ร้านอาหารในฮ่องกง
"ได้ข่าวว่ากำลังเล็งที่ที่มาเก๊าเอาไว้?" จู่ ๆ อัลวาร์ก็เอ่ยขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
"ข่าวนายไวดีจริง ๆ เหมือนหมาขึ้นทุกวัน"
"เกี่ยวกับอะไรกับหมา?"
"คนไทยบอกว่าหมามันจมูกดี" อัลวาร์อ้าปากค้าง เพราะตอนนี้ถ้าเขาแปลความหมายไม่ผิด เพื่อนสนิทกำลังเปรียบเทียบเขากับสัตว์สี่ขาอยู่
"แล้วเรื่องจริงมั้ย?"
"อืม"
"ราคาสูง นายจะซื้อหรือไง ที่มีก็มากพอแล้วไม่ใช่เหรอ?"
"เงินเหลือ ซื้อ ๆ ไปเถอะ เอาไว้ให้หลาน ๆ"
"อ่า ลืมไปว่ามรดกนายแบ่งส่วนให้ลูกหมดแล้ว" อัลวาร์เอ่ยพร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม
"ฉันชวนนายมาทานข้าวอัลวาร์ ไม่ใช่ไวน์หรือผู้หญิง" สองคนเป็นเพื่อนรักที่ต่างขั้วกันสุด ๆ คนหนึ่งชอบใช้ชีวิตสงบ ไม่มั่วสุมกับใคร ว่างก็กลับบ้านไปหาครอบครัว ส่วนอีกคนขี้เล่น เจ้าของฮาเร็มดี ๆ นี่เอง
"นายนี่น่าเบื่อชะมัด เหมือนคนตายด้าน"
"ฉันไม่ได้ตายด้าน พูดดี ๆ เดี๋ยวก็สั่งไดมอนด์เป่าหัวทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด" ลัมบาน่าปรายตามองนิ่ง ๆ และอัลวาร์รู้ดีว่ามันไม่ใช่คำขู่
"นายไม่อยากบ้างหรือไง ภรรยาเสียไปก็หลายปี แม้แต่คนที่ให้นายระบายนายยังไม่เอา"
"มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบ อีกอย่างแค่เงี่ยน มันคงไม่ลงแดงตายหรอก มือฉันก็มี" เขาตอบเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่มันไม่น่าปกติเลยสักนิด เข้าใจอยู่ว่าสำหรับลัมบาน่าแล้วการให้เกียรติครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ แต่สถานะตอนนี้ของเขาไม่ผิดเลยสักนิดหากจะใช้บริการ
"พระเจ้าให้หน้าตาดี ๆ แต่ลืมบอกวิธีใช้ให้นายสินะ"
"รู้จักประโยคนี้ด้วย?"
"เด็กฉันเป็นคนไทยเยอะแยะ" อัลวาร์บอกราวกับว่ามันน่าภูมิใจนักหนา
"ตรวจเลือดบ่อย ๆ ฉันเป็นห่วง"
"เอ๊ะ? นายหลอกด่าอะไรฉันอีกหรือเปล่า?"
"เฮ้อ ฉันถามจริง ๆ อัลวาร์ ลูกน้องเคารพนายได้ยังไง"
เช้าวันต่อมา
ลัมบาน่าออกจากเกาลูนแต่เช้าเพื่อไปเจรจาเรื่องซื้อที่ดินในมาเก๊า เขาหยิบเอกสารเจ้าของที่มาอ่านซ้ำไปซ้ำมาเพื่อวิเคราะห์ว่ามันเป็นเพราะอะไรเขาถึงยังไม่ตกลงขายมันให้ใคร ทั้งที่มีหลายคนอยากจะได้มันแถมยังเสนอเม็ดเงินมากมายพอจะใช้ได้มากกว่ารุ่นเหลนกันเลยทีเดียว
"นายครับ ผมเช็กรายชื่อคนที่ขอซื้อที่ตรงนั้น หนึ่งในนั้นมีเอดีนด้วยครับ" ไดมอนด์เพิ่งจะเดินเข้ามารายงานเรื่องสำคัญนั่นทำให้ลัมบาน่าหงุดหงิดไม่น้อย
"นายทำงานพลาด?"
"ขอโทษครับ พอดีเอดีนเพิ่งติดต่อทางนั้นไปเมื่อสองวันก่อน" เหตุผลก็พอฟังขึ้น ทำให้เขาไม่ได้ดุอะไรคนสนิทมากไปกว่านั้น
"ใกล้ถึงหรือยัง?"
"สิบห้านาทีครับ"
"อืม เตรียมเสื้อสูทตัวสีดำให้ฉันด้วย" ไดมอนด์ก้มหน้าก่อนจะเดินหายออกไป
"นี่ครับ" เขาวางเอกสารลงและลุกขึ้นยืนเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนหน้ามีเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำเท่านั้น เวลาเดินทางลัมบาน่าชอบความสะดวกสบาย แต่ถึงแบบนั้นถุงมือก็ไม่เคยหลุดออกจากมือเขาเลยสักครั้ง มีเพียงแค่ตอนอยู่บ้านกับลูก ๆ เท่านั้นชายหนุ่มจะถอดมัน ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรเหมือนว่าเรื่องลายนิ้วมือจะเป็นเพียงเรื่องรองด้วยซ้ำไป
"ไปเตรียมรถให้เรียบร้อย แล้วค่อยมาตามฉัน" ไดมอนด์เดินจากไป การ์ดหนุ่มให้คนนำไปก่อนหน้าลัมบาน่าจะมาถึง เพื่อเช็กตามตึกสูงรอบ ๆ ที่เจ้านายของเขาจะไป ยี่สิบนาทีต่อมาหลังจากได้รับการยืนยันว่าปลอดภัย ไดมอนด์เดินกลับมาตามเจ้านาย
"โทรศัพท์เข้าครับ"
"เบอร์ใคร?"
"คุณคนกลางครับ"
"ส่งมา" เมื่อรับมาแล้ว เขากดตัดสายเบอร์ลูกชายทิ้งและเลือกส่งข้อความหาแทน
07.54 น. เวลาฮ่องกง
LB : ออกมาทำธุระ มีอะไร?
Ls B. : แด๊ดไปทำอะไรมาเก๊า?
LB : ไว้ค่อยคุยกัน
หลังจากตอบกลับข้อความของแลนซัสแล้ว ลัมบาน่ากดปิดเครื่องและส่งมันกลับคืนให้การ์ด เขาพลาดที่ไม่ได้ปิดเครื่องตั้งแต่เมื่อคืน เพราะแลนซัสชอบติดตามสัญญาณมือถือเขาอยู่เรื่อย ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่รู้เรื่องที่เขาโผล่มาเก๊าเวลานี้
"รออยู่ด้านนอก ฉันเข้าไปคนเดียวพอ"
"แต่นายครับ..."
"ไม่มีใครทำอะไรฉันได้ ถ้าฉันไม่ให้ทำ" สุดท้ายไดมอนด์ก็ต้องยอมฟังเพราะมันเหมือนการให้เกียรติและเชื่อใจในฝีมือของเจ้านายเขา
"ได้เจอกันสักทีนะครับคุณบราวน์" อาเฟย เจ้าของที่ดินเดินออกมาต้อนรับลัมบาน่าด้วยตัวเอง
"ครับ"
"เชิญด้านในก่อน" หลังจากได้รับคำเชิญ ลัมบาน่าเดินตามเจ้าของที่เข้าไปด้านใน เขามองบริเวณรอบ ๆ และรู้สึกพอใจกับมันเป็นอย่างมาก ที่ดินเหมาะแก่การสร้างกาสิโนครบวงจรเหมือนที่เวกัส ดูแล้วหากได้ทำจริง ๆ ที่นี่เป็นแหล่งรายได้ชั้นดีเลยทีเดียว
"นี่คือสัญญา" ลัมบาน่าส่งปากกากับกระดาษเปล่า ๆ ยื่นให้อาเฟย เมื่อรับมาแล้วถึงกับงงไม่น้อยเลยทีเดียว
"ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอะไร?"
"เพราะผมให้คุณเขียนด้วยตัวเองว่าต้องการอะไร เพื่อขายมันให้ผม" อาเฟยกดยิ้มมุมปาก เขายังไม่เคยเจอใครเหมือนลัมบาน่ามาก่อน ทุกคนล้วนแต่เข้ามาพร้อมสัญญาที่เต็มไปด้วยจำนวนเงิน
"70 ล้านดอลลาร์ พร้อมที่อยู่ให้กับชาวบ้านในบริเวณที่คุณต้องการซื้อ" อาเฟยไม่เขียน แต่เอ่ยออกไปเพราะเขาตกลงแล้วที่จะขายมันให้กับลัมบาน่า
"ไม่มีปัญหา แต่คุณแน่ใจแล้วใช่มั้ยในราคานี้ เพราะเท่าที่ผมทราบมีคนให้มากถึง 700 ล้านดอลลาร์"
"สำหรับผมเงินไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของคนที่อยู่กันมานาน ขอแค่ทำสัญญามาว่าคุณจะไม่ทิ้งพวกเขา ไม่ลอยแพหรือทำให้พวกเขาไม่มีที่อยู่"
"ผมจะให้คนจัดการสัญญาให้เรียบร้อย" ลัมบาน่ากดยิ้มเพียงเล็กน้อย จริง ๆ เขารู้เรื่องนี้มาบ้างจากเอกสารที่อ่าน คงต้องยกความดีความชอบให้ไดมอนด์ ที่เน้นเรื่องนี้ทุกครั้งที่เขาศึกษาเกี่ยวกับอาเฟย
"ยินดีที่ได้ทำข้อตกลงร่วมกันครับ" อาเฟยยื่นมือมาตรงหน้า ลัมบาน่ายื่นมือไปจับตามมารยาท
หลังจากเจรจาซื้อขายเสร็จ เขาเดินกลับมาที่รถและเจอกับบุคคลที่เกลียดตัวเองเข้าไส้ เอดีนมองเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตรมากนัก และยิ่งไม่เป็นมิตรมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินว่าที่ดินที่เขาต้องการหนักหนาตกอยู่ในมือผู้ชายที่ฆ่าพี่ตัวเอง
"ดูท่าเอดีนจะไม่พอใจมาก ๆ ครับ"
"ก็ช่างหัวมัน ขี้แพ้แบบนั้นต้องจัดการตัวเอง"
"แล้วถ้าเขาเลือกมาจัดการนายใหญ่ล่ะครับ?"
"มันทำอะไรเองไม่ได้หรอกไดมอนด์ ถ้าทำได้มันจะส่งไวโอเล็ตมาทำไม" ก็จริงอย่างที่เจ้านายของเขาพูด คนอย่างเอดีนขี้ขลาดอย่าบอกใคร