“เอ่อ...เซอร์ไพรส์เรื่องอะไรหรือคะคุณลิลลี่”
พิมพ์นาราถามเสียงสั่น ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อย หันไปมองทิวทัศน์นอกตัวถนน พลางนึกในใจว่าเมื่อไรตนเองจะหลุดพ้นจากคำว่า ขี้ข้า เมื่อไรจะได้เป็นไท เมื่อไรจะได้ทำตามที่ใจตนเองต้องการสักที
“ใจเย็นๆ ไว้นังพิม อีกไม่กี่นาทีเดี๋ยวแกก็จะได้รู้แล้ว”
ลลินเอ่ยเสียงเย็น โดยไม่ได้หันมามองหน้าคนรับใช้ หญิงสาวแสยะยิ้มกับแผนการที่วางไว้ พิมพ์นาราจะต้องเป็นแพะรับบาปให้กับเธอในทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้น
พิมพ์นาราขยับตัวอย่างอึดอัด รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับน้ำเสียงที่เอ่ยบอกอย่างเย็นยะเยือกของอีกฝ่าย เธอเดาได้ว่าเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ หญิงสาวกำมือเข้าหากันแน่น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วหลับตานิ่งรวบรวมสติให้กับตนเอง เพื่อเตรียมรับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีนับต่อจากนี้ไป
บรรยากาศภายในร้านอาหารหรูหราย่านซอยทองหล่อ ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่แถลงข่าวของนางเอกสาวชื่อดัง คลาคล่ำไปด้วยนักข่าวสายบันเทิงจากทุกสำนักข่าวในเมืองไทย ที่ต่างก็มาเฝ้ารอคอยทำข่าวของลลิน ซึ่งกำลังตกเป็นข่าวฮิตข่าวฮอตมาหลายวันแล้ว
ลลินก้าวลงจากรถพร้อมกับแสร้งยิ้มหวาน และยกมือไหว้นักข่าวทุกคนๆ แต่ในใจนั้นกลับอยากร้องกรี๊ดออกมาดังๆ ด้วยความโกรธ
‘บ้าชะมัด! ทำไมนักข่าวถึงมามากขนาดนี้ สงสัยต้องแกล้งร้องไห้จนตาบวมอีกแล้ว’
“สวัสดีค่ะพี่ๆ นักข่าว ขอโทษด้วยนะคะที่ลิลลี่มาช้าไปนิดหนึ่ง”
โปรยยิ้มหวาน พร้อมกับเอ่ยขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่แล้ว นางเอกสาวก็แสร้งตีสีหน้าเศร้า เอ่ยถามกองทัพนักข่าวราวกับเป็นห่วงเสียเต็มประดา
“พวกพี่ๆ ทานอะไรกันหรือยังคะ ถ้าหิวก็สั่งทานได้ตามสบายเลยนะคะ วันนี้ลิลลี่เหมาร้านนี้แล้ว ถ้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษก็สั่งเจ้าของร้านได้เลยค่ะ”
ลลินเอ่ยบอกอย่างนางเอกผู้แสนดี แต่พอเดินหันหลังให้กองทัพนักข่าว หญิงสาวก็เบ้ปาก ตีสีหน้าบ่งบอกให้เห็นว่าตนเองนั้นรังเกียจนักข่าวที่ชอบถามซอกแซกเจาะลึกเรื่องบนเตียงของเธอหนักหนา แต่กองทัพนักข่าวเหล่านี้หาได้เห็นภาพหลังที่แสนหน้าเกลียดของลลินไม่ คงมีแค่เพียงพิมพ์นาราเท่านั้นที่เห็น และเห็นเป็นประจำจนเป็นภาพที่ชินตาไปสำหรับเธอเสียแล้ว
“น้องลิลลี่ขา รีบๆ นั่งลงเถอะคะ พวกพี่ใจร้อนอยากสัมภาษณ์น้องลิลลี่ เรื่องที่มีข่าวลือว่าคนรักคนล่าสุดของน้องลิลลี่ฆ่าตัวตาย เพราะถูกน้องลิลลี่สลัดทิ้ง ไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือเปล่าคะ”
นักข่าวสาวจากรายการบันเทิงชื่อดังได้เอ่ยบอกแกมออกคำสั่งไปในตัว ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับลลินเป็นอย่างมาก นางเอกสาวกัดฟันกรอดๆ กำมือแน่นระงับอารมณ์เต็มที่ เพื่อไม่ให้เหวี่ยงใส่ผู้คนเหล่านี้
พิมพ์นาราถึงกับนิ่งขึงตัวชาไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำถามของนักข่าว เธอภาวนาขอให้คู่ควงของลลินที่นักข่าวพูดถึง อย่าได้ใช่คุณรามิล คนที่เธอรักไม่ต่างจากพี่ชาย
ลลินรีบตีบทโศก ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง น้ำตาไหลพรากๆ ราวกับสั่งได้ ใบหน้างามซบลงกับโต๊ะกระจกพยายามปล่อยเสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาให้ดังที่สุด เพื่อให้บรรดากองทัพนักข่าวได้เห็นใจ นางเอกสาวใช้เวลาแสดงละครบทโศกอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยบอกนักข่าวเสียงสั่นเครือ
“ขอโทษด้วยนะคะ ที่ลิลลี่ระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ลิลลี่...เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก”
พิมพ์นาราซึ่งถูกบังคับให้นั่งใกล้ๆ กับลลิน ได้ยื่นกระดาษทิชชู่ให้อีกฝ่ายซับน้ำตา หญิงสาวยังงงเป็นไก่ตาแตก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ลลินก็ร้องห่มร้องไห้น้ำตาท่วมร้านอาหารเช่นนี้
“คุณลิลลี่คะ พวกเราขอสัมภาษณ์เลยได้ไหมคะ”
หนึ่งในบรรดานักข่าวที่เริ่มเบื่อดูละครบทโศกแล้ว ได้เอ่ยถามแกมเร่งเร้านางเอกสาว เพื่อที่พวกตนจะได้รับคำตอบเอาไปทำสกู๊ปข่าวสักที
“เชิญ...ค่ะ เชิญพี่ๆ ถามได้เลยค่ะ แต่ก่อนที่ลิลลี่จะตอบคำถาม ลิลลี่ขอบอกคำเดียวว่าลิลลี่เสียใจมากๆ”
“ไม่ทราบว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นจริงหรือเปล่าคะ มีคนเสียงพูดหนาหูว่าคู่ควงของคุณลิลลี่ที่ชื่อรามิล ได้ฆ่าตัวตายเพราะว่าถูกคุณลิลลี่สะบั้นรัก”
“คุณรามิล...”
พิมพ์นาราถึงกับตะลึง มือไม้อ่อนแรงเมื่อได้ยินข่าวร้ายที่นักข่าวได้เอ่ยถามลลิน เพราะเหตุนี้นี่เอง คุณรามิลถึงไม่เคยมาที่คอนโดอีกเลย เป็นเพราะอีกฝ่ายจากไปอย่างไม่มีวันกลับนี่เอง ถึงไม่เคยแวะเวียนซื้อขนมมาให้เธออีก
“คุณรามิล ทำไมคุณถึงได้คิดสั้นแบบนี้”
พิมพ์นาราพึมพำเสียงสั่นเครือ ขอบตาร้อนผ่าว ดวงตากลมโตดำสนิท มีหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจเอ่อคลอเบ้า ก่อนจะร่วงเผาะเป็นทางยาว เมื่อรู้ว่าเพื่อนที่ดีของเธอได้ถูกผู้หญิงซึ่งคนทั้งประเทศหลงชื่นชมว่าเป็นคนดีหนักหนา ได้ทำร้ายจิตใจอย่างสาหัสสากรรจ์ จนต้องทำการอัตวินิบาตกรรมเช่นนี้
ลลินแอบยิ้มเยาะ เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นร้องไห้จากพิมพ์นาราดังเล็ดลอดมาเข้าหู หญิงสาวหันไปมองอีกฝ่าย พอได้เห็นขี้ข้ารับใช้ร้องห่มร้องไห้ราวกับญาติเสีย ก็ยิ่งสะใจที่อีกฝ่ายกำลังตกอยู่ในเกมของเธออย่างไม่รู้ตัว
นางเอกสาวหันมามองนักข่าวอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็ยกทิชชู่ซับน้ำตา ก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่ถูกปรุงแต่งล้วนๆ ขึ้นมาให้นักข่าวได้ยิน
“ลิลลี่ไม่ทราบนะคะว่าพวกพี่นักข่าว ได้ยินได้ฟังเรื่องของคุณรามิลมาอย่างไรบ้าง เรื่องที่ลิลลี่จะเล่าให้พวกพี่ฟังนั้นเป็นความจริงที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้เลย ลิลลี่กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว ว่าควรจะพูดเรื่องนี้ดีหรือเปล่า เพราะ
ว่ามันเป็นเรื่องภายในครอบครัวไม่ควรเอามาเล่าให้คนนอกฟัง”
นางเอกสาวจอมมายา ได้สูดสะอื้น ยกกระดาษทิชชู่ซับน้ำตาอีกหลายนาที ก่อนจะเอ่ยพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ติดสั่นเครือ
“ตอนแรกลิลลี่คิดว่าจะไม่พูด จะให้ความผิดทั้งหมดตกอยู่ที่ลิลลี่คนเดียว แต่คุณพ่อกับคุณแม่ของลิลลี่ ท่านไม่เห็นด้วย คุณแม่บอกว่าลิลลี่ควรจะพูดความจริงให้ประชาชนที่รักและคอยติดตามผลงานของลิลลี่ได้รับรู้ความจริงด้วย”
ลลิน สูดสะอื้นอีกครั้ง ขณะยกกระดาษทิชชู่ซับน้ำตา ก็แอบลอบมองปฏิกิริยาจากนักข่าว ที่ต่างก็นั่งหน้าสลอนตั้งอกตั้งใจรอฟังเรื่องโกหกจากเธอ หญิงสาวยิ้มเยาะอยู่ในใจ เมื่อเห็นท่าว่าละครเรื่องนี้กำลังจะจบลงอย่างสวยงาม คนที่ถูกคือเธอ และคนที่ผิดมหันต์ คือขี้ข้าที่นั่งอยู่ใกล้ๆ