดังเช่นนั้น เขาวนกลับมากระทำเช่นเดิมอีกครั้ง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
“ยะ หยุดเถอะค่ะ” ฉันอ้อนวอนอีกครั้ง เพราะรู้ตัวแล้วว่าฉันไม่อาจทนต่อความรู้สึกอันน่าอึดอัดแบบนี้ได้อีกต่อไป และการที่ฉันขอร้องให้หยุดเปรียบเสมือนกับว่าบอกให้ทำต่อ นิ้วร้ายขยับขึ้นลงรัวเร็วทำให้ร่างกายของฉันเกิดอาการเกร็งไปทุกสัดส่วน ฉันปล่อยมือบางออกจากข้อมือหนาแล้วเลื่อนขึ้นมารั้งท้ายทอยพี่บิ๊กไบค์ลงมาโอบกอดแน่นก่อนจะฝั่งเขี้ยวลงที่ต้นคออย่างต้องการระบายความอึดอัดจากช่วงล่างที่โดนกระทำอย่างจาบจ้วงจากมือหนา
“อื้ออออ” แล้วความรู้สึกของฉันก็แตกสลายไปกลางอากาศก่อนจะติ่งวูบลงมาอย่างผ่อนคลาย
ฉันนอนหอบหายใจแรงอยู่พักใหญ่ เมื่อเริ่มมีสติอีกครั้งฉันก็รีบคว้ามือหนาให้ออกจากกางเกงของฉัน พี่บิ๊กไบค์ยอมดึงออกแต่โดยดี แต่เขาก็ทำในสิ่งที่ทำให้ฉันตะลึงจนพูดไม่ออก
พี่บิ๊กไบค์ยกมือขึ้นมาตรงหน้าฉันก่อนจะแลบลิ้นสีชมพูออกมาเลียชิมนิ้วของตัวเองที่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำใส มันทำให้ฉันรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัวอย่างกับว่าโดนเขาชิมตรงส่วนนั้นโดยตรง
“หวานจัง” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยชมพร้อมกับยกยิ้มกรุ้มกริ่ม
“หยุดนะ!” ด้วยความอายฉันจึงคว้ามือหนามากุมไว้เพื่อให้เขาหยุดการกระทำ พี่บิ๊กไบค์จ้องหนาฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะโน้มหน้าลงมาดูดนิ้วชี้ของฉันอย่างจงใจทำให้ฉันต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็ว
พี่บิ๊กไบค์ใช้สายตาจ้องมองมาบริเวณหน้าอกของฉันพร้อมกับแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก และนั้นก็ทำให้ฉันได้สติ และรู้ตัวว่าบราของฉันมันไม่อยู่ในที่ของมัน ฉันยื่นมือไปผลักอกแกร่งให้ออกห่างซึ่งพี่บิ๊กไบค์ก็ยอมถอยด้วยการขยับไปนั่งเบาะอีกฝั่งที่ฉันนั่งก่อนหน้านี้ เมื่อเขาออกห่างฉันจึงรีบจัดการให้บราเข้าที่เหมือนเดิม
“ทำอะไรคะ!” ฉันร้องถามด้วยความตกใจเมื่อหันไปเห็นพี่บิ๊กไบค์กำลังถอดกางเกงยีนตัวเองออก
“เมื่อกี้พี่ทำโทษแก้ม ตอนนี้แก้มต้องง้อพี่”
ฉันที่ยังมึนงงกับคำพูดของพี่บิ๊กไบค์อยู่โดยไม่ทันระหว่างตัวก็โดนแขนหนาสอดเข้าข้อพับขาแล้วอุ้มฉันมานั่งตักเขาพร้อมกับถอดกางเกงขาสั้นฉันไปด้วย
“พอแล้ว!” ฉันร้องเสียงหลงพยายามยื้อแย่งกางเกงตัวเองเอาไว้สุดฤทธิ์ และฉันก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลย นิ้วเรียวเกี่ยวกางเกงชั้นในของฉันไปด้านข้างก่อนจะมีบางอย่างดุนดันเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย!” ฉันร้องลั่นด้วยความเจ็บและจุกในเวลาเดียวกัน มือบางพยายามปาดป่ายไปทั่วคอนโซนหน้ารถเพื่อหาที่ยึดจับ
“ขยับสิ” พี่บิ๊กไบค์กระซิบบอกจากด้านหลัง
“ไม่!” ด้วยความโกรธฉันจึงเผลอขึ้นเสียงใส่
พรึบ! บราที่ฉันสวมใส่อยู่ได้หลุดออกจากอกของฉันทันที และยังไม่ทันหายตกใจ มือหนาก็เคลื่อนมาจากด้านหลังกอบกุมเอาก้อนเนื้อนิ่มเต็มกำมือ
“พร้อมจะง้อพี่ยังครับ” พี่บิ๊กไบค์กระซิบถามอีกครั้ง ถ้าหากฉันปฏิเสธ ฉันจะโดนอะไรอีกไหม... ฉันไม่กล้าเลี่ยงแล้วตอนนี้
เมื่อไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากฉัน พี่บิ๊กไบค์จึงจับฉันหมุนให้หันหน้าไปหาเขาโดยที่ส่วนนั้นของเรายังเชื่อมกันอยู่ ทำให้ฉันถึงกลับผวาสุดตัว คนบ้าเอ๊ย! ได้แต่ก่นด่าเขาอยู่ในใจ