ตอนที่สอง หวั่นไหว 3.3

3749 คำ
ไม่มีอะไรฉุดผมอยู่แล้วในตอนนี้ ผมลุ่มหลงทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมจางๆ จากตัวแก้มใส ริมฝีปากอ่อนนิ่มน่าจูบเหลือเกิน และไหนจะดอกบัวคู่งามนี้อีก อารมณ์ผมกู่ไม่กลับแล้วล่ะ “อื้ออ พี่ไบค์” ร่างบางเริ่มตอบสนองต่อสัมผัสของผมจากที่พยายามขยับหนีก็เปลี่ยนมาแอ่นอกขึ้นใส่อย่างลืมตัว ยิ่งทำให้ผมได้ใจ เกิดฮึกเหิมขึ้นไปอีก ผมเคลื่อนตัวลงต่ำพรมจูบไปทั่วหน้าท้องแบนราบ แก้มใสดูจะปั่นป่วนอยู่ภายในเมื่อหน้าท้องของเธอกระเพื้อมไหวแรงยามที่โดนริมฝีปากของผมสัมผัส ผมค่อยๆ เคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ แล้วมาหยุดอยู่ตรงกระดุมกางเกงขาสั้นของแก้มใส “อย่า...ถอดนะ...” เสียงแก้มใสลอยมา แต่มันชั่งเบาเหลือเกิน ไม่แรงพอที่จะทำให้ผมหยุดการกระทำได้ ผมจัดการถอดกางเกงขาสั้นออกพร้อมกับกางเกงชั้นในด้วย จิตใต้สำนึกสุดท้ายของแก้มใส เธอพยายามยื่นมือมายื้อแย่งกางเกงของตัวเองไม่ยอมให้ผมถอดออกไปได้ง่ายๆ สิ่งที่แก้มใสแสดงออก มันไม่มีการแสแสร้งแต่อย่างใด ผมรู้ว่าเธอยังใหม่กับเรื่องแบบนี้ “ไม่เชื่อใจพี่เหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นไปถาม ซึ่งตอนนี้ใบหน้าของแก้มใสแปร่งเป็นสีแดงอมชมพู่แทบจะทั้งใบหน้า ผมรู้ว่าแก้มใสเขินอายแค่ไหน แต่ว่า...ยิ่งแก้มใสเขินอายแบบนี้ มันยิ่งทำให้เธอดูน่ารัก และน่ากินเข้าไปอีก “แก้ม...แก้ม...” เธอพยายามนึกหาคำพูด และผมก็อาศัยจังหวะนี้แหละ รั้งกางเกงขาสั้นของเธอออกมาจนได้ “พี่ไบค์” ชอบจัง ชอบให้แก้มใสเรียกผมแบบนี้จัง ผมเคลื่อนตัวเข้ามาตรงหว่างขา ด้วยสัญชาตญาณแก้มใสรีบหนีบขาเข้าหากันทันที เธอส่ายหน้ารัวๆ ไม่ยอมให้ผมสัมผัสตรงนั้น “โอเคครับ” ผมยอมเคลื่อนตัวขึ้นกลับไปหาเธอตามเดิม แก้มใสสบตาผม ตากลมโตสะท้อนความกลัวและความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด “เจ็บก็บอกพี่นะ” แก้มใสพยักหน้าให้แทนคำตอบ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกลิงโลดเข้าไปใหญ่ เธอยอมผม! เธอยอมให้ผมสัมผัสเธอมากกว่าการกอดจูบ ผมค่อยๆ แทรกตัวเองเข้าตรงกลางอีกครั้ง ผมพยายามใจเย็น ไม่ตะกละตะกามเหมือนตอนแรก เพราะมันอาจทำให้แก้มใสเข็ดราบกับเรื่องบนเตียงได้หากผมรุนแรงเกินไป ผมบดจูบริมฝีปากบางอีกครั้ง พยายามโน้มน้าวด้วยการจูบเบาๆ อย่างคลอเคลียเพื่อให้แก้มใสคลายความกังวลและความกลัว ผมจับข้อมือบางที่ถูกหมัดมาคล้องคอตัวเอง เบียดร่างกายทุกสัดส่วนให้แนบชิดกับร่างบางแทบจะหล่อหลอมร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน “อึก! อือออ” น้ำตาไหลอาบแก้มเนียนทันทีที่ผมดันตัวตนเข้าไปยังกรีบดอกไม้งาม ภายในบีบรัดความเป็นชายของผมแน่น “อ่า...อย่ารัดพี่แรงสิครับ” ผมก้มลงกระซิบบอกชิดริมหู ส่วนนั้นโดนบีบรัดอย่างรุนแรงจนผมรู้สึกปวดร้าวไปทั่วหน้าขาถึงกลับต้องกัดริมฝีปากล่างตัวเองอย่างสยิว “แก้ม...เจ็บ...” แก้มใสหลับตาปี๋พร้อมกับจิกเล็บลงที่ท้ายทอยของผม จากหนักน้ำมือที่แก้มใสจิกลงท้ายทอยผมนั้น ก็พอจะทำให้รู้ว่าเธอเจ็บแค่ไหน ผมจึงหอมแก้มเนียนซ้ายทีขวาทีก่อนจะเลื่อนลงมาซุกไซ้ซอกคอเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อให้แก้มใสด้วยคลายอาการเกร็ง “เอาออกไปได้ไหมคะ” แก้มใสเอ่ยขึ้นอย่างอ้อนวอน ผมจ้องมองสบตาแก้มใส ซึ่งยังมีคราบน้ำตาเปื้อนดวงหน้าอยู่ จะให้ผมตอบอย่างไรดี เรื่องแบบนี้มันหยุดกลางคันได้ที่ไหนล่ะ “พี่หยุดไม่ได้ครับ” ผมจึงตอบไปตามตรง “แก้มยังไม่อยากท้อง” พูดจบเธอก็หลบตาผม “พี่รับผิดชอบได้น่า...” “ทำไมไม่...ป้องกันคะ” ทายประโยคแก้มใสเอ่ยเสียงเบา แต่มันก็ดังพอที่จะทำให้ผมได้ยิน ที่แท้ก็กังวลเรื่องนี้นี่เอง ผมจับข้อมือบางที่คล้องคอตัวเองอยู่ออกจากท้ายทอยก่อนจะแก้หมัดให้แก้มใสพร้อมกับเสื้อของเธอ เมื่อมือบางเป็นอิสระ แก้มใสก็รีบยกขึ้นมาดันอกแกร่งของผมไว้ทันที เด็กน้อยเอ๊ย... กิริยาท่าทางของแก้มใสมันทำให้ผมอดยิ้มขำไม่ได้ “ถ้ากลัวท้อง...พี่หลั่งนอกก็ได้ครับ” พอได้ยินสิ่งที่ผมพูดออกไป แก้มใสก็ยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีก อาศัยจังหวะที่แก้มใสกำลังเขินไม่ทันได้ตั้งตัว ผมก็จับข้อมือบางออกจากกันแล้วบังคับให้แก้มใสโอบกอดผมแทน “พี่ไบค์!” แก้มใสพยายามนำมือกลับมาดันอกผมอีกครั้งแต่เธอก็ไม่สามารถทำได้เพราะร่างกายของเราแนบชิดขนาดที่ลมยังรอดผ่านไม่ได้เลย “ถ้าเจ็บ...ก็ร้องดัง ๆ นะ” “พะ...อุ๊บ!” ริมฝีปากบางถูกผมช่วงชิงลมหายใจอีกครั้ง ผมบดจูบขยี้ปากบางอย่างเร่าร้อนเพราะอุณหภูมิในร่างกายเริ่มสูงขึ้นไปตามอารมณ์ ผมอยากจะทำ อยากจะกินแก้มใสให้หนำใจ เมื่อช่วงล่างเริ่มขยับ มือบางที่โอบกอดผมอยู่ก็ยิ่งกอดรัดแน่นขึ้นพร้อมกับจิกเล็บแรงขึ้น “พี่ไบค์ อื้ออ” แก้มใสส่งเสียงร้องลั่น เมื่อโดนเอวหนากระแทกกระทั้นอย่างเร็วแรง ผมไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว จำไม่ได้แล้วเฮะ ผมโน้มหน้าเข้าไปซุกไซ้ซอกคออย่างบ้าคลั่ง อย่างกับสัตว์ป่าผู้หิวโหย “อ่า...แก้มใส เธอทำให้พี่คลั่ง รู้ตัวไหม อ่า...” เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วห้อง “แก้มจะ อืออ” ร่างบางเริ่มมีอาการเกร็ง ผมรับรู้ได้ทันทีว่าแก้มใสใกล้ถึงที่หมายแล้ว ผมจึงรีบเร่งความเร็วแล้วทะยานไปให้ทันร่างเล็ก ในจังหวะสุดท้ายก่อนที่จะได้ปลดปล่อยออกมา ผมก็รีบรั้งตัวเองออกแล้วพ่นของเหลวสีขาวขุ่นใส่หน้าท้องแบนราบทันที ด้วยความที่ไม่ได้ปลดปล่อยมานานมันก็เลยทำให้สิ่งนี้พุ่งแรงไปหน่อย มันกระเด็นไปโดนหน้าแก้มใสอย่างจัง “ทำไมต้องแกล้งกันด้วย” แก้มใสแอบโวยเล็กน้อย ผมยกยิ้มอย่างขำขันก่อนจะหันไปคว้าเอากล่องทิชชูที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาเช็ดหน้าให้แก้มใสและบริเวณท้องน้อยของเธอ ผมแอบชำเลืองมองส่วนนั้นเล็กน้อยเมื่อเห็นคราบเลือดเปื้อนผ้าปูเตียงเป็นดวงเล็ก แล้วความรู้สึกตื่นเต้นก็แล่นเข้ามาจนผมอดที่จะยิ้มกับตัวเองไม่ได้ คราบสีแดงที่เปื้อนอยู่บนผ้าปูเตียงนั้น เป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่า...ผมคือคนแรก แก้มใสมีอาการเกร็งเล็กน้อยยามที่ผมเช็ดหน้าท้องให้ เมื่อผมเช็ดคราบสีขาวขุ่นออกจากหน้าท้องเธอหมดแล้ว แก้มใสก็รีบคว้าหมอนใบใหญ่มากอดแน่น “อาบน้ำไหม” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นฉันเอาแต่นั่งกอดหมอนไม่ยอมขยับไปไหน “อาบค่ะ” ฉันตอบเสียงอู้อี้เพราะเอาหน้าฝั่งไว้กับหมอนอยู่ “ไปอาบสิ” พี่บิ๊กไบค์เดินไปหยิบกางเกงบล็อกเซอร์ที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาสวม ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาให้ ฉันรีบยื่นมือไปรับแล้วนำมาพันรอบตัวอย่างรวดเร็ว “แก้มอาบก่อนนะคะ” พูดจบฉันก็รีบก้าวลงจากเตียงหมายจะวิ่งไปที่ห้องน้ำ แต่พอเท้าเตะพื้นเท่านั้นแหละ ร่างฉันก็ทรุดฮวบลงกับพื้น อย่างกับจุดที่ยืนอยู่มีแรงโน้มถ่วงมากอย่างนั้นแหละ “แก้ม!” พี่บิ๊กไบค์รีบเข้ามาอุ้มฉันขึ้นจากพื้นแล้วนำกลับมานั่งบนเตียงนอน แต่เขาไม่ได้ว่างฉันลงกับเตียงเขาให้ฉันนั่งบนตักเขาแทน “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยถาม น้ำเสียงของเขาแสดงความเป็นห่วงฉันอย่างชัดเจน แขนหนาโอบกอดรอบเอวฉันแน่น นี่เขาใช้แขนเพียงข้างเดียวก็โอบเอวฉันรอบแล้วเหรอเนี่ย “เปล่าค่ะ” ฉันหันไปตอบเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่บิ๊กไบค์หันมาพอดีทำให้เราสองคนสบตากันเข้า หัวใจฉันสั่นไหวรุนแรงยามที่พี่บิ๊กไบค์แสดงความห่วงใยหรือแสดงความอ่อนโยนออกมา คงเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีใครมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยฉันแบบนี้มาก่อน และสิ่งที่ทำให้ฉันชอบพี่โต้งนั้น ก็คงเพราะความห่วงใยนี่แหละ ที่มันทำให้ฉันรู้สึกดีด้วย ใบหน้าคมเริ่มเคลื่อนเข้ามาเรื่อย ๆ จนริมฝีปากเราสัมผัสกัน ฉันไม่ได้ผลักเขาออกหรือต่อต้านแต่อย่างใด มือหนาเลื่อนขึ้นมาจับที่ท้ายทอยของฉันให้หันไปหาเขาเล็กน้อยเพื่อที่เขาจะได้จูบถนัดขึ้น ลิ้นชื้นแทรกผ่านกรีบปากเข้ามาควานหาความหวานไปทั่วโพรงปาก สัมผัสอ่อนหวานและอ่อนนุ่มมันทำให้ฉันเสพติดจนไม่อยากหยุด ฉันเลื่อนมือไปลูบไล้อกแกร่งอย่างเผลอไผล “พี่ขออีกรอบได้ไหม” พี่บิ๊กไบค์ละริมฝีปากแล้วเอ่ยขึ้นพร้อมกับจรดหน้าผากของตัวเองเข้ากับหน้าผากของฉัน ใบหน้าเราห่างกันเพียงคืบ พี่บิ๊กไบค์ส่งสายตาออดอ้อนเต็มกำลัง “พี่ป้องกันก็ได้ ขอนะ” ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร พี่บิ๊กไบค์ก็โถมตัวมาใส่ ทำให้ฉันต้องนอนราบลงกับเตียงนอน ฉันนอนกัดริมฝีปากล่างตัวเองแน่นด้วยความประหม่า ฉันควรจะหวงตัวดีไหม แต่ต่อให้หวงยังไง มันก็คงไม่ทันแล้วล่ะ เพราะเราสองคนเกินเลยไปแล้ว มือหนาค่อย ๆ แกะปมผ้าขนหนูออกเผยให้เห็นรอยจ้ำแดง ๆ ที่เขาเป็นคนสร้างเอาไว้ก่อนหน้านี้ ฉันคงไม่ได้อาบน้ำแล้วล่ะวันนี้ “แก้มยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ” เมื่อพี่บิ๊กไบค์ทำท่าจะโน้มตัวลงมาอีกรอบ ฉันก็เกิดอาการเกร็งจนต้องเอ่ยพูดออกไปเพื่อยั้งเขาไว้ก่อน “ค่อยอาบตอนเช้าก็ได้” “แต่ว่า...อ๊ะ!” เขาไม่รอให้ฉันได้เอ่ยพูดอะไรออกมาอีก ร่างหนาก็เข้ามาโถมทับร่างกายของฉันอย่างเร่าร้อน ฉันทำได้แค่เพียงแปร่งเสียงออกมาเพื่อระบายความวาบหวามนี้ หลายครั้งหลายคลาที่ฉันต้องสะดุ้งสุดตัวกับการถาโถมสุดแรงของพี่บิ๊กไบค์ เขาทำเหมือนกับว่าอดอยากมานานอย่างนั้นแหละ.... เช้าวันต่อมา ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้ฉันหลับไปตอนไหน แต่ที่รู้ ๆ คือฉันไม่ได้อาบน้ำ ฉันมองหาร่างหนาที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่ได้อาบน้ำเมื่อคืน แต่ก็ไร้วี่แววของพี่บิ๊กไบค์ จนเมื่อฉันลุกขึ้นนั่งได้สักพักก็ได้ยินเสียงน้ำไหลกระทบพื้นกระเบื้อง อาบน้ำอยู่นี่เอง นี่แหละ โอกาสที่ฉันจะได้หนีเขา ฉันจึงลุกออกจากเตียงแล้วมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งมันนอนเล่นกองอยู่บนพื้นข้างเตียงนี่เอง ฉันรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกจากห้องของพี่บิ๊กไบค์ทันที แต่เมื่อฉันเดินออกมาจากห้องของพี่บิ๊กไบค์ ฉันก็เจอกับต้าหนิงเพื่อนของตัวเองพึ่งเดินออกมาจากห้องข้างๆ พี่บิ๊กไบค์นี่เอง ฉันกับต้าหนิงคุยกันได้ไม่กี่คำ ก็เห็นพี่บิ๊กไบค์กับพี่ราเรซเดินออกมาจากห้องของตัวเอง ด้วยความตกใจ ฉันกับต้าหนิงจึงจับมือกันแล้วออกวิ่งโดยอัตโนมัติ ระหว่างที่เดินทางกลับไปที่หอพักของน้ำกับแพรว ฉันกับต้าหนิงก็แวะร้านยาก่อน เมื่อกลับมาถึงหอพักของเพื่อน แพรวกับน้ำก็อาสาออกไปหาซื้ออาหารมาให้ฉันกับต้าหนิง เมื่อแพรวกับน้ำเดินออกจากห้องไปต้าหนิงก็หยิบยาขึ้นมาทาน “ทำไมไม่กินยาล่ะ” ต้าหนิงหันมาถามฉัน เพราะฉันไม่ยอมแกะกล่องยาสักที “คือ... แก้มกับพี่บิ๊กไบค์เราไม่ได้ มีอะไรกัน...” ต้าหนิงมีอาการสำลักน้ำเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันบอก “ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย” ต้าหนิงยังไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด “จริงๆ แก้มไม่ได้มีอะไรกับพี่เขา แค่เกือบ...” ขอโทษนะต้า ที่แก้มต้องโกหก ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในตอนนี้ “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องซื้อยามาตั้งสองกล่อง” ต้าหนิงบ่น “ก็ซื้อเป็นเพื่อนต้าไง สภาพเรามันก็ไม่ต่างกันหรอก ใครเห็นก็ต้องคิดแบบนั้น” ฉันยกยิ้มให้เพื่อนอย่างปลอบใจ “เฮ้อ” ต้าหนิงถอนหายใจยาวออกมา “เราจะทำยังไงกันดี” ในตอนนี้ ฉันไม่รู้จะปรึกษาใครจริง ๆ นอกจากเพื่อนรัก “แก้มก็สานต่อความสัมพันธ์ไปเลยสิ” ต้าหนิงแนะนำ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันกลัว ถึงได้โกหกต้าหนิงว่าฉันไม่ได้มีอะไรกับพี่บิ๊กไบค์ เพราะฉันรู้ว่าต้าหนิงต้องแนะนำแบบนี้ ซึ่งฉันยังไม่พร้อมจริง ๆ “แก้มชอบพี่โต้ง” ฉันตัดสินใจเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้เพื่อนรักได้รับรู้ ต้าหนิงหันมามองหน้าฉันอย่างอึ้งๆ “แก้มเองก็สับสนอยู่เหมือนกัน เพราะตอนนี้แก้มยังชอบพี่โต้งอยู่ ถึงแม้พี่โต้งจะไม่เคยมองแก้มเลยก็ตาม” ฉันหันไปยิ้มบาง ๆ ให้กับเพื่อน “ต้าเองก็สับสนไม่ต่างกัน” “ต้ายังชอบพี่ราเรซอยู่ไหม” มีแค่ฉันเท่านั้นแหละที่รู้ว่าต้าหนิงแอบชอบใครอยู่ ฉันจึงเอ่ยถามเพื่อนออกไป ต้าหนิงนั่งเงียบไม่ยอมตอบ ฉันเองก็พอจะเดาคำตอบได้อยู่ ฉันละสายตาจากเพื่อน แล้วหันมามองกล่องยาคุมฉุกเฉินที่อยู่ในมือ ใช่ว่าฉันไม่ได้มีอะไรเขา แต่ที่ฉันไม่กินยาก็เพราะว่า... เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ความร้อนรุ่มก็พุ่งขึ้นมากองบนหน้าฉัน โดยที่เพื่อนไม่ทันได้สังเกต ฉันรีบหันหลังให้ต้าหนิงเพื่อซ่อนใบหน้าแดงๆ ของตัวเองไว้ ฉันยืนมองดูเพื่อนรักจากชั้นบน ก็เห็นต้าหนิงโดนเด็กน้อยไดน่าหลอกให้ลงไปหาพี่ราเรซอย่างขำขัน พี่ราเรซนี้ก็นะ เจ้าเล่ห์จริง ๆ แต่พี่เขาก็มีความพยายามดีนะ ที่จะพาต้าหนิงกลับไปด้วยให้ได้ Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr “ว่าไงแพรว” เมื่อฉันกลับมานั่งเล่นบนเตียงนอนได้สักพักแพรวก็โทรศัพท์เข้ามา “แก้ม ลงมาช่วยถือของหน่อยสิ” หื้อ... ซื้อมาเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ก่อนหน้านี้ ต้าหนิงก็ลงไปเอามาเยอะแล้วนะ ก็ไหนว่าเหลืออาหารไม่กี่อย่างไง ไปตั้งสองคนเอามาไม่ได้เหรอ “ซื้อมาเยอะเลยเหรอ” ฉันถามเพื่อนกลับด้วยความแปลกใจ ปากก็ถามไปอย่างนั้นแหละ เท้าของฉันได้ก้าวลงมายังด้านล่างเรียบร้อยร้อย แต่พอลงมาฉันกลับไม่เจอเพื่อน “หวัดดี” ฉันจ้องหน้าผู้มาเยือนด้วยความตะลึงเพราะไม่คิดว่าเขาจะตามมาจนถึงนี่ได้ “ดีใจจนพูดไม่ออกเลยเหรอ” พี่บิ๊กไบค์ยกยิ้มหวานแสนกระชากใจส่งมาให้ “พี่รู้ได้ไงคะ ไหนบอกว่าไม่รู้ที่อยู่หอพักเพื่อนแก้มไง” ฉันขึงตาใส่อย่างโกรธเคืองที่โดนเขาหลอกจนได้ “เมื่อคืนนี้ พี่ไม่รู้จริงๆ พี่พึ่งถามไอ้เลโอ เมื่อเช้านี่เอง” พี่บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับยกยิ้มอย่างกวนๆ “ถ้าพี่คิดได้ ก็ควรถามตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” ฉันกอดอกแน่น ตั้งท่าจะเอาเรื่องเขาเต็มที่ แต่พี่บิ๊กไบค์ก็ยังยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่มีความทุกข์ร้อนใดๆ “ถ้าพี่มาส่งอะ เราจะได้สนุกกันเหรอ” พี่บิ๊กไบค์โน้มตัวลงมากระซิบบอกในระยะประชิด “พี่ไบค์!” ฉันเม้มกัดริมฝีปากล่างแน่นด้วยความอายที่เขาพูดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา ฉันไม่ได้นึกโทษที่พี่บิ๊กไบค์หรอกนะ เพราะเมื่อคืนนี้ฉันเองก็ไม่ได้มีทีท่าจะห้ามเขาเลยสักนิดและเขาก็ไม่ได้ขืนใจฉันด้วย “กินข้าวยัง” พี่บิ๊กไบค์ถามขึ้นเมื่อเห็นฉันเอาแต่เงียบไม่ยอมพูดอะไร “แก้มรอเพื่อนอยู่ค่ะ เพื่อนกำลังไปซื้อมาให้” “ไม่ต้องรอแล้ว พี่บอกให้เพื่อนแก้ม กินก่อนแล้วล่ะ” ฉันย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ พี่บิ๊กไบค์จึงชี้มือไปที่ใต้ต้นไม้ข้างหอพัก ซึ่งมีสองสาวกำลังนั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย อะไรกันเนี่ย ทำไมถึงกินก่อนฉันล่ะ ฉันตั้งท่าจะเดินไปหาเพื่อน “จะไปไหน” พี่บิ๊กไบค์คว้าข้อมือฉันไว้ “ไปกินข้าวกับเพื่อนไงคะ” “ไปกินกับพี่” แล้วมือหนาก็ออกแรงดึงให้ฉันเดินตามเขาไปที่รถ พี่บิ๊กไบค์ส่งสายตาแกมบังคับให้ฉันเข้าไปนั่งในรถของเขาซึ่งฉันจำต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ พี่บิ๊กไบค์พาฉันมาร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากหอพักเท่าไหร่ บรรยากาศภายในร้านร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาชนิด เห็นแล้วทำให้ฉันรู้สึกสดชื้นขึ้นเป็นกองเลย “รับอะไรดีคะ” พนักงานผู้หญิงเดินมาถามเมื่อฉันกับพี่บิ๊กไบค์นั่งที่เรียบร้อยแล้ว พนักงานหญิงในชุดรัดรูปเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างพี่บิ๊กไบค์ เธอพยายามส่งตาหวานเชื่อมมาให้ ซึ่งพี่บิ๊กไบค์ก็ส่งตาหวานกลับไปเช่นกัน ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ไว้ใจไม่ได้จริงๆ “สเต๊กเนื้อสองที่ กับน้ำส้มสองแก้วครับ” พี่บิ๊กไบค์สั่งให้เสร็จสับ พนักงานสาวส่งยิ้มมาให้พี่บิ๊กไบค์อีกรอบก่อนเดินจากไป “ใครอยากกินเนื้อไม่ทราบ” ฉันแอบบ่นเล็กน้อยที่เขาไม่ยอมถามฉันก่อนว่าอยากกินอะไร “ก็ต้องเสริมโปรตีนกันหน่อยสิ หมดไปเยอะเลย เมื่อคืนนี้” พี่บิ๊กไบค์ยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยทำให้ฉันถึงกลับต้องเบือนหน้าหนีแทบจะทันที ทำไมชอบพูดเรื่องเมื่อคืนนักนะ “อาหารมาแล้วค๊า... ทานให้อร่อยนะคะ” พนักงานสาวคนเดิมนำอาหารมาเสิร์ฟ ก่อนจากไปเธอก็ไม่วายส่งสายตายั่วยวนมาให้ “ขอบคุณครับ” พี่บิ๊กไบค์ก็ใช่ย่อยส่งยิ้มหวานไปให้เธออีกเป็นการส่งท้าย “ไม่ตามไปกินเธอเลยล่ะคะ” ฉันอดแขวะไม่ได้ “หึงพี่เหรอ” พี่บิ๊กไบค์หันกลับมายิ้มกรุ้มกริ่มให้ฉันอีกรอบ ฉันล่ะเกลียดรอยยิ้มแบบนี้จัง “เปล่าค่ะ ก็เห็นมองตาละห้อยขนาดนั้น นึกว่าอยากจะกินเธอแทนอาหารซะอีก” “ถ้าพี่บอกว่า... อยากกินแก้มมากกว่าล่ะ พี่จะได้กินไหม” “อึก! แฮ่ก ๆ ๆ” ฉันกำลังจิบน้ำส้มถึงกลับสำลักออกมาเลยทีเดียว พี่บิ๊กไบค์รีบยื่นทิชชูมาให้ “พูดบ้าอยู่ได้” ฉันส่งตาเขียวไปให้อย่างเคืองๆ ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะกินอาหารแล้วตอนนี้ ก็เลยนั่งเขี่ยไปเขี่ยมาอย่างเซ็งๆ “ทำไมไม่กินล่ะ” พี่บิ๊กไบค์หยุดทานอาหารแล้วหันมาจ้องหน้าฉัน “ไม่หิวค่ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมาตอบแล้วก็ก้มลงไปเขี่ยอาหารตรงหน้าต่อ คลื่น... พี่บิ๊กไบค์ลากเก้าอี้ของตัวเองมานั่งข้างฉัน แทบจะติดกันเลยก็ว่าได้ “มานั่งตรงนี้ทำไม” ฉันมองหน้าพี่บิ๊กไบค์อย่างไม่เข้าใจ “จะกินไม่กิน” พี่บิ๊กไบค์ถามอีกครั้ง “แก้มไม่หิว” ฉันก็ยืนยันคำเดิม พี่บิ๊กไบค์จึงหยิบส้อมจิ้มเนื้อในจานของฉันที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กไว้แล้ว เขาจิ้มชิ้นเนื้อขึ้นมาใส่ปากของตัวเองพร้อมกับเคี้ยวตุ้ย ๆ ที่แท้ก็จะแย่งฉันกินนี่เอง ฉันกำลังจะหันไปหยิบแก้วน้ำส้ม ก็ถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่ท้ายทอยพร้อมกับบังคับให้ฉันหันหน้ากลับไปหาเขา “...อุ๊บ!” ริมฝีปากหนาประกบปากบางในทันที ด้วยความที่ฉันไม่ทันระวัง ลิ้นชื้นจึงแทรกเข้ามาพร้อมกับเนื้อที่ถูกบดให้แล้วเข้ามาด้วย ลิ้นร้ายกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากเพื่อให้แน่ใจว่าฉันกลืนอาหารลงไปหมดหรือเปล่า “อร่อยไหม” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยถามพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างยั่วยวน ฉันไม่อาจตอบคำถามพี่บิ๊กไบค์ได้เพราะกำลังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่ เขาทำอะไรเนี่ย แขกที่เข้ามารับประทานอาหารต่างก็หันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว “เงียบแบบนี้แสดงว่า อยากให้พี่ป้อนอีกใช่ไหม” พี่บิ๊กไบค์ใช้ส้อมจิ้มชิ้นเนื้อในจานฉันอีกครั้ง ฉันจึงรีบคว้าช้อนส้อมกลับมาแล้วนำชิ้นเนื้อเข้าปากตัวเองทันที และไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ฉันยังจิ้มเนื้อสเต๊กเข้าปากอย่างต่อเนื่องจนหมดจานในเวลาอันรวดเร็ว “ทานของพี่ด้วยไหม” พี่บิ๊กไบค์เลื่อนจานสเต๊กของตัวเองมาตรงหน้าฉันพร้อมกับยกยิ้มอย่างขำขัน “ไม่ค่ะ แก้มอิ่มแล้ว” ฉันพยายามเคี้ยวอาหารอย่างยากลำบากเพราะว่าฉันยัดเข้ามาเยอะไปหน่อย “โอเคครับ” พี่บิ๊กไบค์เลิกแกล้งฉันแล้วหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อและไม่ยอมเลื่อนเก้าอี้กลับไปนั่งที่เดิมด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม