ตอนที่เจ็ด แอบหวง 1.2

2892 คำ
เขาจ้องฉันอย่างหนักจนฉันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว สายตาที่มองมานั้นมันแทบจะเผาไหม้ชุดฉันอยู่ละ ฉันรู้ว่าชุดมันล่อตาผู้ชายขนาดไหน แต่เขาก็ไม่ควรจ้องเหมือนอยากจะกินฉันขนาดนั้นก็ได้นะ ฉันเบือนหน้าหนีมองไปข้างสนามเพื่อหลบสายตาอันร้อนแรงนั้น แล้วสายตาของฉันก็มองเห็นบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เทนนั้นเอง เขายืนโบกมือแล้วชู้สองนิ้วให้ฉันสู้ ๆ เจ้าเด็กน้อยเอ๊ย... ฉันจึงส่งยิ้มไปให้เทนพร้อมกับส่ายหน้าขำๆ หรือว่าคนที่หางานนี้ให้กับฉันจะเป็นเทนนะ อาจจะใช่ เพราะเทนก็ทำงานที่นี้เหมือนกัน คงจะรู้จักกับพี่ร็อกกี้แน่ ๆ เลย “อะ แฮ่ม!” ฉันหันหน้ากลับมามองคนส่งเสียงกะแอ้มใส่ซะดังเชียว มือฉันก็ถือร่มกางให้เขาอยู่นิ แล้วทำไมต้องทำน้ำเสียงไม่พอใจด้วย เขาจ้องหน้าฉันอย่างคาดโทษก่อนจะเลื่อนกระจกหมวกกันน็อกลง แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกกลัวสายตาคู่นั้นด้วยนะ เมื่อสัญญาณไฟข้างสนามแสดงขึ้น เหล่าพริตตี้ทั้งหลายก็เดินออกจากสนามเพื่อให้นักแข่งเตรียมตัวในการแข่ง และก่อนที่ฉันจะเดินออกห่างนักแข่ง มือหนาก็คว้าเอาเอวขอดของฉันเข้าไปชิดตัวเขา ทำให้ใบหน้าของฉันชนเข้ากับหมวกกันน็อกแต่ไม่แรงมากไม่งั้นหน้าผากของฉันต้องเป็นรอยแดงนูนขึ้นแน่ ฉันพยายามแผ่งมองให้ทะลุกระจกหมวกกันน็อกสีดำสนิทของเขาเพื่อแสดงแววตาไม่พอใจออกมาให้เขาเห็น ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถมองเห็นดวงตาของเขาก็ตาม “อย่าเล่นหูเล่นตาให้มันมากนะ” น้ำเสียงปนดุพูดแทรกหมวกกันน็อกออกมา แล้วมือหนาก็ปล่อยออกจากเอวคอดให้ฉันเป็นอิสระ พร้อมกับที่ร่างกายแข็งทื่อของฉันด้วยความตกใจ เสียงนี้มัน... ฉันเดินไปยืนอยู่ข้างสนามกับพริตตี้คนอื่น ๆ เพราะมองหาเพื่อนรักไม่เห็น ไม่รู้ว่าต้าหนิงไปนั่งอยู่ตรงไหน เมื่อมองหาเพื่อนไม่เจอฉันจึงเดินไปหาเทน เพราะยังไม่ได้ทักทายกันเลย ฉันเดินไปหาเทนที่ข้างสนามซึ่งตรงที่เทนอยู่นั้นเป็นโซนของพวกทีมงาน เทนกำลังเช็กสภาพรถซุปเปอร์ไบค์คันหนึ่งอย่างตั้งใจ พึ่งจะเคยเห็นเทนตอนทำงาน เขาดูมีความตั้งใจและดูมีความสุขกับงานที่ทำมากๆ เลย ฉันกำลังจะเข้าไปทักทายเทน ก็มีเสียงใครอีกคนเรียกชื่อเขาก่อน “พี่เทน” ฉันหันไปมองก็เจอกับปอร์เช่ เขาเดินเข้ามาหาเทนและนั่งลงเพื่อดูรถด้วย “มีไร” เทนถามโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่เครื่องยนต์ของรถอยู่ “อะ” ปอร์เช่ยื่นกุญแจรถให้กับเทน เขาหันหน้ามามองที่ลูกกุญแจแวบหนึ่งแล้วก็หันไปสนใจรถต่อ “เอาไปเถอะน่า...ความจริงพี่เทนไม่จำเป็นต้องเอารถมาเป็นประกันด้วยซ้ำ” เหมือนปอร์เช่กำลังบ่นเทนเลย แล้วพวกเขาคุยเรื่องรถอะไรกันนะ “ไม่ได้หรอก พี่ไม่อยากเอาเปรียบเฮียนะ” เทนตอบ “เงินแค่สี่แสนเอง เฮียเขาไม่รีบร้อนหรอก” “กูล่ะงงใจมึงจริงๆ ไอ้เทน” เสียงเพื่อนในทีมของเทนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “รถราคาเป็นล้าน! แต่มึงเอามาจำเฮียไว้แค่สี่แสนเนี่ยนะ ถามจริง? มึงเอาเงินไปทำอะไรวะ” เทนเอารถของตัวเองไปจำนำงั้นเหรอ ไหนบอกว่าอยู่ร้านซ่อมไง นี่เทนโกหกฉันงั้นเหรอ เขาเอารถไปจำเพื่อนำเงินมาใช้หนี้เทนฉันกับแม่อย่างนั้นใช่ไหม “เทน” ฉันไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก ฉันอยากรู้ความจริงจากปากของเทน “พี่แก้ม!” เทนหันมามองหน้าฉันด้วยใบหน้าซีดเผือด “อ้าว! สาวสวยคนนั้นนิ รู้จักกับพี่เทนด้วยเหรอ” ปอร์เช่หันมาส่งยิ้มหวานให้ฉัน “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ฉันเข้าไปจับมือปอร์เทนให้ลุกขึ้นยืน “การแข่งจะเริ่มแล้ว!” เสียงเพื่อนอีกคนของเทนพูดขึ้นพร้อมกับรั้งตัวเทนให้เดินไปที่ขอบสนาม “ไว้เทนจะอธิบายให้ฟังทีหลังนะ” เทนหันกลับมาตะโกนบอกฉัน สงสัยจะคุยวันนี้ไม่ได้ซะแล้ว เพราะเทนกำลังทำงานอยู่ ฉันจำต้องหันหลังกลับแล้วเดินไปรวมตัวกับเหล่าพริตตี้คนอื่นๆ สัญญาณจากสนามแข่งดังขึ้น เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเสมือนเสือคำราม ทุกสายตาต่างจ้องมองไปที่สนามอย่างลุ้นล่ะทึกว่านักแข่งที่ตัวเองเชียร์อยู่จะเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกหรือเปล่า ฉันหันไปมองที่กลุ่มของเทนซึ่งพวกเขาต่างก็ให้ความสนใจไปที่สนามอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย มีรถซุปเปอร์ไบค์สองคันขับคู่กันมาอย่างสูสี นักแข่งทั้งสองต่างขับเขี้ยวกันอย่างดุเดือด และก็เป็นรถซุปเปอร์ไบค์คันสีเงินแกมเขียวเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก “เฮ่!” เสียงเฮดังลั่นสนาม ฉันเห็นเทนกระโดดกอดกับเพื่อนของเขาอย่างดีใจ สงสัยคนที่ชนะจะเป็นทีมของเทนแน่เลย “เอ้า! รออะไรอยู่ค่ะ คุณลูก รีบไปกางร่มให้นักแข่งเร็ว” พี่ร๊อกกี้เดินมาบอกเหล่าพริตตี้ ฉันที่ยังงงๆ อยู่ไม่รู้จะไปกางร่มให้ใครเพราะว่าคนที่ฉันกางร่มให้ก่อนแข่งมีพริตตี้ไปดูแลแล้ว พอมองไปยังรถข้าง ๆ กันที่เข้าเส้นชัยเป็นคันที่สองยังว่างอยู่ ฉันจึงเดินเลี่ยงไปกางร่มให้เขาแทน แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงตัวเขา ก็มีมือของใครบางคนรั้งเอวฉันให้ไปยืนแนบตัวเขา “นี่คุณ!” ฉันขึงตาใส่อย่างโกรธเคืองที่โดนผู้ชายคนนี้แต๊ะอั๋ง ซึ่งไม่ได้จบแค่นั้นหรอกนะ เพราะพริตตี้ที่ยืนกางร่มให้เขาอยู่ส่งสายตาจิกกัดมาให้ฉันอย่างเอาเรื่องด้วย “จะไปไหน” เขาเอ่ยถาม ทำไมฉันรู้สึกคุ้นน้ำเสียงนี้จัง “ไปกางร่มให้นักแข่งอีกคนค่ะ” “ไม่ให้ไป” “แล้วคุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง” ฉันพยายามแกะมือหนาออกจากเอวแต่ก็ไม่เป็นผล นี่มือคนหรือกาวกันแน่ ทำไมถึงได้ติดหนึบขนาดนี้ “เป็นคนที่จ้างแก้มมาไง” แล้วเขาก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ถอดหมวกกันน็อกออกเผยให้เห็นใบหน้าคม ผิวขาวเนียนใสที่แสนจะคุ้นตา “พี่ไบค์!” ฉันเผลอสบตาเขานิ่ง รู้สึกหวั่นไหวกับสายตาคู่นี้จัง สายตาที่มีแววหวงและแววโหยหาฉันอยู่ในตัว ทำไมหัวใจฉันถึงได้เต้นแรงขนาดนี้นะ “พี่ร๊อกกี้!” “จ้า คุณบิ๊กไบค์” พี่ร็อกกี้รีบวิ่งมาทันทีที่พี่บิ๊กไบค์เรียก “ค่าจ้างพริตตี้คนนี้ เดี๋ยวผมจ่ายเอง ส่วนของพี่ร็อกกี้ ผมโอนเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว” เมื่อพูดจบ พี่บิ๊กไบค์ก็ดึงร่มออกจากมือของฉันแล้วส่งให้พี่ร็อกกี้ถือแถมแย่งหมวกแก๊ปของพี่ร็อกกี้มาใส่เองอีกต่างหาก จากนั้นเขาก็สวมหมวกกันน็อกของตัวเองให้แก่ฉันก่อนจะยกตัวฉันขึ้นนั่งพ่ายที่ด้านหน้าด้วยแขนเพียงข้างเดียวของเขา “จะไปไหนคะ!” ฉันร้องถามด้วยความตกใจ “เกาะดีๆ” แล้วพี่บิ๊กไบค์ก็ขับรถออกจากสนามแข่งด้วยความรวดเร็ว ฉันนั่งหลับตาปี๋ก่อนจะหันตัวเข้าหาร่างหนาแล้วกอดเขาไว้แน่น ถึงมันจะดูเหมือนฉันแรดก็เถอะ แต่ฉันกลัวจริงๆ นะ ฉันไม่เคยนั่งด้านหน้าคนขับแบบนี้ เวลาไปกับเทนฉันก็นั่งซ้อนท้ายตลอด แต่พอได้มาอยู่ด้านหน้าแล้วเจอกับลมแรงๆ ที่เข้าปะทะร่างกายมันก็ทำให้ฉันเกิดอาการเกร็งสุดๆ ฉันไม่ชอบความเร็ว “เบาๆ หน่อย” ฉันซุกหน้าทั้งหมวกกันน็อกเข้ากับอกแกร่ง แขนขาสั่นทึ่มไปหมดแล้วตอนนี้ “ทำอย่างกะไม่เคยไปได้ เห็นไอ้เทนมาส่งด้วยรถแบบนี้บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ” พอรถติดไฟแดงพี่บิ๊กไบค์ก็หันมาคุยกับฉันด้วยเสียงดุ “แก้มไม่เคยนั่งหน้าเทนนะ เคยแต่ซ้อนท้าย ให้มานั่งหน้าแบบนี้มันน่ากลัว” ฉันเงยหน้าขึ้นเถียงโดยที่ไม่ยอมคลายอ้อมกอด ใช้ว่าฉันอยากจะกอดเขานะ แต่ฉันกลัวตกรถและไม่กล้าปล่อยมือออกจากร่างหนาด้วย “เดี๋ยวก็ชิน” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบาลงคลายจะปลอบฉันเพราะเขาคงรู้แล้วว่าฉันกลัวจริงๆ พอเขาพูดดีด้วยฉันก็เลยไม่มีอะไรจะเถียงต่อ แต่ว่า...พอฉันหันไปมองบริเวณรอบๆ ก็เจอกับสายตาผู้คนจำนวนมากจ้องมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว “พี่ไบค์...” ฉันหันหน้ากลับมาซบอกเขาอีกครั้ง “ว่าไง” “คนมองเต็มเลย” ฉันกระซิบบอกเสียงเบาหวิว ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเห็นหน้าฉันก็ตาม แต่ความรู้สึกมันก็อายอยู่ดีนั่นแหละ พี่บิ๊กไบค์หันไปมองโดยรอบด้วยสายตาพิฆาตอย่างแรง บุคคลใดที่เผลอสบตากับพี่บิ๊กไบค์เข้าเป็นต้องรีบหลบไปซะทุกราย เขาหวงฉันใช่ไหม สายตาแบบนี้ “ทำไมมันสั้นแบบนี้วะ!” เหมือนเขาจะบ่นกับตัวเองมากกว่าที่จะดุฉัน เมื่อเขาก้มหน้าลงมามองไล่ตั้งแต่เนินอกลงไปถึงกระโปรงที่แสนสั้นอวดโชว์ต้นขาอ่อนอย่างวาบหวิว ฉันเองก็พยายามหนีบขาให้ชิดกันไว้จนตะคิวเริ่มกินแล้วล่ะ ก็ควรโทษตัวเองไหมล่ะ เพราะเขาเป็นคนจ้างพี่ร็อกกี้ให้โทรมาแนะนำงานนี้กับฉันเองนิ “ก็ใครเป็นคนจ้างแก้มล่ะ” ได้ที่ฉันจึงต่อปากต่อคำซะเลย “อย่าเถียงให้มันมาก เดี๋ยวเจอดี” พี่บิ๊กไบค์ส่งสายตาดุมาให้ เขาคงจะหงุดหงิดจริงถึงได้ดุฉันแบบนี้ ฉันละความสนใจจากใบหน้าคมเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวด้วยความเร็วอีกครั้ง ฉันไม่กล้ามองทางด้านหน้าเลย แรงลมที่ปะทะโดนตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ารถคันนี้วิ่งเร็วแค่ไหน ฉันตั้งสมาธิอยู่ในใจ ขอพรให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยจนไปถึงที่หมาย ถึงแม้ว่าฉันจะเคยขี่รถแบบนี้กับเทนมาแล้ว แต่มันก็ชั่งแตกต่างเหลือเกิน เทนไม่เคยบิดเกิน 70 เขาขับขี่อย่างใจเย็นและไม่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวขนาดนี้ด้วย B Bike Racing ผมพาคนตัวเล็กมายังโชว์รูมรถของตัวเอง เพราะผมต้องมาเปลี่ยนชุดที่นี่ และเอารถมาเปลี่ยนด้วย ดูเหมือนว่าการขับขี่รถซุปเปอร์ไบค์ของผมจะทำให้แก้มใสรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ตลอดทางที่ผมบิดมาแก้มใสกอดเอวผมแน่นไม่ยอมปล่อยเลย ผมรู้สึกดีนะ แต่ผมก็อดเป็นห่วงแก้มใสไม่ได้ มันค่อนข้างอันตรายอยู่เหมือนกัน การที่ผมให้แก้มใสนั่งด้านหน้าแบบนี้ ผมเองก็ต้องใช้สมาธิและความชำนาญในการขับขี่เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อมีร่างบอบบางแสนนุ่มนิ่มนั่งตรงหน้าแล้วทำให้ผมไม่ค่อยมีสมาธิในการขับขี่สักเท่าไหร่ ผมวนรถมาจอดที่ด้านหลังของโชว์รูม ซึ่งมีอู่ซ่อมรถของผมอยู่ เมื่อผมดับเครื่องแก้มใสก็เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับเลื่อนกระจกหมวกกันน็อกขึ้นก่อนจะรีบผละตัวออกและพยายามที่จะลงจากรถ แต่มีเหรอที่คนอย่างผมจะยอม... “ปล่อยแก้มลงได้แล้ว!” แก้มใสตะโกนผ่านหมวกกันน็อกออกมา “อยู่นิ่งๆ ก่อนสิ จะถอดหมวกให้” ผมแกล้งไม่สนใจสายตาโกรธเคืองนั่น คงจะโกรธผมมากล่ะสิ ที่จู่ ๆ ก็โดนฉุดขึ้นรถแล้วพาออกมาจากสนามโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจมาด้วยสักนิด ผมค่อยๆ ถอดหมวกกันน็อกออกอย่างเบามือ เมื่อถอดหมวกกันน็อกออก แก้มใสก็รีบโดดลงจากรถแล้วไปยืนอยู่ห่างตัวผมด้วยท่าทางหวาดระแวง “หึ!” ถ้าคนที่พามาเป็นไอ้เทน แก้มใสจะรีบผละตัวออกจากแบบนี้ไหมนะ? คิดแล้วก็ปวดหัวใจอยู่คนเดียว แก้มใสกวาดสายตามองไปรอบๆ อู่ของผมอย่างสำรวจ แล้วตากลมโตก็หยุดจ้องมองอยู่ที่รถ Kawasaki Ninja H2 ซวยละ! ถึงเทนมันไม่ได้ขอร้องให้ผมปิดบังเรื่องรถของมันกับแก้มใส แต่ผมก็พอเดาออกว่าเทนคงไม่อยากให้แก้มใสรู้เรื่องนี้แน่ “นี่รถของเทนนิ มาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ” แก้มใสหันหน้ากลับมาถามผมทันที ผมไม่อยากตอบจึงเดินเลี่ยงเข้าไปยังห้องทำงานของตัวเองเพื่อหลบสายตาคาดคั้นจากแก้มใส ที่จริงผมจะตอบเลยก็ได้นะ แต่ผมคิดว่า ให้เจ้าของรถมันเป็นคนพูดเองจะดีกว่า ผมไม่อยากเป็นสาเหตุให้คนเขาทะเลาะกัน “พี่บิ๊กไบค์!” แก้มใสเดินตามผมเข้ามาในห้องทำงานด้วย เรียกชื่อซะเต็มยศเชียว คงจะอยากรู้มากสินะ แต่ผมไม่ตอบหรอก ผมเลี่ยงการสนทนาอีกครั้งด้วยการเดินไปหยิบกางกางเกงยีนกับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่แขวนไว้ด้านหลังโต๊ะทำงานพร้อมกับถอดชุดนักแข่งออกซึ่งมีซับในสีดำอีกชั้นอยู่ด้านใน “เทนเอารถมาจำนำกับพี่ใช่ไหม” แก้มใสเดินเข้ามาดักหน้าพร้อมกับตากลมโตที่จ้องมองผมอย่างต้องการคำตอบ “เทนบอกเหรอ” ผมย่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย ถ้าเทนบอกแล้วแก้มใสจะมาถามผมอีกทำไม “ใช่จริงๆ ด้วย” แก้มใสยกมือขึ้นมาดิ้นนิ้วตัวเองดังป๊อกเมื่อได้คำตอบที่ต้องการ นี่ผมโดนยัยตัวเล็กหลอกถามเหรอเนี่ย บ้าชะมัด “ไปถามมันเองดีกว่า” ผมพยายามทำหน้านิ่งไม่ยอมให้แก้มใสจับพิรุธได้ “ก็แค่ตอบมาว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ แค่นั้นเอง” แก้มใสยังไม่ล่ะความพยายามที่จะทำให้ผมยอมรับให้ได้ “แก้มควรไปถามเทนเองดีกว่า พี่ไม่อยากเป็นสาเหตุให้แฟนเขาทะเลาะกัน” พูดจบก็รู้สึกเจ็บใจตัวเองชะมัด แก้มใสมองหน้าผมอย่างมึนงง เห็นแล้วมันโคตรหงุดหงิดเลยว่ะ ผมจึงเดินเฉียดร่างบางแล้วตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงกันสนทนาต่อ “เดี๋ยว!” ผมกำลังจะปิดประตู มือบางก็เอื้อมเข้ามายึดขอบประตูห้องน้ำไว้แน่น ไม่ยอมให้ผมปิด “ใครแฟนใคร?” แก้มใสจ้องหน้าผมด้วยสีหน้ามึนงงไม่หาย “ก็ไอ้เทนไง คบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ” ผมเบือนหน้าหนีอย่างเซ็งๆ ที่ต้องมาพูดเรื่องรักๆ ของคนอื่น ซึ่งผมไม่ชอบใจเลย “แก้มเนี่ยนะ คบกับเทน” แก้มใสชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างตกใจ “แก้มกับเทนไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” “เหรอ!” ผมผลักบานประตูออกกว้างอย่างนึกโมโห ก่อนจะจ้องหน้าแก้มใสด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ว่าจูบกันอยู่หน้าบ้านได้เนี่ยนะ เหอะ! เชื่อตายแหละ” รู้สึกเหมือนตัวเองงี่เง่ายังไงก็ไม่รู้ ผมเถียงกับแก้มใสเหมือนพวกเด็ก ๆ เลยอะ ผมหันมาส่องกระจกที่อ่างล้างหน้าแล้วค่อยๆ ถอดเสื้อซับในสีดำออกเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องที่เรียงตัวเป็นลอนคลื่นอย่างสวยงาม ผมสวมเสื้อเชิ้ตทันทีแต่ยังไม่ยอมติดกระดุมก่อนจะหันมาจ้องหน้าคนตัวเล็กด้วยสีหน้าหงุดหงิด แก้มใสชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมถอยกลับไปอยู่ดี “เทนแค่หอมแก้ม ไม่ได้จูบซะหน่อย!” “จะจูบหรือหอม มันก็ใช้ปากสัมผัสเหมือนกันนั่นแหละ!” “แล้วทีตัวเองล่ะ!” เหมือนจะทำให้แก้มใสโมโหอยู่ไม่น้อย เธอเดินเข้ามาผลักอกผมหนึ่งทีโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้ร่างของผมถึงกลับเซถอยหลังเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง “ทีพี่ไบค์ทำกับแก้มมากกว่าเทนเราก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรกันเลย!” ผมจ้องใบหน้าหวานอย่างอึ้งๆ แก้มใสเองก็ดูตกใจในคำพูดของตัวเองเหมือนกัน เราต่างสบตากันนิ่งจนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่มันกำลังเต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง “แก้มไปรอด้านนอกนะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม