บทที่ 1
หนึ่งชีวิตที่สูญไป ต้องชดใช้ด้วยชีวิต...
ณ คอนโดหรูหราแพงลิบลิ่วใจกลางเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร หนึ่งหญิงผู้เป็นนายและอีกหนึ่งผู้ที่จำใจต้องตกเป็นทาสรับใช้ กำลังพากันซักซ้อมบทสัมภาษณ์ก่อนผู้ที่เป็นนายจะได้ออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนซึ่งนัดหมายไว้ภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
“นี่! นังพิมแกทำผมฉันให้ดีๆ หน่อยได้ไหม”
บทสัมภาษณ์รวมทั้งบทละครค่อนข้างหนาปึกที่อยู่ในมือบางสะโอดสะองค์ถูกเจ้าตัวตวัดฟาดลงไปบนต้นแขนขาวผ่องของหญิงสาวที่ตกเป็นขี้ข้าเพราะไม่มีทางเลือก
และเมื่อเห็นภาพสะท้อนของตนเองในกระจกเงา ‘ลลินหรือลิลลี่’ นางเอกและนางแบบชื่อดังค่าตัวแพงที่สุดในเมืองไทยมีอันต้องร้องกรี๊ดดังลั่นจนแสบแก้วหูไปหมด
“กรี๊ดดดด!!...อีนังพิม! แกแกล้งฉันใช่มั้ย ฉันบอกให้ทำผมทรงโมฮ็อกไม่ใช้ทรงยายเพิ้ง ทำใหม่เดี๋ยวนี้!”
ลลินไม่ได้กรีดร้องลั่นเอ่ยสั่งแต่ปาก แต่นางแบบสาวได้เอามือไปขยี้เส้นผมของตัวเองจนยุ่งเหยิง ทำให้หญิงสาวที่เป็นทั้งช่างแต่งหน้า ทำผมและทำทุกอย่าง รวมถึงการเป็นทาสมือทาสอารมณ์ของลลินต้องกัดเม้มริมฝีปากไว้แน่นด้วยความเจ็บใจ
“คุณลิลลี่นั่งอยู่นิ่งๆ ได้มั้ยคะ ถ้าคุณหันไปหันมาแบบนี้พิมก็แต่งหน้าทำผมให้คุณลิลลี่ไม่เสร็จสักที”
ด้วยความเหน็ดเหนื่อย จากการยืนแต่งหน้าทำผมให้เจ้านายสาวเป็นเวลานานหลายชั่วโมงแล้ว แต่ไม่ถูกใจอีกฝ่ายสักที ทำให้ ‘พิมพ์นาราหรือพิม’ หลุดเสียงต่อว่านางแบบสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ และผลที่ได้รับตอบแทนจากการบ่นด้วยความเหน็ดเหนื่อยคือฝ่ามือของลลิน ที่ลอยมากระทบกับใบหน้านวลลออของเธอดังฉาด!...
เผียะ!!!
“แกเป็นขี้ข้าเป็นทาสรับใช้ ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนฉัน หุบปากของแกแล้วก็ทำตามที่ฉันสั่งเดี๋ยวนี้”
ลลินชี้นิ้วตะโกนด่าดังลั่นห้อง กริยาที่แสดงต่อหญิงสาวซึ่งโชคชะตาบังคับให้เป็นทาสตั้งแต่วัยเยาว์เต็มไปด้วยความหยาบคาย
เมื่ออยู่ในสถานที่อันเป็นส่วนตัวปราศจากปาปารัสซี่และนักข่าวทั้งหลาย นางเอกสาวพราวเสน่ห์ก็จะปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนนอกมาเห็นเข้า ถ้อยคำผุรสวาทหยาบโลนที่ไม่มีใครเคยได้ยิน ก็ถูกขุดขึ้นมาด่าทอพิมพ์นาราไม่ได้หยุด กริยาอ่อนโยนอ่อนหวาน แสนไร้เดียงสาที่แสดงต่อสื่อมวลชลไม่มีให้เห็นอีก ตอนนี้มีแค่นางแบบสาวที่กร้านโลก ทั้งบุหรี่ทั้งเหล้าและยาเสพติดเธอไม่มีพลาด ตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่มีใครเคยเห็นนอกจากพิมพ์นาราเพียงคนเดียว
พิมพ์นาราขบเม้มเรียวปากอิ่มเอิบสีหวานไว้แน่น อาการเจ็บจากการถูกตบจนหน้าหัน มีรอยนิ้วทั้งห้าขึ้นทันตาเห็นไม่ได้เจ็บปวดเท่ากับความจริงที่ว่าเธอต้องตกเป็นทาสอารมณ์ให้นางเอกสาวโขกสักได้ตามอำเภอใจ มือเล็กกำด้ามหวีแล้วบีบแน่นราวกับต้องการให้มันแหลกคามือ เพราะคำว่า ความจนและกตัญญูต่อผู้มีพระคุณยิ่งกว่าชีวิต ทำให้บิดามารดาของเธอยอมยกหรือจะเรียกว่าขายก็ไม่ผิด ได้ขายเด็กน้อยตาดำๆ ลูกในไส้ของตัวเองให้กับพลโทกวีและคุณหญิงลินดา
การมาอาศัยอยู่กับพลโทกวีและคุณหญิงลินดา ที่มีอาหารการกินสมบูรณ์พร้อมพรัก ได้ช่วยให้เด็กน้อยที่ผอมกะหร่องกะแหร่งมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้าง ในช่วงปีแรกของการมาพำนักที่คฤหาสน์ของท่านนายพล เป็นช่วงชีวิตที่เด็กน้อยมีความสุขมากที่สุด จนกระทั่งคุณหญิงลินดาได้ตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกสาวหน้าตาหน้าเกลียดน่าชังขึ้นมา เด็กน้อยที่ชื่อน้องพิมหรือพิมพ์นาราก็ไม่ได้รับการแยแสจากทุกคนในคฤหาสน์อีกต่อไป ท่านนายพลกับคุณหญิงรักและตามใจลูกสาวคนเดียวเป็นอย่างมากไม่ว่าคุณหนูลิลลี่ต้องการสิ่งใด ก็ต้องหามาประเคนให้ลูกจนได้ แม้กระทั่งลูกสาวเอ่ยปากขอคนรับใช้ต้นห้องนั่นก็คือพิมพ์นาราคุณหญิงลินดาก็ไม่มีขัดสักคำ
คุณลลินในวัยสิบขวบไม่ได้ต้องการแค่คนรับใช้ต้นห้องเท่านั้น แต่เด็กน้อยต้องการคนที่สามารถรองมือรองตีนรองรับอารมณ์ที่รุนแรงของเธอได้ ในช่วงวัยเด็กอารมณ์โมโหร้ายของคุณลลินหรือลิลลี่ยังไม่รุนแรงเท่าใดนัก แต่เมื่อโตเข้าสู่วัยรุ่นความโมโหร้ายเอาแต่ใจของเธอกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม และยิ่งได้เข้าสู่วงการวายาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นหลายสิบเท่า แต่สิ่งเหล่านี้ลลินจะไม่แสดงให้ใครได้เห็น ต่อหน้าประชาชนหรือสื่อมวลชนทุกแขนง นางแบบสาวสามารถเก็บอารมณ์ได้เป็นอย่างดีเยี่ยมสมกับที่เป็นนักแสดงเป็นนางแบบมืออาชีพ แต่ทันทีที่ได้เข้ามาอยู่ภายในห้องหรูหราเป็นการส่วนตัวอารมณ์ที่กักเก็บไว้ยาวนานก็จะถูกปลดปล่อยมาลงที่พิมพ์นาราแต่เพียงผู้เดียว
“แกจะยืนละเมอฝันหวานถึงพวกผู้ชายหน้าโง่อีกนานมั้ยนังพิม ถ้าฉันไปสัมภาษณ์ไม่ทันแกได้เจอดีแน่”
เสียงที่ตวาดลั่นกอปรกับควันบุหรี่ที่พ้นใส่หน้าจนสำลักแทบหายใจไม่ออก ได้ช่วยดึงให้พิมพ์นาราหลุดพ้นจากภวังค์แห่งความเจ็บปวดที่เกาะกินใจมาช้านาน เรือนร่างอันแสนบอบบางอรชรอ้อนแอ้นไม่แพ้นางแบบสาว ได้ขยับกายเข้าไปใกล้อีกนิด จากนั้นก็ลงมือทำผมให้คุณลลินอีกครั้ง
“เสร็จจากงานแถลงข่าวแล้วคุณลิลลี่จะไปเดินแบบที่ไหนต่อคะ” พิมพ์นาราเอ่ยถามด้วยความระมัดระวังไม่ให้คำพูดของตนเองไปสะกิดอารมณ์ของอีกฝ่ายเข้า
“พารากอน!” นางเอกสาวกระชากเสียงตอบห้วนๆ พร้อมกับพ้นควันบุหรี่ออกจากริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด
“วันนี้แฟนคลับของคุณลิลลี่คงมารอฟังแถลงข่าว เรื่องละครที่กำลังจะออนแอร์เป็นจำนวนมาก”
“ใครบอกแกว่าฉันจะแถลงข่าวเรื่องละครที่กำลังจะออนแอร์”
นางเอกสาวย้อนถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ นิ้วเรียวยาวแต่งเล็บอย่างดีได้ดีดขี้บุหรี่ลงบนจานเขี่ยบุหรี่ จากนั้นก็ยกขึ้นดูดสารเสพติดเข้าร่างกายอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องเปิดแถลงข่าวเป็นการด่วนในวันนี้ ทำเอาเธอเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาอีกหน
“พิมนึกว่าคุณลิลลี่จะแถลงข่าวเรื่องละครเสียอีก”
พิมพ์นาราเอ่ยวิจารณ์เสียงแผ่วเบา พลางขยับกายออกแล้วเดินอ้อมไปอยู่ข้างหน้านางเอกสาว เพื่อมองดูทรงผมที่เธอจัดทรงใหม่ว่าเข้าที่ตามที่คุณลลินต้องการหรือยัง
“ถ้าไม่ได้แถลงข่าวเรื่องละคร...แล้ววันนี้คุณลิลลี่จะแถลงข่าวเรื่องอะไรคะ เผื่อว่าตอนที่รอคุณลิลลี่แล้วมีแฟนคลับมาถาม พิมจะได้ตอบพวกเขาถูก”